Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายสัปดาห์5 พฤศจิกายน 2550
ต่างชาติแห่ลงทุนพลังงานทางเลือก.!ปีหน้าโต 40%-‘โซลาร์ฯ-ไบโอแมส’ดาวเด่น             
 


   
search resources

Investment
Energy




2 กูรูเชื่อธุรกิจ “พลังงานทางเลือก” มาแรงสวนกระแสยุคน้ำมันแพง ผู้ประกอบการเร่งปรับตัวเหตุแบกรับต้นทุนจาก “น้ำมัน-ไฟฟ้า” ไม่ไหวหันมองพลังงานทางเลือกแทนลดค่าใช้จ่ายในโรงงาน พร้อมชี้ 4 กลุ่มเด่น โซลาร์ฯ-ขยะ-ลม-แก้ส ด้าน BOI โชว์ตัวเลข 8 เดือนยอดขอส่งเสริมลงทุนพุ่งแตะ 1.4 หมื่นล้านขณะที่ต่างชาติรอเข้าลงทุนอีกอื้อ.!

ท่ามกลางที่ราคาน้ำมันที่พุ่งกระฉูดสร้างสถิติใหม่ (นิวไฮ)โดยราคาดีเซลในตลาดสิงคโปร์ทะลุ 100 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรลไปแล้วย่อมส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยทุกภาคส่วนอย่างหลีกเหลี่ยงไม่ได้เช่นกัน ซึ่งหากมองถึงทางออกของปัญหาพลังงานทางเลือก หรือ พลังงานทดแทนย่อมเป็นส่วนหนึ่งในทางออกดังกล่าวซึ่งภาคเอกชนหลายรายได้ปรับตัวมาก่อนหน้านี้ และอยู่ระหว่างการปรับตัวเพราะไม่มีทางราคาน้ำมันในตลาดโลกจะลดลงมาอยู่ที่ในระดับเดิมได้อีกแล้ว “ธุรกิจพลังงานทางเลือก” จึงเป็นอีกธุรกิจหนึ่งที่จะสามารถสร้างรายได้ให้ผู้ประกอบการในยุคน้ำมันแพงอย่างแน่นอน

ธุรกิจพลังงานทางเลือกมาแรง.!

พิชัย ถิ่นสันติสุข ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมพลังงานทดแทน สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวกับ “ผู้จัดการรายสัปดาห์” ว่าแนวโน้มราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้นจนสร้างนิวไฮรอบใหม่อีกครั้งย่อมส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับราคาน้ำมัน แต่ที่ราคาน้ำมันสูงขึ้นไม่ได้อยู่เหนือความคาดหมายแต่อย่างใดเพราะหากดูทิศทางตลาดน้ำมันของโลกแล้วไม่มีทางที่ราคาน้ำมันจะกลับมาอยู่17-18บาทอย่างเดิมได้ ผู้ประกอบการส่วนหนึ่งจึงได้ปรับตัวไปแล้ว ขณะที่อีกส่วนหนึ่งกำลังปรับตัว และ อีกส่วนที่กำลังศึกษาว่าจะใช้พลังงานทางเลือกชนิดใดในธุรกิจของตนเองได้ ซึ่งปัจจัยที่กระตุ้นให้เกิดการลงทุนดังกล่าวเนื่องจากข้อจำกัดในด้านการดูแลปัญหาสิ่งแวดล้อมของโรงงานอุตสาหกรรม เมื่อมีเทคโนโลยีที่สามารถจะบริหารจัดการกับของเสียในโรงงานพร้อมกับการได้ประโยชน์ โดยสามารถนำมาผลิตพลังงานเพื่อใช้ในโรงงานเองในภาวะที่ราคาน้ำมัน หรือไฟฟ้าสูงขึ้น ซึ่งคุ้มกับการลงทุน เพราะหากผลิตไฟฟ้าหรือแก๊สได้มากเกินความต้องการใช้ก็ขายให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.)ได้ด้วย

โดยพลังงานทางเลือกที่ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆในประเทศไทยเห็นได้จากบริษัทใหญ่ๆพยายามลดรายจ่ายโดยใช้พลังงานขยะที่เหลือใช้มาใช้ผลิตกระแสไฟฟ้าใช้เองหรือเปลี่ยนจากการใช้น้ำมันดีเซลหรือเบนซินมาใช้ก๊าซเอ็นจีวี แกสโซฮอล์ ไบโอดีเซล หรือเอธานอล แทน

