|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
เงินบาทแข็งค่าแตะ 33.91 บาทต่อดอลล์ แข็งค่าสุดในรอบ 3 เดือน หลังผลประชุมเฟดตัดสินใจปรับลดดอกเบี้ยอีก 0.25% ตามคาด ทำให้ดอลลาร์อ่อนยวบ ค้าเงินคาดแนวโน้มบาทยังแข็งค่าต่อเนื่องประเมินแนวรับ 33.90 บาทต่อดอลล์
นักค้าเงินจากธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL กล่าวว่า ค่าเงินบาทวานนี้ (1 พ.ย.) ปิดตลาดที่ระดับ 33.93-33.94 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ โดยบรรยากาศระหว่างวันมีการเคลื่อนไหวไม่มากนัก แต่จะโน้มเอียงไปทางแข็งค่า แม้จะมีการรับรู้ผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่ให้มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก 0.25% ก็ตาม โดยระหว่างวันค่าเงินบาทแข็งค่าสุดที่ 33.91 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ และอ่อนค่าสุดที่ 33.96 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ส่วนแนวโน้มในวันนี้ (2 พ.ย.) ทิศทางค่าเงินบาทยังคงจะแข็งค่าอย่างต่อเนื่อง จนกว่าจะมีการปัจจัยแปลกใหม่เข้ามาในตลาด โดยประเมินแนวรับไว้ที่ 33.90 บาทต่อสหรัฐฯ และแนวต้านที่ 33.95 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ
นักค้าเงินกล่าวว่า เงินบาทที่แข็งค่าขึ้นแตะ 33.91 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯหลังจากเฟดพิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงอีก 0.258%นั้น ถือเป็นการแข็งค่าสุดในรอบ 3 เดือนที่ผ่านมา
คลังระบุยังไม่จำเป็นต้องเพิ่มมาตรการดูแลค่าบาท
นายสมหมาย ภาษี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นอยู่ในปัจจุบันมีเครื่องมือในการดูแลค่าเงินที่เพียงพอแล้ว จึงไม่จำเป็นที่จะต้องมีมาตรการเพิ่มเติมขึ้นมาดูแลอีก แต่อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าในปีนี้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) อาจจะมีผลการบริหารงานขาดทุน เนื่องจากการเข้าแทรกแซงค่าเงินบาท แต่ไม่สามารถบอกได้ว่าจะขาดทุนเท่าไร
ทั้งนี้ คาดว่าในปีหน้า ธปท.คงจะไม่มีผลการดำเนินงานขาดทุนอีก เนื่องจากธปท.ได้มีการกระจายเงินไปลงทุนในสินทรัพย์อื่นมากขึ้น โดยจากเดิมที่ลงทุนในเงินสกุลดอลลาร์ 80% มาเป็น 50% เท่านั้น ซึ่งทำให้สามารถควบคุมความเสี่ยงได้ดีขึ้น.
คาดหยวนไม่แข็งพรวดพราด
ด้านศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินทิศทางเงินหยวนภายใต้แรงกดดันจากนานาชาติให้ทางการจีนปรับนโยบายด้านอัตราแลกเปลี่ยนเพื่อให้เงินหยวนแข็งค่าขึ้นว่า แม้จะมีแรงกดดันดังกล่าว แต่โอกาสที่เงินหยวนจะปรับเพิ่มค่าแบบก้าวกระโดดคราวละมากๆนั้น มีความเป็นไปได้น้อยมาก ทางการจีนอาจจะยังคงเลือกวิธีการเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับค่าเงินและปล่อยให้เงินหยวนแข็งค่าในระดับที่ไม่รุนแรงเกินไป พร้อมๆกับการเข้าดูแลเพื่อรักษาเสถียรภาพให้กับตลาดอัตราแลกเปลี่ยนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งการไม่ดำเนินนโยบายอัตราแลกเปลี่ยนแบบสร้างความประหลาดใจให้กับตลาดด้วยการปล่อยลอยตัวค่าเงินหรือทำการปรับเพิ่มค่าเงินหยวนคราวละมากๆนั้น น่าจะเป็นปัจจัยที่ช่วยสร้างเสถียรภาพให้กับกระแสการหมุนเวียนของเงินทุนโลกไม่ให้ตกอยู่ในภาวะผันผวนมากไปกว่าปัจจัยแวดล้อมที่กำลังเผชิญอยู่ ซึ่งนั่นก็อาจเป็นผลดีต่อสกุลเงินในภูมิภาครวมทั้งเงินบาท
แต่อย่างไรก็ตาม การขยับแข็งค่าอย่างค่อยเป็นค่อยไปของเงินหยวนก็มีนับอีกด้านหนึ่งว่า ทางการจีนจะยังคงดูแลการเคลื่อนไหวของเงินหยวนอย่างใกล้ชิด เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบทางลบอย่างฉับพลัน ตลอดจนเพื่อรักษาความสามารถทางการแข่งขันของสินค้าส่งออกของจีน ดังนั้น ศูนย์วิจัยกสิกรไทยจึงยังคงมีความกังวลในศักยภาพทางการแข่งขันของสินค้าส่งออกไปทยเมื่อเทียบจีน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเงินบาทต้องตกอยู่ภายใต้สภาวะการอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์ในระยะถัดไป ในขณะที่เงินหยวนยังคงอยู่ภายใต้การดูแลจัดการอย่างใกล้ชิดของทางการจีน ก็อาจทำให้ผู้กำกับดูแลของทางการไทยอาจต้องเผชิญกับความท้าทายในการรักษาเสถียรภาพให้กับค่าเงินบาท เพื่อบรรเทาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับความสามารถในการแข่งขันของภาคส่งออกของไทย เมื่อเงินบาทอาจต้องเผชิญกับการร่วงลงของค่าเงินดอลลาร์ในระยะถัดไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
|
|
|
|
|