ตลอดระยะเวลา 28 ปี ของการทำงานในธนาคารกสิกรไทยของบัณฑูร ล่ำซำ วัย 54 ปี ในฐานะทายาทของตระกูลล่ำซำรุ่นที่ 4 ปัจจุบันเขาดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ที่มีหน้าที่ดูแลทิศทางยุทธศาสตร์แสวงหาโอกาสใหม่ๆ ตลอดจนดูแลทรัพยากรบุคคลเพื่อขับเคลื่อนเครือกสิกรไทยที่มีอายุ 62 ปี ให้ดำเนินธุรกิจประสบผลสำเร็จเฉกเช่นในอดีตที่ผ่านมา
บัณฑูรได้ปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงธนาคารกสิกรไทยหลายต่อหลายครั้ง เพราะเขาตระหนักดีว่าในยุคของเขาการแข่งขันธนาคารมีความรุนแรงต้องสู้กับธนาคารในประเทศ ขณะเดียวกันในธุรกิจก็ต้องรับมือกับธนาคารต่างประเทศ
ที่ผ่านมาเขาได้รื้อระบบคอมพิวเตอร์ โดยมีแนวคิดใช้คอมพิวเตอร์ประมวลข้อมูลเพื่อการบริหาร (MIS : Management Infor mation System) และพัฒนาไปสู่บริการ retail banking มุ่งให้บริการลูกค้ารายย่อย จากเดิมที่ให้ความสำคัญกับลูกค้าองค์กรเป็นส่วนใหญ่
ไม่เพียงเท่านั้นในปี 2538 ที่ธนาคารกสิกรไทยครบรอบ 50 ปี เขาได้ Reengineering กระบวนการทำงานใหม่ รวมทั้งการดีไซน์สำนักงานใหม่ให้เป็นโทนสีเขียว การปรับเปลี่ยนในครั้งนั้นทำให้ธนาคารกสิกรไทยกลายเป็นที่จดจำของลูกค้ามากขึ้น
เมื่อปี 2540 ไทยเข้าสู่ภาวะวิกฤติเศรษฐกิจ ที่เรียกว่าต้มยำกุ้ง ธนาคารกสิกรไทยก็ได้รับผลกระทบในครั้งนั้นเช่นเดียวกับธนาคารอื่นๆ และบริษัทขนาดใหญ่ที่กู้ยืมเงินจากสถาบันการเงินต่างประเทศ ส่งผลให้หนี้เพิ่มพูนอีกหนึ่งเท่าตัว ทำให้ธนาคารตัดทิ้งบริษัทในเครือออกไปเกือบหมด
การแก้ปัญหาดังกล่าว ธนาคารกสิกรไทยจึงเป็นธนาคารที่สามารถปรับตัวได้อย่างรวดเร็ว มีการเพิ่มทุนจากต่างประเทศ (เม.ย. 2541) และระดมทุนในประเทศ (ม.ค.2542) ได้สำเร็จเป็นธนาคารแรก ที่สำคัญเป็นธนาคารที่มี NPL (Non Performing Loans) ในระบบเพียง 35% จากทั้งระบบโดยเฉลี่ย 45% จากภาวะวิกฤติทำให้ตระกูลล่ำซำ ถือหุ้นเหลือเพียง 6-7%
ภายหลังบัณฑูรแก้ไขสถานการณ์ทางด้านการเงินได้แล้ว เขา ก็มีนโยบายปรับโครงสร้างใหม่อีกครั้ง ด้วยการเพิ่มทุนจดทะเบียนและ ประกาศใช้ผังองค์กรใหม่ที่แบ่งออกเป็น 8 สายธุรกิจ และ 5 บริษัทในเครือ
ในปี 2548 ธนาคารประกาศสร้างแบรนด์ใหม่ ใช้คำว่า KExcel-lence เป็นสัญลักษณ์ของผลิตภัณฑ์และบริการของเครือธนาคารกสิกร ไทย และนำเอาตัวอักษร K ซึ่งเป็นอักษรตัวแรกของชื่อ KASIKORN มาใช้ตั้งเป็นชื่อของบริการทางการเงินของทุกบริษัทในเครืออีกด้วย อาทิ KBank, KFactoring, KResearch, KSecurities
นอกเหนือจากการกำหนดแผนยุทธศาสตร์ด้านธุรกิจแล้ว ในส่วนทรัพยากรบุคคลในยุคของบัณฑูรได้มีการปรับลดจำนวนลง จากเดิมที่มีพนักงานประมาณ 16,000 คน ปัจจุบันเหลือจำนวน 11,757 คน
หลังจากที่พ้นผ่านวิกฤติเศรษฐกิจในปี 2540 มาได้แล้ว ผลการ ดำเนินงานของธนาคารกสิกรเริ่มเติบโตทุกปี ล่าสุด ผลการดำเนินงาน 6 เดือนแรกของปีนี้มีสินทรัพย์รวม 962,631 ล้านบาท หนี้สินรวม 867,856 ล้านบาท รายได้รวม 36,942 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 7,964 ล้านบาท
ส่วนปี 2549 มีสินทรัพย์รวม 935,508 ล้านบาท หนี้สินรวม 847,270 ล้านบาท รายได้รวม 65,969 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 13,664 ล้านบาท
ปัจจุบันมีบริษัทในเครือ 5 แห่ง คือบริษัทแฟคเตอริ่งกสิกรไทย บลจ.กสิกรไทย บริษัทศูนย์วิจัยกสิกรไทย บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย และบริษัทลิสซิ่งกสิกรไทย
|