Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ พฤศจิกายน 2550








 
นิตยสารผู้จัดการ พฤศจิกายน 2550
"โคตรเศรษฐี" แสนล้าน             
โดย วริษฐ์ ลิ้มทองกุล
 


   
www resources

Hurun Report Homepage

   
search resources

Economics
Rupert Hoogewerf
Hurun Report




คล้อยหลังการประกาศรายชื่อ "40 สุดยอดมหาเศรษฐีของจีนแผ่นดินใหญ่" ของนิตยสารฟอร์บส์ (Forbes) ได้เพียงสองวัน ชายหนุ่มผู้เป็นต้นตำรับของการจัดอันดับมหาเศรษฐีของจีนแผ่นดินใหญ่นาม "หูรุ่น" ผู้ซึ่งในอดีตทำงานให้กับฟอร์บส์ก็ออกมาแถลงข่าวการจัดอันดับ "The Richest People in China ประจำปี 2007 อย่างทันควัน

หูรุ่น หรือในชื่อจริงคือ Rupert Hoogewerf เป็นหนุ่มชาวอังกฤษวัย 30 ปลายๆที่มีความผูกพันกับประเทศจีนมาตั้งแต่สมัยเป็นนักศึกษาที่มหาวิทยาลัยประชาชน เมื่อเกือบ 20 ปีก่อน หนุ่มชาวอังกฤษผู้นี้ถือเป็นผู้ริเริ่มการจัดอันดับบุคคลที่รวยที่สุดในจีนแผ่นดินใหญ่ มาตั้งแต่ปี 2542 (ค.ศ.1999) เขา เป็นทั้งเจ้าของไอเดียและยังเป็นผู้ลงมือเก็บข้อมูลด้วยตัวเองอย่างต่อเนื่องและนำผลที่ได้ไป ให้ฟอร์บส์ตีพิมพ์ ก่อนที่ทั้งสองฝ่ายจะแตกคอกันในปี 2546 (ค.ศ.2003) โดยฟอร์บส์แต่งตั้ง Russell Flannery ขึ้นมาเป็นหัวหน้าของศูนย์เซี่ยงไฮ้แทน Hoogewerf

หลังโบกมือลาฟอร์บส์ "หูรุ่น" ก็ออกมา ดำเนินการจัดอันดับมหาเศรษฐีชาวจีนแผ่นดิน ใหญ่ในนาม Hurun Report ด้วยตัวเอง จนกระทั่งปัจจุบัน Hurun Report ได้กลายเป็นสถาบันจัดอันดับ (Rating Agency) ที่มีชื่อเสียงโด่งดังทั่วประเทศจีนไปแล้ว และทุกๆ ปีสถาบันแห่งนี้ต้องออกมาจัดอันดับมหาเศรษฐีจีนแข่งกับฟอร์บส์

สำหรับในปี 2550 หรือ ค.ศ.2007 นี้ฟอร์บส์ประกาศ 40 อันดับมหาเศรษฐีชาวจีนออกมาก่อนในวันที่ 8 ตุลาคมที่ผ่านมาก่อนที่นิตยสารฟอร์บส์ เอเชีย จะวางจำหน่ายในวันศุกร์ที่ 12 ตุลาคม โดยระบุว่า มหาเศรษฐีอันดับหนึ่งของจีนในปี 2550 นี้ก็คือหญิงสาววัยเพียง 26 ปีที่ชื่อหยาง ฮุ่ยเหยียน...

หยาง ฮุ่ยเหยียน คือ เจ้าของหุ้นใหญ่ของบริษัทคันทรี การ์เดน โฮลดิ้งส์ (Country Garden Holdings ; ) บริษัท ที่เพิ่งเข้าระดมทุนสำเร็จในตลาดหุ้นฮ่องกง เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา โดยสามารถระดมทุนได้ทั้งสิ้นกว่า 12,912 ล้านเหรียญฮ่องกง โดยเธอซึ่งเป็นบุตรสาวคนรองของครอบครัวได้รับมรดกตกทอดมาจากบิดาคือหยาง กั๋วเฉียง เมื่อปี 2548 หลังจากที่หยาง ฮุ่ยเหยียน จบการ ศึกษาจากมหาวิทยาลัยโอไฮโอ สเตท ในประเทศ สหรัฐอเมริกา ทั้งนี้ฟอร์บส์ระบุว่าเธอมีทรัพย์สิน ทั้งหมดราว 121,443 ล้านหยวน (ราว 6 แสนล้านบาท)

ความมั่งคั่งของหญิงสาวแซ่หยางผู้นี้ถูกยืนยันอีกครั้ง เมื่อ Hurun Report ออกมาประกาศอันดับคนที่รวยที่สุดในประเทศจีนเมื่อ วันที่ 10 ตุลาคม ระบุว่าปัจจุบันหยาง ฮุ่ยเหยียน มีทรัพย์สินมากถึง 130,000 ล้านหยวน (ราว 650,000 ล้านบาท) ส่วนใหญ่มาจากการถือหุ้น ร้อยละ 70 ของคันทรี การ์เดน โฮลดิ้งส์

