ปี 2533 เป็นปีที่มีความหมายสำคัญสำหรับคริสเตียนี่และนีลเส็น ไม่เพียงเพราะเป็นปีที่บริษัทก่อสร้างเก่าแก่ที่สุดแห่งนี้จะมีอายุการดำเนินงานในประเทศไทยครบรอบ
60 ปี ความหมายสำคัญกว่านี้คือคริสเตียนี่ฯ ในปีที่ 61 อยู่ในระยะแห่งการปรับเปลี่ยนบทบาทของตัวเองเสียใหม่เพื่อให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์แวดล้อมทางธุรกิจ
การเพิ่มทุนครั้งใหญ่ของคริสเตียนี่และนีลเส็น (ไทย) เมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้วจาก
12.5 ล้านบาท เป็น 125 ล้านบาทคือสัญญาณการเริ่มต้นในการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้
คริสเตียนี่ฯ เพิ่มทุนครั้งสุดท้ายเมื่อเดือนพฤษภาคม 2517 จาก 8.1 ล้านบาทเป็น
12.5 ล้านบาท และหลังจากนั้นก็ไม่เคยมีการเพิ่มทุนอีกเลยตลอดระยะเวลา 15
ปีที่ผ่านมา การเพิ่มทุนขึ้นมาอีก 10 เท่าตัวในครั้งนี้จึงเป็นเสมือนสิ่งบอกเหตุว่าคริสเตียนี่ฯคงกำลังคิดเตรียมแผนการบางอย่างอยู่
"เราต้องการมีรายได้เพิ่มขึ้นจากที่เป็นอยู่ตอนนี้ แต่จะทำอย่างนั้นได้ในตลาดที่มีการแข่งขันมาก
ๆ นั้น เราต้องมีขนาดที่ใหญ่ขึ้น" สเวน แอนเดอร์เซ่น รองประธานของคริสเตียนี่ฯ
ที่โคเปนเฮแกน เดนมาร์กพูดถึงเหตุผลข้อหนึ่งในการเพิ่มทุนครั้งนี้
ความเปลี่ยนแปลงนอกเหนือจากการเพิ่มทุนแล้วก็คือการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างผู้ถือหุ้นและกรรมการของคริสเตียนี่ฯเสียใหม่
โดยดึงเอากลุ่มธุรกิจคนไทยที่มีบทบาทสำคัญในการลงทุนพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในปัจจุบันเข้าไปร่วมด้วย
โครงสร้างผู้ถือหุ้นเดิมของคริสเตียนี่ฯมีบริษัทแม่ที่เดนมาร์กคือ คริสเตียนี่และนีลเส็น
เอ.เอส เป็นผู้ถือห้นุใหญ่ 49 เปอร์เซ็นต์ ผู้ร่วมทุนฝ่ยไทยได้แก่สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์
15 เปอร์เซ็นต์ ตระกูลเตชะไพบูลย์ 33 เปอร์เซ็นต์ บริษัทเตชะไพบุลย์ 5.3
เปอร์เซ็นต์และอุทัย เตชะไพบูลย์อีก 3.7 เปอร์เซ็นต์
สัดส่วนที่เหลืออีก 3 เปอร์เซ็นต์เป็นของผู้ถือหุ้นรายย่อยรวมกัน 5 ราย
การเพิ่มทุนใหม่ครั้งนี้คริสเตียนี่ฯ เอ.เอส. และสำนักงานทรัพย์สินฯ ยังคงสัดส่วนเดิมเอาไว้ผู้ถือหุ้นที่เข้ามาใหม่คือ
บริษัทสยามพาณิชย์พัฒนาที่ดิน จำกัดซึ่งเป็นบริษัทพัฒนาที่ดินและอสังหาริมทรัพย์ของธนาคารไทยพาณิชย์ถือหุ้น
10 เปอร์เซ็นต์ ประสงค์ พาณิชภักดี 9 เปอร์เซ็นต์บริษัทซิตี้ แคปปิตอลซึ่งเป็นบริษัทลงทุนร่วมในเครือของซิตี้แบงก์
8 เปอร์เซ็นต์ อนันต์ อัศวโภคินแห่งกลุ่มแลนด์แอนด์เฮ้าส์ 5 เปอร์เซ็นต์
ชาลี โสภณพนิชเจ้าของซิตี้เรียลตี้ 2 เปอร์เซ็นต์ ที่เหลืออีก 2 เปอร์เซ็นต์เป็นหุ้นของวิศวกรชาวสวิสที่เข้ามาทำธุรกิจในเมืองไทยนานแล้ว
ชื่อณัฐ อินธการ
การดึงผู้ถือหุ้นดังกล่าวเข้ามาก็เพราะว่าคริสเตียนี่ฯ ต้องการขยายฐานธุรกิจเข้าไปในวงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ด้วยแทนที่จะทำแต่งานก่อสร้างเหมือนที่ผ่านมา
"เราพบว่าการมีทั้งธุรกิจก่อสร้างและการพัมนาอสังหาริมทรัพย์เป็นส่วนผสมที่ดีที่สุดสำหรับเราในตอนนี้"
แอนเดอร์เซ่นกล่าว
ที่มาของการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้มีจุดเริ่มต้นมาจากการเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้นในบริษัทแม่ที่เดนมาร์กเมื่อปี
2531 อเล็กซ์คริสเตียนี่ ผู้ถือหุ้นรายใหญ่และประธานของคริสเตียนี่ฯ เอ.เอส.
