Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน5 พฤศจิกายน 2550
ยักษ์ค้าปลีกโดนกฎเหล็กคุม พาณิชย์มั่นใจ กม.ใช้ปี 51             
 


   
search resources

Retail




“พาณิชย์” มั่นใจกฎหมายค้าปลีกผ่านการพิจารณาของ สนช.แน่ ไม่หวั่นแม้มีความพยายามในการล้มกฎหมายฉบับนี้ เตรียมเสนอร่างกฎกระทรวงให้พิจารณาควบคู่ ระบุชัดอะไรคุม-ไม่คุม เผยประเภห้างที่ไม่อยู่ในข่าย เซ็นทรัล-เดอะมอลล์-โรบินสัน-เพาเวอร์บาย ร้านขายยา หนังสือพิมพ์ อัญมณี รอด แต่ยักษ์ค้าปลีกค้าส่งที่เหลือโดนคุมหมด คาดใช้ได้กลางปีหน้า นายกค้าปลีก-ค้าส่งแฉห้างใหญ่ขายต่ำกว่าทุนทำโชห่วยต้องปิดกิจการระนาว ยรรยงลั่นส่งเจ้าหน้าที่สอบหากพบว่าทำจริงงัด กม.แข่งขันทางการค้าลงโทษหนัก

นายยรรยง พวงราช อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยภายหลังการเสวนาโต๊ะกลมเรื่อง “กฎหมายค้าปลีกค้าส่งกับการเสริมสร้างธุรกิจค้าปลีกไทย” วานนี้ (4 พ.ย.) ว่า ขณะนี้กรมฯ ได้จัดทำร่างกฎกระทรวงพาณิชย์ที่จะต้องออกมาบังคับใช้ภายใต้ร่างพ.ร.บ.การประกอบธุรกิจค้าปลีกหรือค้าส่ง พ.ศ. ... เสร็จสิ้นแล้วโดยจะสามารถส่งร่างเข้าไปพิจารณาในที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ได้ในวันที่ 14 พ.ย.2550 นี้ ที่จะมีการประชุมเป็นวาระแรก

ทั้งนี้ ในช่วงที่กฎหมายกำลังอยู่ในช่วงพิจารณาในสนช.นั้น จะมีการส่งร่างกฎกระทรวงเข้าไปให้สมาชิกทุกคนเห็นถึงรายละเอียดและความจำเป็นในการมีกฎหมายฉบับนี้ โดยร่างกฎกระทรวงจะกำหนดรายละเอียดชัดเจนว่าไม่ได้ควบคุมค้าปลีกขนาดใหญ่และต่อต้านการค้าแบบเสรี ตามที่วิตกกังวลกัน ซึ่งหากเป็นห้างที่ขายของแพงก็ไม่ได้เข้าข่ายอยู่ในกฎหมาย แต่จะดูเฉพาะค้าปลีกใหญ่ที่ขายสินค้าอุปโภคบริโภคที่มีพื้นที่ขนาดใหญ่มีรายได้พันล้านบาทขึ้นไป และมีเครือข่ายเกิดขึ้นจำนวนมากเท่านั้น ซึ่งหากกฎหมายผ่านไปได้น่าจะสามารถตราเป็นกฎหมายและใช้ได้ภายในกลางปี 2551

“มีความมั่นใจว่าร่างกฎหมายค้าปลีกค้าส่ง จะสามารถผ่านการพิจารณาของสนช. และรอการลงพระปรมาภิไธยได้ประมาณ 17 ม.ค.นี้ อย่างแน่นอน แม้ก่อนนี้จะมีกระแสข่าวว่าห้างค้าปลีกขนาดใหญ่ มีการรวมตัวกันเพื่อล็อบบี้สมาชิกสนช.บางกลุ่มให้ออกมาตีกันไม่ให้กฎหมายฉบับนี้ผ่านความเห็นชอบออกเป็นกฎหมายก็ตาม แต่ยังเชื่อว่าหากมีการเผยแพร่ข้อมูลและความคิดเห็นต่างๆ ให้หลายฝ่ายได้รับทราบถึงความจำเป็นในการออกกฎหมายฉบับนี้ คาดว่ากฎหมายน่าจะผ่านการพิจารณาจาก สนช.ได้” นายยรรยงกล่าว

นายยรรยงกล่าวว่า ในร่างกฎกระทรวงจะระบุว่าร้านค้าปลีกที่ไม่ต้องดำเนินการตามกฎหมาย มี 3 ประเภท คือ

