|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ ฉบับ พฤศจิกายน 2550
|
|
องอาจ ประภากมล ยอมรับกับ "ผู้จัดการ" ว่า การตัดสินใจเข้าเรียนต่อ MBA ที่ศศินทร์ของเขา เพราะเขาเห็นความสำคัญของคำว่า Networking
องอาจเป็นศิษย์เก่าหลักสูตร MBA รุ่นที่ 8 ปี 2533 ปัจจุบันเป็นรองประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายคอมเมอร์เชียล บริษัททรู วิชั่นส์
เขามีเพื่อนร่วมรุ่นอย่างเช่นชนินทร์ ศิริสันต์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทชนินทร์ กรุ๊ป รวมถึงมาริสา มหาดำรงค์กุล ตระกูลแห่งธุรกิจนาฬิกา
และเขาก็เป็นอีกบทพิสูจน์หนึ่งที่แสดงให้เห็นว่าศศินทร์ไม่ได้ผลิตบุคลากรขึ้นมาสำหรับป้อนให้กับวงการการเงินการธนาคารเท่านั้น
องอาจเป็นคนที่ไปใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศตั้งแต่เด็ก โดยถูกส่งไปเรียนชั้นประถมปีที่ 5 ที่สิงคโปร์ ตั้งแต่อายุได้เพียง 11 ขวบ และจบปริญญาตรีวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ จาก University of Massachusetts, Amherst สหรัฐอเมริกา
หลังเรียนจบกลับมาเมืองไทยได้เข้าไปเป็นวิศวกร วางระบบให้กับบริษัทยูไนเต็ด คอมมูนิเกชั่น (UCOM) ที่เพิ่งได้รับสัมปทานโทรศัพท์เคลื่อนที่จากการสื่อสารแห่งประเทศไทย
"คนพูดกัน เด็กเรียนเมืองนอกไม่มีเพื่อนมัธยมกับมหาวิทยาลัย ซึ่งถือว่าเป็นช่วงที่ดีที่สุด คืออนาคตเมื่อโตขึ้นมา สำหรับคนที่เรียนในประเทศ ต่างคนต่างมีหน้าที่การงานและแต่ละคนอยู่ในตำแหน่งที่เชื่อมกันได้หมด แต่คนที่เรียนเมืองนอกก็จะขาดตรงนี้"
ก่อนที่เขาจะตัดสินใจเลือกเรียนที่ศศินทร์ พ่อของเขามีส่วนสนับสนุน เขาเองก็เห็นว่าศศินทร์มีเคลล็อกก์ กับวาร์ตันเข้ามาเป็นพาร์ตเนอร์ ซึ่งเขาก็รู้จักโรงเรียนทั้งสองเป็นอย่างดี อาจารย์ผู้สอนส่วนใหญ่มาจากต่างประเทศ และขณะนั้นเขาเองไม่ต้องการกลับไปเรียนต่างประเทศอีก เพราะถือว่าได้ผ่านมาหมดแล้ว
ดังนั้นเขาตระหนักถึงความสำคัญของเครือข่ายสายสัมพันธ์ในการทำงานในอนาคต เมื่อในประเทศไทยมีศศินทร์ ทุกอย่างจึงเข้าล็อกกับเขาถึง 100%
เขาตัดสินใจลาออกจาก UCOM เลือกเรียนสายการตลาดที่ศศินทร์เต็มเวลา มูลเหตุที่เขาเลือกเรียนด้านการตลาดเป็นเพราะเห็นว่างานวิศวกรรมในเมืองไทยไม่เน้นการทำงานที่วิจัยและพัฒนา เนื่องจากไม่ได้เป็นฐานการผลิตของอุตสาหกรรม จึงเห็นว่าอนาคตในวิชาชีพนี้คงไปได้ไม่ไกล
"ผมก็ดูแล้วว่าถ้าอยู่เป็นวิศวกร ก็คงจะโต แต่จะโตแบบไม่ใช่ธุรกิจหลัก มีรุ่นพี่พูดว่า การที่เราเป็นเอ็นจิเนียร์ ควบกับบิสซิเนส มันน่าจะดี แต่ถ้าเรามีประสบการณ์ด้านการบริหาร น่าจะโตได้"