ซึ่งเป็นลูกชายของดร.รูดอล์ฟ คริสเตียนี่ วิศวกรโยธาผู้ก่อตั้งบริษัทกับ
กัปตัน ออเก นีลเส็น นายทหารแห่งราชนาวีเดนมาร์ก เมื่อพ.ศ. 2447 ได้ขายหุ้นให้กับนักธุรกิจชาวเดนมาร์กชื่อาร์เนอร์
โกรกส์
อาร์เนอร์ โกรส์นั้นเป็นนักธุรกิจที่มีกิจการอยู่หลายแขนง หนึ่งในนั้นคือการลงทุนพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในเดนมาร์กเมื่อเข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่และเป็นประธานคนใหม่ของคริสเตียนี่ฯ
เอ.เอส. เขาจึงหันเหทิศทางการทำธุรกิจของคริสเตียนี่ฯเข้าไปสู่การลงทุนพัฒนาอสังหาริมทรัพย์มากขึ้น
ธุรกิจก่อสร้างเป็นธุรกิจที่มีกำไรต่ำมาก อัตราโดยเฉลี่ยของบริษัทก่อสร้างใหญ่
ๆ ทั่วโลกจะทำกำไรได้เพียง หนึ่งเปอร์เซ็นต์ของยอดขายเท่านั้น ซึ่งถือว่าเป็นการทำกำไรที่มีประสิทธิภาพในขั้นดีแล้ว
และในยุโรปธุรกิจนี้มีการเจริญเติบโตอัตราที่ต่ำเพราะความต้องการในเรื่องโครงสร้างพื้นฐานหรืออาคารโรงงาน
ที่พักอาศัยต่าง ๆ เกือบจะเพียงพอแล้ว
เรื่องนี้จึงเป็นเหตุผลให้คริสเตียนี่ฯ เอ.เอส. ในยุคของอาร์เนอร์ โกรส์ต้องเปลี่ยนยุทธศาสตร์เสียใหม่
นอกเหนือจากพื้นฐานเดิมที่เป็นนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์มาก่อน
คริสเตียนี่ฯในประเทศอังกฤษเริ่มลงทุนก่อสร้างอพาร์มเมนท์ขนาดใหญ่ขึ้นเช่นเดียวกับในเยอรมนีตะวันตกที่คริสเตียนี่ฯ
ก็มีการลงทุนในด้านนี้เป็นครั้งแรกประมาณกลางปี 2531
ในประเทศไทย สเวน แอนเดอร์เซ่นถูกส่งตัวเข้ามาเพื่อริเริ่มบทบาทใหม่ของคริสเตียนี่ฯ
(ไทย) โดยเฉพาะ เขาเป็นคนเดนมาร์กที่คลุกคลีอยู่ในวงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์มาเป็นเวลา
20 ปีทั้งในบ้านเกิด ในเบลเยียมและฝรั่งเศส นอกเหนือจากการทำธุรกิจเป็นที่ปรึกษาด้านการตลาดในยุโรปมาเป็นเวลานาน
แอนเดอร์เซ่นเพิ่งจะมาร่วมงานกับคริสเตียนี่ฯ เอ.เอส. ได้เพียงปีเดียว
ภาระหน้าที่ของเขาในเฉพาะหน้านี้คือ การขยายบทบาทของคริสเตียนี่ฯ ในประเทศไทยให้มากขึ้น
ทั้งในด้านธุรกิจก่อสร้างที่เป็นธุรกิจดั้งเดิมที่จะต้องสร้างความเติบโตที่ให้มากกว่านี้และในธุรกิจใหม่คือการลงทุนพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่คริสเตียนี่ฯ
จะต้องหาช่องทางเข้าไปยืนอยู่ในตลาดที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วให้ได้
บทบาทของเขาไม่ต่างจากบทบาทของรูดอล์ฟ คริสเตียนี่เมื่อ 60 ปีที่แล้วในการวางรากฐานของคริสเตียนี่ฯ
ในประเทศไทยเป็นครั้งแรก จะต่างกันก็ที่ในยุคสมัยของรูดอล์ฟ คริสเตียนี่แม้จะเป็นการเข้ามาครั้งแรกแต่ก็เป็นสภาวะที่ยังไม่มีคู่แข่ง
ในขณะที่ภารกิจของแอนเดอร์เซ่นถึงจะเป็นการสานต่อฐานเดิมแต่ก็มีเงื่อนไขของการแข่งขันกำกับอยู่
ความยากง่ายแตกต่างกันที่ตรงนี้
จุดเริ่มต้นที่จะเป็นตัวชักนำให้รูดอล์ฟคริสเตียนี่เข้ามาเปิดสำนักงานในประเทศไทยในเวลาต่อมาก็คือ
โครงการสร้างสะพานพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกเพื่อฉลองกรุงเทพมหานครมีอายุครบ 150
ปี ซึ่งคริสเตียนี่ฯ ได้เสนอตัวเข้าประกวดราคาก่อสร้างด้วยร่วมกับบริษัทก่อสร้างจากอังกฤษ
เยอรมนี ฝรั่งเศสและอิตาลีรวมทั้งหมด 5 ราย
การเปิดซองประมูลได้มีขึ้นที่ลอนดอนเมื่อเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2472 บริษัทที่ได้รับการคัดเลือก
คือบริษัทเดอร์แมนลองจากประเทศอังกฤษ ซึ่งเสนอราคาก่อสร้างสะพานเหล็กและทางลาดคอนกรีตเสริมเหล็กเป็นเงิน
244,332 ปอนด์
ส่วนคริสเตียนี่ฯ เสนอราคา 318,083 ปอนด์ จึงไม่ได้รับการพิจารณา แต่จากจุดนี้เองก็แสดงให้เห็นว่าคริสเตียนี่ฯ