จากตัวเลขทรัพย์สินของหยาง ฮุ่ย เหยียนที่ประกาศออกมาโดยฟอร์บส์และ Hurun Report เป็นการยืนยันให้โลกได้รับรู้ว่า ณ บัดนี้ประเทศ "สังคมนิยม" อย่างจีนนั้นมีมหาเศรษฐี ที่มีทรัพย์สินระดับแสนล้าน (หยวน) กับเขาบ้างแล้ว ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่น่าตื่นตะลึงเป็นอย่างยิ่ง เพราะเมื่อสามปีที่แล้ว (2547) จากการจัดอันดับของหูรุ่น ประเทศจีน เพิ่งจะทำคลอดมหาเศรษฐีระดับหมื่นล้านหยวน คนแรกคือ หวง กวงอี้ว์ เจ้าของกิจการค้าปลีก เครื่องใช้ไฟฟ้านามกั๋วเหม่ยและบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ อีเกิล กรุ๊ป ไปหมาดๆ

จากการแถลงข่าวของหูรุ่นระบุว่า ในปีนี้เกณฑ์ทรัพย์สินของความเป็น "มหาเศรษฐี" นั้นยังคงเหมือนเช่นปีที่ผ่านมา คือ 800 ล้านหยวน (ราว 4,000 ล้านบาท) แต่สิ่งที่แตกต่าง ออกไปก็คือจำนวนมหาเศรษฐีจีนที่เข้าข่ายของ การมีทรัพย์สินเกิน 800 ล้านหยวนนั้นเพิ่มขึ้นมาก คือเพิ่มขึ้นจาก 500 คนเป็น 800 คน ขณะที่มหาเศรษฐีที่มีสิทธิ์ที่จะถูกจัดให้อยู่ในสิบอันดับแรกนั้นจากเดิมในปีที่แล้วที่ต้องมีทรัพย์สิน 10,000 ล้านหยวน ณ ปัจจุบันผู้ที่มีสิทธิ์จะติดอันดับ TOP 10 นั้นจะต้องมีทรัพย์สิน มากถึง 36,000 ล้านหยวนเลยทีเดียว

ตัวเลขที่น่าสนใจเกี่ยวกับตารางอันดับมหาเศรษฐีจีนของ "หูรุ่น" ในปีนี้ยังไม่หมดแค่นี้ กล่าวคือ มหาเศรษฐี 75 คนแรกในตารางอันดับ ล้วนแล้วแต่มีทรัพย์สินมากกว่าหมื่นล้าน หยวน ขณะที่ 13 อันดับแรกนั้นต่างก็มีทรัพย์สิน มากกว่า 3 หมื่นล้านหยวน ทรัพย์สินเฉลี่ยของ มหาเศรษฐีทั้งแปดร้อยคนเท่ากับ 4,200 ล้านหยวน (ราว 21,000 ล้านบาท) เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วหนึ่งเท่าตัว นอกจากนี้ข้อมูลยังชี้ให้เห็น ด้วยว่าในจำนวนมหาเศรษฐี 100 คนแรก 74 คน เป็นเจ้าของบริษัทที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์

การเปลี่ยนแปลงในตารางอันดับมหาเศรษฐีของจีนในปีนี้บ่งชี้ให้โลกเห็นพัฒนาการและความเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจและสังคม จีนในหลายๆ ด้านคือ

ประการแรก ธุรกิจเอกชนในประเทศจีน นั้นมีการเจริญเติบโตขึ้นรวดเร็วมากทั้งยังมีความเป็นสากลมากขึ้นจากพัฒนาการของตลาดทุนในประเทศจีน อันจะเห็นได้จากตัวเลข ที่ระบุว่าทรัพย์สินของมหาเศรษฐีมากถึง 74 รายจาก 100 รายแรกนั้นมาจากบริษัทที่จดทะเบียน และระดมทุนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ ทั้งนี้ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดก็คือ มหาเศรษฐีอันดับที่หนึ่งที่ก้าวขึ้นสู่อันดับหนึ่งจากการนำบริษัทเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์

ประการที่สอง การเติบโตของตลาดอสังหาริมทรัพย์ในประเทศจีนในรอบหลายปีที่ผ่านมาก่อให้เกิดเศรษฐีและมหาเศรษฐีใหม่ชาวจีนจำนวนมหาศาล สังเกตได้จากข้อมูลที่ ระบุว่าในตารางมหาเศรษฐี 40 อันดับของฟอร์บส์ นั้นมีมหาเศรษฐีมากถึง 10 รายที่เป็นเจ้าของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ขณะที่ Rich List ของ "หูรุ่น" นั้นก็ให้ข้อมูลคล้ายๆ กันคือมหาเศรษฐี 10 อันดับแรกนั้นมีถึง 8 รายที่ทำธุรกิจอสังหา ริมทรัพย์ โดยในจำนวนนี้มี 4 รายที่ทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เป็นหลัก ส่วนอีก 4 รายนั้นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เป็นหนึ่งในธุรกิจหลัก