แม้ว่าเขาจะเลือกเรียนด้านการตลาดเป็นหลัก แต่ก็เรียนการเงินและการจัดการควบคู่กันไปด้วย การเรียนเป็นไปอย่างชนิดเข้มข้น และไม่เคยเจอมาก่อน เรียน 1 สัปดาห์ หลังจากนั้นก็สอบ
"ผมจะเล่าให้ฟังสนุกๆ คือมันเป็น semi-quarter คือ quarter หนึ่งจะมี 10 สัปดาห์ แต่เมืองไทยเป็น Semester ประมาณ 4 เดือนหรือ 16 สัปดาห์ ของเคลล็อกก์เป็น quarter แต่เนื่องจากอาจารย์เคลล็อกก์จะมาทั้ง 10 สัปดาห์คงไม่ไหว เขาจะมาแค่ครึ่งหนึ่ง สมมุติว่าเราเรียนในหนึ่ง quarter เราลงวิชาสัก 5-6 ตัว แสดงว่า ครึ่ง quarter เหลือ 3 วิชา แล้วแต่อาจารย์มาจะลงตัว 3-4 วิชา แต่มันเกิดเรื่องช็อก! คือคุณลองจินตนาการดู สัปดาห์แรกจบยังงงๆ อยู่เลย พอเขาบอกว่า สัปดาห์หน้าจะต้องสอบ accounting ไม่รู้เรื่องเลย เราไม่เคยเจอ แบบว่าเรียนไปแค่หนึ่งในสามของวิชา แล้วจะสอบ ก็ได้เพื่อนที่เรียนด้วยกันทางด้านบัญชี มาช่วยติวให้" เป็นจุดเริ่มต้นสายสัมพันธ์ที่เขาได้รับจากการเรียนในศศินทร์
หลังจากที่เขาเรียนจบ ตลาดการเงินกำลังเติบโต เขาลองไปทำงานในภาคการเงินอยู่ระยะสั้นๆ ที่ซิตี้แบงก์ แต่ก็ไม่ชอบ จนเมื่อบริษัทพรอคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล (P&G) เรียกตัวเขาไปทำงาน เขาจึงได้ทำด้านการตลาดอย่างเต็มตัว โดยเริ่มจากการดูแลผลิตภัณฑ์แชมพูสระผมแพนทีน
เมื่อมีโอกาสได้ทำงานที่ P&G ทำให้องอาจรู้ตัวว่าการตลาดคือตัวตนที่แท้จริงของเขา เพราะเขาไม่ชอบงานที่ต้องทำประจำ เขาพบว่าการตลาดเป็นการนำเสนอนวัตกรรม มีการคิดค้นที่ไม่สิ้นสุด ไม่หยุดนิ่ง ทำให้เขารู้สึกสนุก ในตอนนั้นแทบจะบอกได้ว่าเขาสามารถเล่าเรื่องของผลิตภัณฑ์ วิธีการทำตลาด ได้เป็นฉากๆ อย่างชนิดเจาะลึกทีเดียว
แม้ว่าเขาจะบอกว่างานที่ P&G สนุกก็ตาม แต่เขาก็ต้องลาออกเพื่อไปช่วยงาน ดร.อาชว์ เตาลานนท์ ซึ่งกำลังปลุกปล้ำบริษัทเทเลคอมเอเซีย ที่ได้รับสัมปทานโทรศัพท์พื้นฐาน 2 ล้านเลขหมาย และต้องกลับไปทำงานทางด้านวิศวกรรมอีกครั้ง แต่ในที่สุดเขาก็ได้หันมาทำงานทางด้านการตลาด โดยขอย้ายไปเป็นผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัทยูทีวี เคเบิ้ล เน็ตเวิร์ค ที่ขายรายการบันเทิง แทนการขายแชมพู
เขาทำงานยูทีวีเรื่อยมาจนบริษัทเปลี่ยนมาเป็นทรู วิชั่นส์ ในทุกวันนี้
ดูเหมือนในจำนวน networking ที่เขามี เขาจะสนิทสนมกับรุ่นพี่อย่างชัยวัฒน์ อุทัยวรรณ์ มากเป็นพิเศษในฐานะที่ต้องมีส่วนดูแลศิลปิน AF 2 ที่หนึ่งในนั้นเป็นลูกสาวของชัยวัฒน์ รุ่นพี่ของเขานั่นเอง
|
|
|
|
|