เริ่มสนใจเมืองไทยในฐานะตลาดใหม่ คริสเตียนี่ฯ ในช่วงนั้นมีเป้าหมายที่จะขยายกิจการออกไปที่อเมริกาและตะวันออกไกลหลังจากประสบความสำเร็จในเดนมาร์กและยุโรปมาแล้ว
การปรับเปลี่ยนสังคมไทยไปสู่ความทันสมัยแบบชาติตะวันตกที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง
มาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 ทำให้มีความต้องการสิ่งก่อสร้างที่เป็นสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานอย่างเช่น
ถนน สะพาน โรงไฟฟ้า เกิดขึ้น รูดอล์ฟ คริสเตียนี่มองเห็นถึงอนาคตอันกว้างไกลของงานด้านวิศวกรรมโยธาและงานรับเหมาก่อสร้างในประเทศไทย
ปี 2473 เขาเดินทางมาไทยเพ่อหาลู่ทางเปิดสาขาขึ้นที่นี่ บริษัทอี๊สต์ เอเชียติ๊ก
ซึ่งเป็นกิจการจากแดนไวกิ้งส์ด้วยกันที่เข้ามาก่อนหน้านั้นแล้ว ถึง 46 ปีเป็นตัวกลางในการติดต่อให้คริสเตียนี่ฯ
ได้รู้จักกับสำนักงานพระคลังข้างที่ หรือสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ในปัจจุบัน
ซึ่งเป็นหน่วยงานที่มีบทบาทสำคัญทางด้านเศรษฐกิจของชาติในเวลานั้น ในฐานะกลไกการบริหารทุนของราชสำนัก
ปีเดียวกันนั้นเอง คริสเตียนี่ฯก็จดทะเบียนบริษัทขึ้นในชื่อว่า บริษัทคริสเตียนี่และนีลเส็น
(สยาม) จำกัด เมื่อเดือนกันยายน ด้วยทุนหกแสนบาท คริสเตียนี่ฯ เอ.เอส. และอี๊สต์เอเชียติ๊กถือหุ้นฝ่ายละ
38% ส่วนสำนักงานพระคลังข้างที่ถือหุ้น 17 เปอร์เซ็นต์
ที่ทำการครั้งแรกของคริสเตียนี่และนีลเส็น (สยาม) อยู่ที่ตึกบริษัทอี๊สต์เอเชียติ๊กข้างโรงแรมโอเรียนเต็ล
ริมแม่น้ำเจ้าพระยา
สัญญาก่อสร้างสัญญาแรกของคริสเตียนี่ฯ ในประเทศไทยคือ สัญญาออกแบบและก่อสร้างหอเก็บน้ำขนาดบรรจุ
250 ลูกบาศก์เมตรที่บางซื่อของการรถไฟแห่งประเทศไทยในปีแรกที่เข้ามาเลยทีเดียว
ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำทั่วโลกที่เกิดขึ้นตั้งแต่ต้นปี 2473 ส่งผลมาถึงประเทศไทยด้วย
รัฐบาลในระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชในขณะนั้นแก้ไขปัญหาด้วยการตัดทอนงบประมาณรายจ่ายลง
ทำให้โครงการก่อสร้างในภาครัฐบาลมีน้อยมาก และการเปลี่ยนแปลงการปกครองในปี
2475 ก็ทำให้เกิดความไม่แน่นอนในทางการเมืองต่อเนื่องมาอีกหลายปี
สองปัจจัยนี้มีผลไม้คริสเตียนี่ฯไม่สามารถขยายกิจการได้มากนักในช่วงเวลาจนกระทั่งถึงปี
พ.ศ. 2481 จึงเริ่มกระเตื้องขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ในปีนั้นคริสเตียนี่ฯ
ได้งานรับเหมาก่อสร้างท่าเรือคลองเตย ซึ่งประกอบไปด้วยงานออกแบบโครงสร้างและก่อสร้างท่าเทียบเรือน้ำลึก
10 เมตร ความยาว 1,800 เมตร โรงพักสินค้าจำนวน 5 หลัง โกดังเก็บสินค้าขนาด
3 ชั้นและอาคารที่ทำการ
งานก่อสร้างท่าเรือคลองเตยนี้ เป้นงานใหญ่ชิ้นแรกของคริสเตียนี่ฯ นับตั้งแต่ปักหลักตั้งกิจการในประเทศไทยมา
โดยได้รับความช่วยเหลือในเรื่องเทคนิคการออกแบบและก่อสร้างจากบริษัทแม่ที่โคเปนเฮเกน
ใช้เวลาก่อสร้างถึง 4 ปีถึงเสร็จสิ้น
เงื่อนไขที่เป็นข้อได้เปรียบของคริสเตียนี่ฯ ในยุคแรก ๆ นั้นเป็นผลมาจากการมีสำนักงานพระคลังข้างที่มาเป็นผู้ร่วมถือหุ้นอยู่ด้วย
โครงการก่อสร้างเพื่อพัฒนาที่ดินที่อยู่ในความครอบครองของสำนักงานพระคลังข้างที่จึงอยู่ในมือของคริสเตียนี่ฯอยู่เสมอ
ผลงานเด่น ๆ ที่เป็นโครงการของสำนักงานพระคลังข้างที่ซึ่งคริสเตียนี่ฯ
เป็นผู้ก่อสร้างขึ้นมาก็คือ การสร้างอาคารสำนักงานให้เช่าสองฝั่งถนนราชดำเนินรวมทั้งโรงแรมรัตนโกสินทร์
อาคารธนาคารออมสินสาขาราชดำเนิน ศาลาเฉลิมไทยและอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย
แต่ลำพังความสัมพันธ์ในรูปแบบของผู้ร่วมลงทุนกับสำนักงานพระคลังข้าง ที่ยังไม่ใช่ปัจจัยชี้ขาดในการได้งานหรือไม่ได้งานของคริสเตียนี่ฯเพียงอย่างเดียว
จุดแข็งของคริสเตียนี่ฯที่เป็นเงื่อนไขสำคัญในการสร้างความเป็นปึกแผ่นในยุคแรกคือมีเทคนิคและเครื่องไม้เครื่องมือในการก่อสร้างที่ทันสมัย
ซึ่งเป็นผลมาจากการสั่งสมของบริษัทแม่ที่เดนมาร์กและถ่ายทอดต่อมายังคริสเตียนี่ฯ
(ไทย)
คริสเตียนี่ฯ เอ.เอส. นั้นเป็นผู้ชำนาญรายหนึ่งในการใช้คอนกรีตเสริมเหล็กกับงานก่อสร้าง
ซึ่งในขณะนั้นถือว่าเป็นเทคนิคก่อสร้างที่ก้าวหน้า ทันสมัยสำหรับงานวิศวกรรมโยธาและวิศวกรรมโครงสร้างเกือบทุกแขนง
ศาลาเฉลิมไทยเป็นอาคารที่ก่อสร้างโดยคอนกรีตเสริมเหล็กในประเทศไทยอาคารแรก
ๆ โดยสั่งซื้อเหล็กจากต่างประเทศโดยตรง เพราะเมืองไทยยังไม่มีโรงงานเหล็กเส้นในตอนนั้น
อีกตัวอย่างหนึ่งของความได้เปรียบทางด้านเทคนิคก็คือ งานก่อสร้างท่าเรือคลองเตย
ซึ่ได้รับความช่วยเหลือจากบริษัทแม่ที่เดนมาร์กที่มีประสบการณ์ในการก่อสร้างและออกแบบกำแพงเทียงเรือมาอย่างช่ำชอง
คริสเตียนี่ฯนำเอาระบบการตอกเสาเข็มยาวมาใช้เป็นครั้งแรก และหลังจากนั้นก็ได้ใช้ระบบนี้กับอาคารศาลาเฉลิมไทยโดยตอกเสาเข็มไม้ยาว
16 เมตร ใหั้ตมลงไปต่ำกว่าระดับน้ำทะเล ก่อนที่จะหล่อคอนกรีตสวมทับเป็นฐานราก
เพื่อป้องกันน้ำเซาะกัดฐานราก
เป็นอาคารแห่งแรกในประเทศไทยที่ใช้ระบบตอกเสาเข็มยาว ซึ่งคริสเตียนี่ฯ
ได้นำเครื่องปั่นจั่นสูงสำหรับตีเสาเข็มยาวที่เป็นเครื่องมือที่ทันสมัยที่สุดในเวลานั้นเข้ามาใช้
ชื่อของคริสเตียนี่ฯที่รับรู้กันว่าเป็นบริษัทก่อสร้างของฝรั่งชาติเดนมาร์กเองนั้น
ก็เป็นสิ่งขายได้ โดยเฉพาะบริษัทต่างชาติที่เข้ามาลงทุนตั้งกิจการในประเทศไทย
ซึ่งมักจะว่าจ้างให้คริสเตียนี่ฯเป็นผู้ก่อสร้างโรงงานหรือสำนักงานให้ รวมทั้งโรงงานอุตสาหกรรมที่เป็นธุรกิจของคนไทยด้วย
ตึก 10 ชั้นของโรงแรมโอเรียนเต็ลโรงงานเภสัชกรรมของบริษัทดูเม็กซ์ โรงงานผลิตผงซักฟอกของคอลเกต
ปาล์มโอลีฟ อาคารเอฟ.อี.ซีลิก. ที่ถนนสีลม ซึ่งล้วนแต่เป็นการลงทุนจากนักธุรกิจยุโรป
คือตัวอย่างผลงานของคริสเตียนี่ฯ
คริสเตี่ยนี่ฯได้ฝากผลงานเอาไว้ในวงการอุตสาหกรรมไทยเอาไว้มาก โรงกลั่นโรงหมักและโรงเก็บเบียร์ของบริษัทบุญรอด
บิเวเวอรี่คือฝีมือการสร้างของคริสเตียนี่ฯ ในระหว่างช่วงปี พงศ. 2476, 2509
และ 2512 คริสเตียนี่ฯยังเป็นผู้สร้างโรงงานผลิตปูนซิเมนต์ให้กับบริษัทปูนซิเมนต์ไทยที่ทุ่งส่ง
นครศรีธรรมราชเมื่อ พ.ศ. 2508 ที่ท่าหลวงและแก่งคอย สระบุรีในพ.ศ. 2497 และ
2512 ตามลำดับ และยังได้สัญญาสร้างโรงงานในกิจการเครือซิเมนต์ไทยอีกหลาย
ๆ แห่ง
การได้งานก่อสร้างในเครือซิเมนต์ไทยนั้น ยังอาจอธิบายได้ด้วยเงื่อนไขความสัมพันธ์กับสำนักงานไทยนั้นยังอาจอธิบายได้ด้วยเงื่อนไขความสัมพันธ์กับสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์
ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นในกิจการทั้งสองฝ่าย นอกเหนือไปจากชื่อเสียง ความสามารถของคริสเตียนี่ฯเอง
ลูกค้ากลุ่มธุรกิจอุตสหากรรมทั้งต่างประเทศและคนไทยนี้เองที่ยังคงเป็นฐานกิจการให้กับคริสเตียนี่ฯในช่วง
10 ปีหลังที่ผ่านมาซึ่งชื่อของคริสเตียนี่ฯแทบจะหายไปจากวงการก่อสร้างเลยทีเดียว
ความได้เปรียบของคริสเตียนี่ฯทั้งในแง่ชื่อเสียง เทคนิคการก่อสร้าง เครื่องมือทีททันสมัยกว่าเป็นปัจจัยภายในที่ประสานเข้ากับสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจ
และสภาพอุตสาหกรรมก่อสร้างเป็นเงื่อนไขสำคัญที่ทำให้คริสเตียนี่ฯ ก้าวขึ้นมาเป็นบริษัทก่อสร้างชั้นนำตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่สองเป็นต้นมาจนถึงช่วงหลังปี
พ.ศ. 2500
สภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจที่ว่าก็คือ การเร่งรัดพัฒนาประเทศไปสู่ความเป็นชาติอุตสาหกรรมมากขึ้น
ตั้งแต่ยุคของจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์เป็นต้นมาที่มีการส่งเสริมพื้นฐานของรัฐบาล
ที่ทำให้เกิดโครงการสร้างถนน สร้างสะพาน เขื่อนกั้นน้ำเกิดขึ้นอย่างมากมาย
ในขณะที่สภาพอุตสาหกรรมมีผู้รับเหมาก่อสร้างที่มีขีดความสามารถทัดเทียมกับคริสเตียนี่ฯอยู่เพียงน้อยราย
ทั้งงานก่อสร้างโรงงานอุตสาหกรรมและงานสร้างถนน สะพานคือฐานที่สำคัญของคริสเตียนี่ฯมาตลอด
ซึ่งมีปริมาณงานเป็นสัดส่วนถึง 60% ของสัญญาก่อสร้างทั้งหมดตั้งแต่บริษัทมาจนถึงประมาณปี
พ.ศ. 2523
ในส่วนของงานก่อสร้างโรงงานอุตสากรรม เจ้าของงานจะติดต่อว่าจ้างคริสเตียนี่ฯมาโดยตรง
ในขณะที่การสร้างถนน สะพานซึ่งเป็นงานของกรมทางหลวงจะต้องเสนอตัวประมูลแข่งขันกัน
"สมัยนั้นคนที่เข้าประมูลมีเพียงสี่ห้ารายเท่านั้น และยังไม่มีระบบการฮั้วกัน"
แหล่งข่าวในวงการก่อสร้างเปิดเผย
งานสร้างถนนสายสำคัญของคริสเตียนี่ฯได้แก่ งานสร้างทางสายกรุงเทพฯ นครปฐม
และสายโคราช-หนองคายช่วงขอนแก่นถึงอุดรเมื่อ พ.ศ. 2506 สายร่อนพิบูลย์-พัทลุงเมื่อ
พ.ศ. 2516 สายบางนา-สมุทรปราการ เมื่อ พ.ศ. 2519
ส่วนงานก่อสร้างสะพานที่สำคัญได้แก่ สะพานสารสินที่เชื่อมพังงากับภูเก็ตเมื่อ
พ.ศ. 2508 สะพานแม่น้ำบางปะกงเมื่อ พ.ศ. 2497 สะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาที่จังหวัดนครสวรรค์ในพ.ศ.
2512
"เราขาดทุนเป็นสิบ ๆ ล้านบาท" แหล่งข่าวในคริสเตียนี่ฯกล่าว
สาเหตุสำคัญของการขาดทุนนั้นเกิดขึ้นเนื่องจากวิกฤติการณ์น้ำมันเมื่อปี
2522 ที่มีการขึ้นราคาน้ำมันจนทำให้สินค้าวัสดุก่อสร้างขึ้นราคาต้นุทนค่าก่อสร้างสสูงกว่าราคาระมูลตอนแรก
"เราก็ทำจนเสร็จ" แหล่งข่าวรายเดิมพูดต่อ ชื่อเสียงของคริสเตียนี่ฯประการหนึ่งก็คือ
ทำงานอย่างไรได้มาตรฐาน รักษาคุณภาพอย่างสม่ำเสมอ ถึงแม้ต้นทุนจะเพิ่มขึ้นก็ยังใช้วัสดุและก่อสร้างตามแบบทุกอย่าง
ดังนั้นแม้จะขาดทุนอย่างมโหฬาร ก็ยังเดินหน้าสร้างถนนสายพิษณุโลก-เด่นชัยจนเสร็จสมบูรณ์
"เกือบสิบปีแล้ว จะเรียกว่าเป็นถนนสายที่ดีที่สุดสายหนึ่งในประเทศไทยก็ได้"
การขาดทุนจากถนนสายนี้เป็นจุดเริ่มต้นที่คริสเตียนี่ฯ แทบจะวางมือจากงานที่ประมูลกับกรมทางหลวงและหน่วยงานราชการอื่น
ๆ หันไปเน้นงานด้านก่อสร้างโรงงานอุตสาหกรรมและอาคารสำนักงานมากขึ้น
ปี 2529 สัดส่วนระหว่างงานก่อสร้างถนน และงานดินเท่ากับงานก่อสร้างอาคาร
และงานก่อสร้างอื่น ๆ ปี 2530 งานถนนและงานดินลดลงเหลือประมาณ 38 เปอร์เซ็นต์
ขณะที่งานก่อสร้างอาคารอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นเป็น 58 เปอร์เซ็นต์ และในปีที่แล้ว
งานถนนและงานดินลดลงเหลือเพียง 8 เปอร์เซ็นต์แต่งานทางด้านอุตสาหกรรมพาณิชยกรรมและที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้นถึง
92 เปอร์เซ็นต์ของรายได้ทั้งหมด
"งานสร้างโรงงานเป็นงานที่ง่ายเสร็จเร็วและได้กำไรมากกว่าการทำถนน"
คนของคริสเตียนี่ฯ คนหนึ่งพูดถึงเหตุผลของการละความสนใจที่จะทำงานถนนกับกรมทางหลวง
แต่เหตุผลสำคัญประการหนึ่งก็คืองานโรงงานนั้นคริสเตียนี่ฯ ไม่ต้องไปแข่งกับใคร
ชื่อเสียงในเรื่องคุณภาพ และการทำงานเสร็จตามกำหนดยังเป็นเครดิตที่ดีถึงแม้ว่าราคาก่อสร้างมักจะแพงกว่าผู้รับเหมารายอื่น