1.ดีพาร์ตเมนต์สโตร์ เช่น ห้างเซ็นทรัล เดอะมอลล์ โรบินสัน เนื่องจากเป็นการขายปลีกสินค้าระดับบน ที่มีราคาสูงกว่าร้านค้าปลีกรายย่อย และไม่ได้ทำให้ร้านค้าปลีกรายย่อยได้รับผลกระทบ

2.แคทิกอรี คิลเลอร์ ร้านสินค้าเฉพาะกลุ่ม เช่น เพาเวอร์บาย

3.สเปเชียลตี้ สโตร์ ซึ่งเป็นร้านขายปลีกสินค้าเฉพาะ เช่น ร้านขายยา ร้านขายอัญมณีและเครื่องประดับ ร้านขายหนังสือ หนังสือพิมพ์

ส่วนประเภทธุรกิจค้าปลีกหรือค้าส่งที่ต้องดำเนินการตามกฎหมาย มี 4 ประเภท คือ 1.ดิสเคานต์สโตร์ 2.ไฮเปอร์มาร์เกต 3.ซูเปอร์มาร์เกต 4.แคช แอนด์ แครี่ เช่น ห้างแม็คโคร

ยรรยงลั่นสอบห้างใหญ่ขายต่ำทุน

นายยรรยงกล่าวว่า สำหรับกรณีที่เอกชนมีการเรียกร้องให้กรมฯ เข้าไปตรวจสอบการขายต่ำกว่าทุนของห้างค้าปลีกขนาดใหญ่บางแห่งนั้นจะเข้าไปตรวจสอบและใช้กฎหมายที่มีอยู่เต็มที่ เพราะการขายต่ำกว่าทุนถือว่าเป็นการทุ่มตลาดทำให้ผู้ค้ารายอื่นได้รับความเสียหาย ซึ่งคงต้องไปตรวจสอบว่าเป็นการจัดโปรโมชั่นของห้างเป็นครั้งคราวหรือไม่ แต่ถ้าหากไม่เป็นและเป็นการขายสินค้าต่ำกว่าคู่แข่งหลายครั้งติดต่อกันหลายสัปดาห์หรือเป็นเดือน ถือว่าเป็นการเชิญชวนอย่างตั้งใจให้ประชาชนมาซื้อของอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งหากพบว่าผิดจริงและมีพฤติกรรมที่ทำให้คู่แข่งเสียเปรียบจะมีความผิดสูงสุดจำคุก 6 ปีและปรับไม่เกิน 3 ล้านบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ

นายสมชาย พรรัตนเจริญ นายกสมาคมการค้าส่ง-ปลีกไทย กล่าวระหว่างการเสวนาว่า การขยายตัวของธุรกิจค้าปลีกค้าส่งขนาดใหญ่ หรือโมเดิร์นเทรด ถือเป็นการเอาเปรียบธุรกิจขนาดเล็กเนื่องจากมีพฤติกรรมการจำหน่ายสินค้าในราคาต่ำกว่าทุนเพื่อจูงใจผู้บริโภคโดยผู้ประกอบการรายใหญ่มักลดราคาสินค้าประเภทที่ประชาชนจำเป็นต้องอุปโภคและบริโภคในชีวิตประจำวันส่งผลให้ผู้ประกอบการรายย่อยประเภทโชห่วยไม่สามารถแข่งขันทางธุรกิจได้

ในช่วงที่ผ่านมาสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ได้ตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับ พ.ร.บ.ค้าปลีกฉบับนี้ว่ายังขาดเนื้อหาที่สำคัญในเรื่องของการปกป้องผลประโยชน์ของผู้บริโภค และเห็นว่าเนื้อโดยรวมไม่น่าจะช่วยเหลือโชว์ห่วยได้จริง แต่กลับจะกลายเป็นการกีดกันการลงทุนจากต่างชาติแทน ซึ่งนายสมชาย สกุลสุรรัตน์ และ ดร.อัมมาร สยามวาลา สมาชิก สนช.ได้ตั้งประเด็นความไม่ชัดของ พ.ร.บ.ค้าปลีกฉบับนี้ว่ายังมีประเด็นต่างๆ ที่ไม่ชัดเจน จะมีเพียงประเด็นเดียวในเรื่องการกำหนดพื้นและเวลาเปิดปิดเท่านั้น