4 กลุ่มธุรกิจหลักทางเลือกของคนไทย

นอกจากนี้แล้วพลังงานทางเลือกที่ได้รับความสนใจขณะนี้จะมี4 ตัวหลักๆคือ 1.กลุ่มผู้ประกอบการพลังงานเซลล์แสงอาทิตย์ (Solarcell) มีผู้สนใจลงทุนในธุรกิจประเภทนี้มากที่สุดคิดเป็นมูลค่า 6,000 ล้านบาท แต่ยังประสบปัญหาต้นทุนสูงกว่าพลังงานหมุนเวียนประเภทอื่นๆ เฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 15-16 บาทต่อหน่วย ผู้ประกอบการจึงต้องการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้การช่วยเหลือด้านการกำหนดปริมาณการซื้อใช้ในประเทศไทยมากขึ้น ซึ่งปัจจุบันผู้ผลิตรายใหญ่ทั้ง 5 รายส่งออกกว่าร้อยละ 90 ของมูลค่าการผลิตในประเทศไทย 2.พลังงานลม ( Wind) พบว่า ไทยสามารถผลิตกังหันลมเชิงพาณิชย์ขนาด 5,000 วัตต์และจะพัฒนาต่อไปได้ถึงขนาด 50,000 วัตต์ ซึ่งเป็นกังหันแบบใช้กระแสลมต่ำมีความเหมาะสมกับสภาพภูมิอากาศและภูมิประเทศของไทยนอกจากนี้ยังสามารถส่งออกไปยังประเทศเพื่อนบ้าน เช่น ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และประเทศที่มีภูมิประเทศเป็นเกาะ มีกระแสลมพัดตลอดปีได้ในอีก 1-2 ปีข้างหน้า

ขณะที่กลุ่มที่ 3 คือกลุ่มธุรกิจก๊าซชีวภาพเป็นธุรกิจพลังงานทดแทนที่มีความพร้อมและปัญหาน้อยที่สุด เนื่องจากคืนทุนได้เร็ว อีกทั้งเทคโนโลยีของคนไทยก็ได้รับการยอมรับไม่ต่างจากของต่างประเทศ แต่กลุ่มธุรกิจประเภทนี้ยังประสบปัญหาเรื่องการขาดนักลงทุน ซึ่งมีความจำเป็นต้องจัดหาเงินลงทุนดอกเบี้ยต่ำ หรือนักลงทุนในระบบ Built Operation Transfer กล่าวคือ สร้างโรงงานให้ก่อนและเก็บผลประโยชน์จากการขายพลังงานเมื่อครบกำหนดก็ยกโรงงานก๊าซชีวภาพให้กับเจ้าของโรงงาน และสุดท้ายกลุ่มที่ 4 .ธุรกิจการแปลงขยะเป็นพลังงานซึ่งเป็นการกำจัดขยะชุมชนด้วยการแปลงเป็นพลังงานไฟฟ้า ปัจจุบันมีอยู่ 2 เทคโนโลยีที่นำเสนอและมีความเป็นไปได้คือขยะ 150-300 ตัน ใช้เทคโนโลยีการแปลงขยะชุมชนเป็นเชื้อเพลิงชีวมวล แล้วผลิตกระแสไฟฟ้าด้วยโรงไฟฟ้าชีวมวล ส่วนขยะ 500 ตันขึ้นไปสามารถใช้เตาเผาขยะชนิดปลอดมลพิษและผลิตกระแสไฟฟ้าเพื่อชดเชยค่าใช้จ่าย

“ปูนใหญ่-ปูนกลาง” ปรับตัวแล้ว

“ตอนนี้หลายภาคธุรกิจกำลังปรับตัวเช่นใหญ่เช่นปูนใหญ่ (บมจ.ปูนซิเมนต์ไทย) หรือปูนกลาง (บมจ.ปูนซิเมนต์นครหลวง) ก็เร่งปรับตัวเพราะเขามองมองออกว่าต้นทุนด้านพลังงานนับวันจะยิ่งเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ” ประธานกลุ่มพลังงานทดแทนระบุ

เชื่อปีโตกว่า 40% ฟันธง “โซลาร์ฯ-ไบโอแมส”มาแรง.!

ด้าน“ดร.พิชิต อัคราทิตย์” กรรมการผู้จัดการ (MD) บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนบลจ.เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) กองทุนที่มีนโยบายลงทุนในธุรกิจพลังงานทางเลือกภายใต้วงเงินลงทุน 4,000 ล้านบาทกล่าวเพิ่มในประเด็นเดียวกันว่าธุรกิจพลังงานทางเลือกยังขยายตัวได้อีกมากโดยปีนี้น่าจะขยายตัวถึง 40% ในตอนแรกแต่เพราะสภาวะการเมืองไม่นิ่งกดดันให้ธุรกิจดังกล่าวไม่ขยายตัวตามเป้าแต่ปีนี้ก็น่าจะขยายตัวกว่า 20% เป็นอย่างน้อยขณะที่ปีหน้า (2551) คาดว่าธุรกิจพลังงานทางเลือกจะขยายตัวมากกว่า 40 %