ๆ คริสเตียนี่ฯ ก็ยังได้งานอย่างสม่ำเสมอ อย่างเช่นการก่อสร้างโรงงานผลิตกระป๋องน้ำอัดลมของบริษัทเมตัลบ๊อกซ์ประเทศไทยและการก่อสร้างสโตร์ของสยามแม็คโครทั้งสามสาขา
ในขณะที่งานถนนสะพานของกรมทางหลวงรวมทั้งงานก่อสร้างของหน่วยงานราชการอื่น
ๆ มีการแข่งขันที่รุนแรงขึ้นผู้รับเหมาแต่ละรายมีความสามารถไม่แตกต่างกันสักเท่าไรเหมือนในยุคแรก
ๆ ตัวแปรในการตัดสินหาผู้ชนะการประมูลจึงไม่ใช่เรื่องของชื่อเสียง ความสามารถอีกต่อไป
หากแต่มีน้ำหนักอยู่ที่ระบบการประสานผลประโยชน์ระหว่างผู้รับเหมาด้วยกันเองและระหว่างผู้ชนะการประมูลกับหน่วยงานเจ้าของโครงการนั้น
ๆ
ถึงแม้จะอยู่เมืองไทยมานาน แต่ความเก่าแก่ของคริสเตียนี่ฯ ก็ไม่อาจนำมาใช้หใเป็นประโยน์ในแง่ของการเรียนรู้และการปรับตัวให้ทันกับสภาพการแข่งขันที่เปลี่ยนไปอย่างมากมายได้
คริสเตียนี่ฯ ยังคงพึ่งพาชื่อเสียงเก่า ๆ การทำงานอย่างได้มาตรฐาน ใช้วัสดุก่อสร้างตามเกณฑ์ทุกอย่าง
จึงไม่อาจจะแข่งขันในเรื่องราคาในสภาพการแข่งขันที่มีราคากลางเป็นกรอบกำหนดไว้
คริสเตียนี่ฯ จึงไม่อาจจะแข่งขันในเรื่องราคากับคู่แข่งรายอื่น ๆ ได้
ยังไม่ต้องพูดถึงลูกเล่น เทคนิคในการประมูลงานราชการที่คริสเตียนี่ฯ เองแทบจะไม่มีอยู่เลย
แต่เล่นกันอย่างตรงไปตรงมา ตามกติกา เทียบกับคู่แข่งอย่างกลุ่มห้าเสือกรมทางหลวง
หรืออิตัลไทยแล้ว คริสเตียนี่ฯ ยังห่างชั้นมาก
ยิ่งในระยะหลังที่โครงการก่อสร้างของทางราชการขนาดใหญ่ส่วนมากมักจะเป็นโครงการที่ได้เงินกู้จากญี่ปุ่นซึ่งมีเงื่อนไขแอบแฝงกำกับมาว่า
ผู้รับเหมาที่ได้รับการคัดเลือกจะต้องเป็นผู้รับเหมาญี่ปุ่นเท่านั้นคริสเตียนี่ฯ
ก็แทบจะเปิดประตูหากินกับงานราชการไปได้เลย
"เราจะไม่เน้นงานก่อสร้างของราชการอีกต่อไป เพราะมีการแข่งขันมากขึ้น
โดยเฉพาะจากญี่ปุ่น เกาหลี เราเป็นบริษัทต่าบงปรเทศที่มโอกาสในการชนะการประมูลงานเป็นเรื่องยากมาก"
สเวนแอนเดอร์เซ่น เองก็ยอมรับในความยากลำบากของการแข่งขันในด้านนี้
ความยากลำบากของคริสเตียนี่ฯ นั้นในด้านหนึ่งเกิดขึ้นจากการที่สภาพของอุตสาหกรรมการก่อสร้างเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม
มีคู่แข่งมากขึ้น รูปแบบการแข่งขันมีความสลับซับซ้อนมากขึ้น ในอีกด้านหนึ่งตัวของคริสเตียนี่ฯ
เองก็แทบจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด
จากจุดเริ่มต้นที่เพียบพร้อมไปด้วยภาพพจน์ ชื่อเสียง และความสามารถในขณะที่ตลาดมีคู่แข่งน้อยรายและเศรษฐกิจของประเทศกำลังเติบโตในอัตราเร่ง
เมื่อกาลเวลาผ่านไป จุดแข็งที่มีมาแต่เดมิของคริสเตียนี่ฯ ในเรื่องคุณภาพยังคงมีอยู่แต่ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงด้านอื่นให้สอดคล้องกับสภาพแวดล้อมทางธุรกิจคริสเตียนี่ฯ
ในช่วงสิบปีที่ผ่านมาจึงอยุ่ในภาวะชะงักงัน
แอนเดอร์เซ่นเองก็ยอมรับว่า คริสเตียนี่ฯ หยุดอยู่กับที่ตั้งแต่ปี 2523
เป็นต้นมา
วิกฤติการณ์น้ำมันที่เกิดขึ้นในปี 2522 ส่งผลให้เกิดภาวะเศรษฐกิจตกต่ำต่อเนื่องกันมาจนถึงปี
2528 ภาคอุตสาหกรรมการก่อสร้าง ซึ่งขึ้นลงตามภาวะเศรษฐกิจโดยรวมจึงเลี่ยงไม่ได้ที่ต้องตกอยู่ในความซบเซา
แต่เมื่อเศรษฐกิจฟื้นตัวขึ้นตั้งแต่ปี 2529 เป็นต้นมา และอุตสาหกรรมก่อสร้างเริ่มฟื้นตัวอย่างขนานใหญ่และเติบโตอย่างพรวดพราดตั้งแต่ปี
2531 จากกการลงทุนในธุรกิจที่อยู่อาศัย และอาคารสำนักงาน โดยเฉพาะการลงทุนก่อสร้างอาคารสูง
คริสเตียนี่ฯ เองกลับไม่สามารถพลิกตัวเกาะติดไปกับความเติบโตของอุตสหากรรมนี้ได้เท่าที่ควร
ยังคงหากินอยู่กับการสร้างโรงงานเป็นหลัก