นอกจากนี้ยังมีพรรคการเมืองได้แสดงท่าทีหรือนโยบายต่อร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ โดยเห็นว่าไม่ช่วยโชห่วยอย่างแท้จริงแล้วยังเป็นการกีดกันต่างชาติอีกด้วย และน่าจะเป็นอุปสรรคต่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจภายหลังการเลือกตั้ง ซึ่งมีพรรคการเมืองหลายพรรคได้แสดงเจตนารมย์ว่าจะให้มีการแก้ไขเมื่อได้เข้ามาบริหาร หรือควรจะปล่อยให้สมาชิกสภาผู้แทนที่ได้จากการเลือกตั้งเข้ามาเป็นผู้พิจารณากฎหมายนี้แทน เพราะเชื่อว่าน่าจะให้ความสำคัญต่อผลประโยชน์ของผู้บริโภคมากกว่า

เผยต้องจัดระเบียบค้าปลีก

ร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจค้าปลีกหรือค้าส่ง ร่างขึ้นเพื่อจัดระเบียบและแก้ปัญหาการประกอบธุรกิจค้าปลีก ค้าส่งบางประเภทในไทย เนื่องจากธุรกิจค้าปลีก ค้าส่งมีมูลค่าถึงร้อยละ 15 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ และมีมูลค่าการตลาดปีละ 1.33 ล้านล้านบาท ดังนั้นหากการค้าปลีก ค้าส่งไม่ดีจะกระทบต่อประเทศ ไทยจึงจำเป็นต้องมีกฎหมายค้าปลีก ค้าส่งใช้ เพื่อให้ผู้ประกอบการรายเล็กและรายใหญ่แข่งขันอย่างเป็นธรรม โดย พ.ร.บ.ฉบับนี้จะจำกัดขอบเขตสินค้าอุปโภคบริโภคเท่านั้น โดยเฉพาะโชห่วยต้องพัฒนาให้เจริญเติบโตมากกว่านี้ ส่วนรายละเอียดในกฎกระทรวง จะเน้นสถานที่ตั้งร้านค้าปลีก ค้าส่ง การกำหนดเวลาเปิด-ปิดร้านไม่ให้เกิดความได้เปรียบเสียเปรียบกัน และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ที่เป็นเงื่อนไข ที่ผู้ประกอบการโดยเฉพาะรายใหญ่ต้องมีให้ลูกค้า เช่น ที่จอดรถ

ก่อนหน้านี้ นายศิริพล ยอดเมืองเจริญ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ให้ข้อมูลต่อสนช. ย้ำถึงความจำเป็นในการออกกฎหมายข้างต้นว่า กฎหมายดังกล่าวมีเป้าหมายเพื่อจัดระบบระเบียบการขยายตัวของโมเดิร์นเทรดซึ่งเวลานี้เป็นไปในอัตราเร่งจากที่มีสาขารวมในปี 2544 จำนวน 1,800 สาขา เพิ่มขึ้นเป็น 5,000 สาขา ในปี 2549 และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเป็น 5,700 สาขา โดยลงไปยังอำเภอ ตำบล และชุมชนอย่างต่อเนื่องและรวดเร็ว ขณะที่มีการร้องเรียนจากผู้ประกอบการรายย่อยในพื้นที่ต่างๆ ที่ได้รับความเดือดร้อนจากการขยายสาขาของโมเดิร์นเทรดจากทั่วประเทศ

ขณะที่การขยายตัวของโมเดิร์นเทรดเพิ่มมากขึ้นเท่าไหร่ ร้านค้าปลีกรายเล็กรายย่อยก็ทยอยล้มตาย ซึ่งจากประมาณการว่ามีอยู่ประมาณ 300,000 ราย ขณะนี้ลดลงเหลือประมาณ 200,000 รายดังนั้น หากล่าช้าไปผู้ค้ารายย่อยจะยิ่งลดลงไปเรื่อยๆ

นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 31 ตุลาคมที่ผ่านมา แกนนำและสมาชิกของศูนย์ประสานงานผู้ค้าปลีกและผู้ประกอบอาชีพอิสระของคนไทย (ศปท.)ได้เข้าพบนายยรรยง เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็น เกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจค้าปลีกค้าส่ง พ.ศ…. ที่ห้องประชุมกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ทางตัวแทนของ ศปท.ได้ให้ความเห็นสนับสนุนร่าง พ.ร.บ.ค้าปลีกค้าส่งพร้อมทั้งยังเสนอแนะแนวทางในการพัฒนาส่งเสริมการค้าของผู้ประกอบการรายย่อย และได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับพฤติกรรมการค้าที่ไม่เป็นธรรมของผู้ประกอบการรายใหญ่ในแต่ละพื้นที่ โดยทางกรมการค้าภายใน จะนำเรื่องดังกล่าวไปตรวจสอบต่อไป   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us