ในประเด็นนี้ "หูรุ่น" กล่าวให้สัมภาษณ์ กับผู้สื่อข่าวระหว่างการแถลงข่าวว่า "ปีที่แล้วเศรษฐีที่มีเงิน 100 หยวน เมื่อมาถึงปีนี้เงินจำนวนดังกล่าวได้เพิ่มเป็น 300 หยวน หากใครซื้อที่ดินโดยเฉพาะในช่วงก่อนปี 2548 เป็น ต้นมา ต่างก็ร่ำรวยเป็นทวีคูณด้วยกันทั้นนั้น"

ประการที่สาม เศรษฐกิจของจีนยังไม่ก้าวหน้าถึงขั้นที่ระบบเศรษฐกิจจะต้องพึ่งพานวัตกรรมใหม่ๆ สังเกตจากการที่ในปีนี้ เจ้าของธุรกิจทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เทคโนโลยีสารสนเทศทั้งหลาย เช่น หลี่เยี่ยนหง แห่งไป่ตู้ (เสิร์ชเอนจิ้นอันดับหนึ่งของจีน), หม่า อวิ๋นแห่งอาลีบาบา, เฉินเทียนเฉียวแห่ง Shanda Interactive Entertainment Limited, ติงเหล่ย แห่งเว็บไซต์ 163.com (อ่านเรื่องราวของคนเหล่านี้ย้อนหลังได้ในนิตยสารผู้จัดการ ฉบับเก่าๆ หรือ www.gotomanager.com) ต่างอันดับร่วงลงด้วยกันทั้งสิ้น

ทั้งนี้เมื่อเปรียบเทียบกับมหาเศรษฐีของ สหรัฐอเมริกาแล้วก็จะเห็นความแตกต่างได้ชัดเจน กล่าวคือในการจัดอันดับมหาเศรษฐีของ สหรัฐอเมริกา โดยนิตยสารฟอร์บส์นั้น ชาวอเมริกันที่รวยที่สุด 10 อันดับแรกมีอยู่ถึง 6 รายที่เป็นเจ้าของธุรกิจเกี่ยวกับอินเทอร์เนต-ไอที

การเพิ่มขึ้นของจำนวนมหาเศรษฐีในจีน นั้นถูกจับตาอย่างมากจากสื่อมวลชนทั่วโลก โดย สื่อตะวันตกบางแห่งถึงกับรายงานว่าปัจจุบันจีนได้กลายเป็นประเทศที่มีมหาเศรษฐีมากที่สุด ในโลกรองจากสหรัฐฯ ไปเสียแล้ว โดยมีมหาเศรษฐีที่มีทรัพย์สินมากกว่า 1,000 ล้านเหรียญ สหรัฐ มากถึง 108 คน ซึ่งถือว่าเป็นการขยาย ตัวที่นับได้ว่าไม่เคยเกิดขึ้นที่ไหนมาก่อน และนั่นก็เป็นหลักฐานสำคัญที่ตอกย้ำถึงสถานการณ์ ของช่องว่างทางรายได้ระหว่างคนจน-คนรวยในประเทศจีน หลังการปฏิรูปทางเศรษฐกิจมาเกือบครบ 30 ปี ว่ากำลังเข้าขั้นวิกฤติ

กล่าวคือ ขณะที่ในการประชุมสมัชชาใหญ่ผู้แทนทั่วประเทศพรรคคอมมิวนิสต์จีนครั้งที่ 17 ในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา มีนักวิชาการจากบัณฑิตยสภาด้านสังคมศาสตร์ของจีน ออกมาระบุถึงตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายใน ประเทศ (จีดีพี) ณ ปี 2549 ว่าเท่ากับ 2.63 ล้าน ล้านเหรียญสหรัฐ (หรือจีดีพีต่อหัว (GDP per Capita) ราว 2,000 เหรียญสหรัฐ) แต่เมื่อนำตัวเลขจีดีพีดังกล่าวมาคิดคำนวณเปรียบเทียบกับมูลค่าทรัพย์สินรวมของมหาเศรษฐีชาวจีนใน Rich List ของ Hurun Report ในช่วงปี 2549 และ 2550 ก็จะพบว่า มูลค่าทรัพย์สินรวมของ มหาเศรษฐีจีนในปี 2550 นี้คิดเป็นถึงร้อยละ 16 ของจีดีพีของประเทศจีน ขณะที่ในปี 2549 มูลค่าทรัพย์สินรวมของโคตรเศรษฐีชาวจีนนั้นเท่ากับร้อยละ 6 ของจีดีพีของประเทศจีนเท่านั้น

นี่แหละครับสภาวะของ "จีนใน พ.ศ.นี้" ประเทศสังคมนิยมที่มีมหาเศรษฐีมากที่สุดในโลก!

เว็บไซต์ : Hurun Report - http://www.hurun.net/indexen.aspx   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us