ปัจจัยสำคัญอันหนึ่งที่เชื่อกันว่าทำให้คริสเตียนี่ฯ ไม่โตก็คือ ระบบการผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนส่งผู้บริหารสูงสุดจากเดนมาร์กมาบริหารที่นี่ครั้งละ
2-3 ปีแล้วสับเปลี่ยนตัวผู้บริหารใหม่
คริสเตียนี่ฯ ถึงแม้จะอยู่เมืองไทยมาถึง 60 ปีแล้ว แต่อำนาจการบริหารยังอยู่ในมือบริษัทแม่
ทุกวันนี้ถึงแม้พนักงานเกือบทั้งหมดจะเป็นคนไทย มีฝรั่งอยู่เพียงสองคน แต่เป็นสองคนที่มีอำนาจสิทธิขาดในการตัดสินใจ
คนหนึ่งนั้นคือกรรมการผู้จัดการ อีกคนคือสมุห์บัญชี
ระบบการส่งผู้บริหารจากบริษัทแม่มาอยู่เป็นเทอมช่วงสั้น ๆ เช่นนี้ ทำให้เกิดความไม่แน่นอนในเรื่องนโยบายทางธุรกิจขึ้นอยู่กับตัวผู้บริหารแต่ละคนเองว่าจะเอาอย่างไร
และขึ้นอยู่กับสาถนการณ์ในช่วงที่ผู้บริหารแต่ละคนมาอยู่
ถ้าเข้ามาในช่วงที่เพิ่งจะประสบจากการขาดทุนจากโครงการใหญ่ ๆ เช่นการขาดทุนจากถนนสายพิษณุโลก
- เด่นชัยเมื่อปี 2525 มีผลทำให้คริสเตียนี่ฯ ให้ความสำคัญกับโครงการของราชการน้อยลงด้วยเหตุผลทางด้านราคาเพียงอย่างเดียว
โดยละเลยการพิจารณาปัจจัยการแข่งขันในแง่มุมอื่นด้วย
ปัญหาสำคัญที่สุดของการส่งผู้บริหารมานั่งเป็นเทอมก็คือ การขาดแรงจูงใจและขาดเป้าหมายที่ชัดเจนในการบริหารงานเพราะแต่ละคนรู้อยู่แล้วว่า
ไม่ได้มานั่งที่ไทยตลอดไป เป้าหมายเฉพาะหน้าก็คือประคองสถานะของบริษัทให้ดีที่สุดในช่วงที่ตนรับผิดชอบอยู่
จึงไม่มีกามองไปข้างหน้า และตกเป็นฝ่ายตั้งรับจากแรงกระทำของสภาพแวดล้อม
"คนของบริษัทแม่ที่ส่งมานั้นไม่ค่อยจะมีความคิดในทางธุรกิจเท่าใด"
แหล่งข่าวในวงการอุตสาหกรรมก่อสร้างกล่าว
ผู้จัดการคริสเตียนี่ฯ (ไทย) ที่มาจากเดนมาร์กนั้นล้วนแล้วแต่มีพื้นฐานทางด้านวิศวกรรมศาสตร์
คนพวกนี้เข้ามาในฐานะนายช่างใหญ่ที่มีประสบการณ์ความรู้ ความเชี่ยวชาญในทางวิศวกรรมเป็นหลัก
และให้ความสนใจกับการทำงานให้ถูกต้อง มีคุณภาพ พัฒนาดัดแปลงเทคนิคใหม่ ๆ
แต่ไม่มีแนวความคิดในเรื่องธุรกิจหรือการลงทุนแต่อย่างใด
ยิ่งแต่ละคนมาอยู่เพียงสองถึงสามปีแล้ว โอกาสที่จะได้ศึกษาสภาพ ทำความเข้าใจกับการเปลี่ยนแปลงเพื่อคิดวางแผนการทางธุรกิจจึงเป็นเรื่องที่ขาดหายไป
"เขาต้องปรับทิศทาง บทบาทของตัวเองใหม่ให้มีด้านของการลงทุน มองหาลู่ทางใหม่
ๆ มากขึ้นแทนที่จะรับบทเฉพาะผู้ให้บริการด้านการรับเหมาก่อสร้างตามแต่จะเป็นผู้ว่าจ้างมา
" ผู้เชี่ยวชาญคนเดิมชี้แนะถึงช่องทางที่ควรจะเป็นของครินเตียนี่ฯ
การเพิ่มทุนและการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างผู้ถือหุ้นใหม่ของคริสเตียนี่ฯ (ไทย)
ในครั้งนี้ ก็คือความพยายามที่จะเล่นบทใหม่ให้มีสีสันของความเป็นนักลงทุนมากขึ้นตามพื้นฐานของผู้ถือหุ้นรายใหม่ที่บริษัทแม่
เป็นการปรับบทบาทในช่วงที่สถานการณ์ของธุรกิจก่อสร้างกำลังเป็นใจ เมื่อการขยายตัวของโครงการก่อสร้างอาคารสูงทำให้ธุรกิจนี้กำลังประสบปัญหาขาดแคลนผู้รับเหมาที่มีความสามารถในการสร้างตึกสูง
ๆ แต่เงื่อนไขของคริสเตียนี่ฯ เองที่ละทิ้งงานสร้างตึกสูงไปนาน ทำให้ขาดความมั่นใจทางด้านวิทยาการนี้
"เทคนิคเรื่องการสร้างตึกสูงไม่ใช่เรื่องลี้ลับอะไร แต่เราทิ้งงานไปนานมาก"
คนอขงคริสเตียนี่ฯ เองยอมรับในปัญหานี้
คริสเตียนี่ฯ เสริมความพร้อมในเรื่องนี้ด้วยการร่วมทุนกับบริษัท ฟิลิปส์
โฮวส์แมน เอจี จำกัด จากประเทศเยอรมนีตะวันตก ตั้งบริษัทคริสเตียนี่และโฮลส์แมน
(ไทย) ขึ้นมาเมื่อเดือนกรกฎาคมปีที่แล้วเพื่อรับงานก่อสร้างตึกสูงโดยเฉพาะ
ฟิลิปส์ โฮลส์แมนเป็นบริษัทที่มีชื่อเสียงเก่าแก่ตั้งมาตั้งแต่ปี พ.ศ.