“ปีหน้าคาดว่าธุรกิจทางเลือก 2 ตัวหลักๆจะมาแรงคือ โซลาร์เซลล์ และ ไบโอแมส โดยเฉพาะไบโอแมสที่ตอนนี้ชุมชนต่างๆให้ความสนใจนำขยะมาผลิตกระแสไฟฟ้าใช้เองในชุมชนซึ่งปีหน้าคิดว่ากระแสตอบรับจะมากขึ้นกว่านี้อีกด้วย ” เอ็มดี บลจ.เอ็มเอฟซี กล่าวยืนยัน

8 เดือนลงทุนทะลุ 1.4หมื่นล้าน

ขณะที่ตัวเลขการขอรับการส่งเสริมลงจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนหรือบีโอไอ (BOI)ปัจจุบันมีการลงทุนในกิจการผลิตเอทานอล ไบโอแก๊ส ไบโอดีเซลมากถึง 82 โครงการเงินลงทุนรวม 53,000 ล้านบาท โดย 62 โครงการ เป็นกิจการของคนไทย 100% ที่เหลืออีก 20 โครงการ เป็นโครงการคนไทยร่วมทุนกับต่างชาติ ส่วนใหญ่เป็นนักลงทุนจากประเทศจีน มีบางโครงการเท่านั้นที่เป็นนักลงทุนจากญี่ปุ่น สิงคโปร์ ไต้หวัน อังกฤษ สวิตเซอร์แลนด์ ออสเตรเลีย และสหรัฐอเมริกา เป็นผู้ร่วมทุน

โดยคำขอรับส่งเสริมในช่วง 8 เดือนแรกปี 2550 มีจำนวน 12 โครงการ ประกอบด้วย โครงการผลิตเอทานอล 6 โครงการ ไบโอดีเซล 4 โครงการ และไบโอแก๊ส 2 โครงการรวมมูลค่าเงินลงทุน 14,167 ล้านบาท โดยวงเงินลงทุนขยายตัวเพิ่มขึ้นถึง 164% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2548 ซึ่งมีผู้ยื่นขอรับส่งเสริม 13 โครงการ เป็นเงิน 5,365 ล้านบาท ส่วนการลงทุนรวมทั้งปี 2549 มียื่นขอรับส่งเสริมถึง 34 โครงการ คิดเป็นเงินลงทุน 31,600 ล้านบาทแบ่งเป็นเอทานอล15 โครงการเงินลงทุนมูลค่า 26,000 ล้านบาท ไบโอดีเซล 12 โครงการ เงินลงทุน 4,760 ล้านบาท และ ไบโอแก๊ส 7 โครงการ เงินลงทุน 848 ล้านบาท

ต่างชาติยังจ้องลงทุนพลังงานไทย

ส่วนที่เหลือเป็นการลงทุนในกิจการพลังงานทดแทนประเภทอื่นที่การลงทุนก็ยังเป็นผู้ประกอบการไทยเป็นหลัก ประกอบด้วยกิจการผลิตเครื่องจักรหรืออุปกรณ์ประหยัดพลังงาน 12 โครงการ เงินลงทุน 2,026 ล้านบาท เป็นไทย 100% จำนวน 6 โครงการ ที่เหลือเป็นการร่วมทุนกับต่างชาติ ทั้งฮ่องกง ญี่ปุ่น เดนมาร์ก ออสเตรเลีย สิงคโปร์ ขณะที่กิจการผลิตเซลล์เชื้อเพลิง มี 2 โครงการเงินลงทุน 326 ล้านบาท เป็นโครงการคนไทย 100% ทั้ง 2 โครงการ และกิจการผลิตเครื่องยนต์ เครื่องจักร อุปกรณ์สำหรับรถใช้ก๊าซธรรมชาติ (NGV) 2 โครงการเงินลงทุน 1,027 ล้านบาท เป็นโครงการของเกาหลี 100% และร่วมทุนไทยอินเดีย 1 โครงการและกิจการผลิตเซลล์แสงอาทิตย์ 6 โครงการ 7,113 ล้านบาท มีไทย 100% 2 โครงการ ที่เหลือเป็นร่วมทุนกับต่างชาติ มีทั้ง จีน สิงคโปร์ ไซปรัส อังกฤษ

ดร.พิชิตยังกล่าวเพิ่มเติมอีกว่าตอนนี้นักลงทุนต่างชาติรอเข้ามาลงทุนในไทยจำนวนมากแต่เขาดูความชัดเจนทางการเมืองก่อน ซึ่งคาดว่าหลังเลือกตั้งมีรัฐบาลใหม่เข้ามาบริหารงานแล้วการลงทุนในกลุ่มธุรกิจพลังงานทางเลือกจะได้ความสนใจจากนักลงทุนอย่างแน่นอนซึ่งปีหน้าจะเป็นปีทองของธุรกิจพลังงานทางเลือกเลยทีเดียว   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us