|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
 |
ตลาดหุ้นไทยสุดสวิงระหว่างวันร่วงกว่า 10 จุด หลังหุ้นน้ำมันโดนกระหน่ำขายเหตุราคาน้ำมันในตลาดโลกร่วงกว่า 4 เหรียญต่อบาร์เรล ก่อนได้อานิสงส์นักลงทุนแห่เก็งกำไรหุ้นแบงก์-รับเหมาฯ ลุ้นเฟดประกาศลดอัตราดอกเบี้ยวันนี้ โบรกฯ แนะเลี่ยงลงทุน ชี้สถานการณ์ทั้งในประเทศ-นอกประเทศยังไม่นิ่ง เชื่อตลาดหุ้นยังผันผวนต่อ
ภาวะการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์วานนี้ (31 ต.ค.) ตอลดทั้งวันดัชนีผันผวนอย่างหนักโดยในช่วงเช้าดัชนีปรับตัวลดลงกว่า 10 จุดเนื่องจากมีแรงขายหุ้นในกลุ่มพลังงานออกมาหลังจากราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวลดลงกว่า 4 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ก่อนที่จะมีแรงซื้อเข้ามาอย่างหนักในหุ้นกลุ่มธนาคารส่งผลทำให้ดัชนีปรับตัวขึ้นมาปิดที่ 907.28 จุด เพิ่มขึ้น 0.62 จุด หรือ 0.07% โดยจุดสูงสุดของวันอยู่ที่ 911.64 จุด ขณะที่จุดต่ำสุดอยู่ที่ 894.02 จุด มูลค่าการซื้อขาย 32,118.75 ล้านบาท
ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 114.24 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันขายสุทธิ 358.46 ล้านบาท นักลงทุนรายย่อยซื้อสุทธิ 472.70 ล้านบาท
นายกวี ชูกิจเกษม ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์(บล.) กสิกรไทย จำกัด กล่าวว่า นักลงทุนเริ่มโยกเงินลงทุนจากเดิมที่ลงทุนในกลุ่มพลังงานเป็นกลุ่มธนาคารหลังราคาน้ำมันปรับตัวลดลงมาอยู่ในระดับประมาณ 90 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลจากการคาดการณ์ว่าปริมาณน้ำมันสำรองในสหรัฐฯที่จะประกาศโดยกระทรวงพลังงานสหรัฐฯจะเพิ่มขึ้นรวมถึงการกลับมาเปิดท่าเรือขนส่งน้ำมันอีกครั้งของท่าเรือในเม็กซิโก
นอกจากนี้ เม็ดเงินที่ไหลกลับเข้ามาลงทุนทั้งในหุ้นธนาคารพาณิชย์รวมถึงหุ้นในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์สะท้อนถึงความมั่นใจในปัจจัยพื้นฐานของอุตสาหกรรมดังกล่าว รวมถึงแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจหลังการประกาศตัวเลขทางเศรษฐกิจของธนาคารแห่งประเทศไทยที่ประกาศออกมาดีกว่าที่หลายฝ่ายคาดการณ์ไว้ โดยมีการคาดการณ์ต่อไปว่าในปีหน้ากลุ่มสถาบันการเงินที่เป็นธุรกิจที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภค
สำหรับแนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้ นักลงทุนจะต้องติดตามผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ว่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยตามที่หลายฝ่ายคาดการณ์หรือไม่ โดยคาดว่าเฟดน่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก 0.25% ซึ่งหากผลสรุปออกมาเป็นไปตามที่คาดอาจจมีแรงเทขายทำกำไรในหุ้นพลังงานออกมาแต่หากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับที่สูงกว่าน่าจะส่งผลดีต่อตลาดหุ้น
อย่างไรก็ตาม คำแนะนำลงทุนในระยะสั้นนักลงทุนควรหลีกเลี่ยงการลงทุน เนื่องจากตลาดหุ้นยังจะมีความผันผวนต่อไป แต่หากลงทุนในระยะยาว สามารถเข้าลงทุนในหุ้นกลุ่มธนาคารและกลุ่มอสังหาฯ โดยประเมินแนวรับที่ 894 จุด และแนวต้านที่ 910 จุด
ซื้อแบงก์-รับเหมาฯหยุงดัชนี
นายวีระชัย ครองสามสี ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.ฟาร์อีสท์ กล่าวว่า การซื้อขายในตลาดทุนของโลกค่อนข้างแกว่งตัวหลังโกแมนเซกได้ออกคำแนะนำให้นักลงทุนปิดสถานะการซื้อในหุ้นของกลุ่มสินค้า Commodity ไม่ว่าจะเป็นน้ำมัน หรือ ทองคำ ฯลฯ รวมถึงการคาดการณ์ของสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของสหรัฐ (EIA) ที่น่าจะประกาศปริมาณน้ำมันสำรองน่าจะเพิ่มสูงขึ้นส่งผลให้มีการเทขายทำกำไรน้ำมันออกมาลดลงไป 4 เหรียญฯ จึงส่งผลต่อหุ้นในกลุ่มพลังงาน
ทั้งนี้ตลาดหุ้นไทยยังได้แรงซื้อจากกลุ่มธนาคารพาณิชย์ รวมถึงกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ที่ช่วยให้บรรยากาศของตลาดกลับมาคึกคักในช่วงบ่าย วานนี้ โดยส่วนตัวยังมองแนวโน้มตลาดน่าจะรีบาวน์ช่วงสั้นๆ โดยจะต้องรอดูที่ 911 จุด หากดัชนีไม่สามารถผ่านอาจจะปรับตัวลงมาที่ 900 จุดอีกครั้ง
นายอภิศักดิ์ ลิมป์ธํารงกุล ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.นครหลวงไทย กล่าวว่า ความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทยในวันนี้ต้องจับมาผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ว่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในอัตรา 0.25% หรือ 0.50% เนื่องจากค่อนข้างส่งผลต่อจิตวิทยาในการลงทุน โดยกลยุทธ์ในช่วงนี้แนะนำให้นักลงทุนชะลอการลงทุนเพื่อรอประเมินสถานการณ์ด้านต่างๆประกอบ โดยประเมินแนวรับไว้ที่ 890-900 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 915 จุด
"การตัดสินใจของเฟดค่อนข้างมีผลต่อจิตวิทยาในการลงทุน ซึ่งนอกจากจะต้องพิจารณาว่าจะปรับลดดอกเบี้ยหรือไม่แล้ว สัดส่วนการปรับลดอัตราดอกเบี้ยยังถือว่าเป็นอีกเรื่องที่ต้องติดตาม"นายอภิศักดิ์กล่าว
|
|
 |
|
|