|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ ฉบับ พฤศจิกายน 2550
|
|
สตูดิโอหลังสุดท้ายของมนตรีสตูดิโอ ในซอยลาดพร้าว 101 ซึ่งแต่เดิมใช้เป็นสถานที่ในการบันทึกเทปรายการเมืองสำราญ ของค่ายมีเดียออฟมีเดียส์ กลายเป็นพื้นที่จำเป็นซึ่งดีแทคหยิบยืมมาเป็นสถานที่ในงานแถลงข่าวเปิดตัวซิมการ์ดรุ่นใหม่ล่าสุด
ฉากสีแดงประดับด้วยไฟสีเหลืองแดงเข้ากันเป็นอย่างดีกับสีของเสื้อคู่แฝดนับสิบที่ "แฮปปี้" ซับแบรนด์โทรศัพท์ระบบเติมเงินของดีแทคขนมาร่วมงานเปิดตัวซิมการ์ดใหม่ที่เรียกว่า "ซิมฝาแฝด"
"งานนี้สาระน้อย เจ๊งแน่นอน" คือคำพูดที่ผู้บริหารของดีแทคที่ใส่เสื้อแดงขึ้นไป บนเวทีบอกเอาไว้ตั้งแต่เริ่มต้นพรีเซ็นเตชั่น นำเสนอที่มาและเรื่องราวของซิมฝาแฝด
อย่างที่ว่า ซิมฝาแฝดของแฮปปี้ความหมายตรงไปตรงมาสาระไม่มากนัก คือ ผลิตออกจำหน่ายเพียง 50,000 ชุดทั่วประเทศ กระจายให้กับคู่ค้าและร้านค้าตัวแทนจำหน่ายซิมการ์ดไม่ถึง 10 ชุด ต่อร้าน
ขณะที่คุณสมบัติของซิมการ์ดรุ่นนี้อยู่ที่หนึ่งบรรจุภัณฑ์มีหมายเลขโทรศัพท์ 2 หมายเลข ที่แม้ไม่ติดกันแต่ก็ใกล้เคียง คนที่ใช้งานสองหมายเลขนี้มีโอกาสโทรหากันได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายฟรี 1 ปีเต็ม และหากโทรออกไม่ว่าจะเครือข่ายไหนก็คิดค่าบริการเพียงแค่ 1.50 บาทต่อนาที
การเปิดให้คนโทรหากันได้ฟรี อีกทั้งหากมองในแง่ของ economy of scale แล้วยังไม่ได้กำไร ทำให้ผู้บริหารดีแทคถึงกับออกปากไว้ตั้งแต่เริ่มงานว่า ซิมการ์ดรุ่นใหม่ไม่มองกำไร สนใจเพียง แค่ให้ผู้คนจดจำแบรนด์ได้
กรณีศึกษาของการเปิดตัวสินค้าจำกัดรุ่นหรือ limited edition มีให้เห็นบ่อยครั้ง แฮปปี้เองยังยกตัวอย่างการเปิดตัวเป๊ปซี่รสแตงกวา ในบางประเทศ ซึ่งก็ประสบความสำเร็จทั้งในแง่ของการจดจำแบรนด์ และเพิ่มมูลค่าของสินค้าให้สูงหลายเท่าตัว กลายเป็นของหายากมีไว้ เพื่อการสะสมในท้ายที่สุด
เช่นเดียวกัน ดีแทคก็หวังว่าการลงมือทำแบบเดียวกันปีละหน นับจากนี้เป็นต้นไป ก็จะช่วยให้คนรู้สึกถึงคุณค่าในตัวแบรนด์แฮปปี้มากขึ้นทวีคูณ หลังจากปีก่อนหน้าก็เคยเปิดตัวซิมการ์ดบางรุ่นไป ทั้งๆ ที่ขาดทุนในตัวเงินแต่กลับเป็นที่กล่าวขวัญและถามหาจากลูกค้าเป็นอย่างมาก โดยหนึ่งในนั้นก็คือ "ซิมของเรา" ซิมการ์ดคู่ที่ให้คนรักและผู้ที่สนิทชิดเชื้อใช้โทรหากันได้ประหยัดกว่าซิมการ์ดแบบอื่นๆ นั่นเอง
เฉพาะต้นทุนในการผลิตซิมการ์ดและค่าทำหนังโฆษณาเผยแพร่ไปตามหน้าจอทีวีช่องต่างๆ ก็ใช้เงินมากกว่า 30 ล้าน ตัวเลข ขาดทุนผู้บริหารไม่ได้บอกว่าเท่าไร
แต่เมื่อทำใจเอาไว้ตั้งแต่แรกว่าไม่สนใจเรื่องขาดทุน งานนี้ผู้บริหารกล่าวย้ำว่าจะช่วยเรื่องแบรนด์แฮปปี้อยู่ตลอดเวลา เข้าใจ ร่วมกันว่ายอมเจ๊งเงิน ไม่ยอมให้แบรนด์เจ๊ง
|
|
|
|
|