2392 และมีประสบการณ์ในการก่อสร้างอาคารสูง ๆ ปัจจุบันเป็นบริษัทรับงานก่อสร้างนานาชาติที่ใหญ่เป็นอันดับที่สี่ของโลก
"เราจะใช้วิศวกรของโฮลส์แมนในการควบคุมงาน" แหล่งข่าวในคริสเตียนี่ฯ
กล่าวถึงรูปแบบของความร่วมมือระห่างสองบริษัทนี้
โครงการที่คริสเตียนี่และโฮลส์แมนเข้าไปมีบทบาทในขณะนี้ก็คือ การก่อสร้างโครงการแหลมฉบังทาวเวอร์
โครงการโรงแรมโบลฟอร์ตสุโขทัย ที่ถนนสาธรซึ่งเป็นโรงแรมห้าดาวสูงเก้าชั้น
โครงการคอนโดมิเนียมราคาแพงตรีทศซิตี้ มารีน่าที่ถนนเจริญนคร
การตั้งคริสเตียนี่และโฮลส์แมนคือการขยายตลาดเข้าไปในวงการก่อสร้างอาคารสูงโดยอาศัยพื้นฐานชื่อเสียงเดิมบวกกับเทคนิคในการก่อสร้างจากผู้ร่วมทุน
ส่วนการปรับโครงสร้างผู้ถือหุ้น โดยดึงเอากลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เข้ามาถือหุ้นด้วยคือความตั้งใจที่จะขยายธุรกิจเข้าไปสู่การเป็นนักพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์
อุปสรรคเบื้องต้นของคริสเตียนี่ฯ ในการเข้าสู่ธุรกิจนี้คือ ไม่มีสายสัมพันธ์ใด
ๆ มาก่อนกับนักธุรกิจในวงการนี้มาก่อนเลย การดึงเอากลุ่มธุรกิจคนไทยเข้ามาคือแนวความคิดในการแก้ไขปัญหานี้
"เราเชื่อว่าในประเทศไทยเราต้องทำธุรกิจร่วมกับคนไทย การที่เราเอาผู้ร่วมทุนเหล่านี้เข้ามาเพราะเรามองเห็นผลประโยชน์ร่วมกันทั้งสองฝ่าย"
แอนเดอร์เซ่นกล่าว
แอนเดอร์เซ่นใช้เวลาประมาณหนึ่งเดือนครึ่งในการสรรหาผู้ร่วมทุน โดยเริ่มเมื่อประมาณกลางเดอนกันยายนปีที่แล้วเขาติดต่ทาบทามไปยังกลุ่มนักลงทุนประมาณ
10 รายด้วยกัน
ชื่อเสียงเก่าแก่ของคริสเตียนี่ฯ แม้ว่จะซบเซาลงไปในระยะหลัง แต่ก็ยังมีเครดิต
ได้รับความเชื่อถือยู่เป็นอันมากพิสูจน์กัไนด้ด้วยการตอบรับของผู้ได้รับการทาบทามทั้งสิบรายที่ยินดีจะร่วมหัวจมท้ายกับคริสเตียนี่ฯ
"เราต้องการผู้ถือหุ้นที่เป็น ACTIVE PARTNERSHIP" แอนเดอร์เซ่นพูดถึงหลักเกณฑ์ในการคัดเลือกผู้ร่วมลงทุนข้อสำคัญ
ซึ่งเป็นหลักเกณฑ์ที่รองรับแนวความคิดของเขาตอ่การขยายตัวอขงคริสเตียนี่ฯ
อยู่สองประการคือ หนึ่ง ต้องทำธุรกิจให้กับธุรกิจก่อสร้างของคริสเตียนี่ฯ
ได้ และสอง ต้องมีประโยชน์สำหรับธุรกิจทางด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของคริสเตียนี่ฯ
"แต่ละรายมีความสัมพันธืกับผู้ที่จะเป็นลูกค้าของเราในส่วนธุรกิจก่อสร้างสามารถแนะนำลูกค้าใหม่
ๆ ให้เราได้ส่วนในเรื่องการพัฒนานั้นเราเชื่อว่า การร่วมกันแบ่งสรรกำไรระหว่างกันคือความสำเร็จในธุรกิจนี้
เราต้องการความชำนาญเฉพาะด้านหลาย ๆ อย่างเช่น การเงิน การตลาด การก่อสร้าง"
แอนเดอร์เซ่นเปิดเผย
กลุ่มแลนด์แอนด์เฮ้าส์นั้น คือผู้ชำนาญในเรื่องธุรกิจอาคารที่พักอาศัย
บ้านจัดสรรในเขตกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นโครงการพัฒนาที่เป็นเป้าหมายหนึ่งของคริสเตียนี่ฯ
ในขณะที่ประสงคื พาณิชภักดีเจ้าของโครงกาบ้านสมประสงคืคือผู้ที่มีประสบการณ์กับการลงทุนในย่านอีสเทิร์นซีบอร์ดมากที่สุดคนหนึ่งในสายตาอขงแอนเดอร์เซ่น
ส่วนซิตี้เรียลตี้ก็เป็นกลุ่มพัฒนาโครงการขนาดใหญ่ที่มีศักยภาพทางด้านการลงทุนอย่างเหลือเฟือ
และเป็นช่องทางหนึ่งที่จะตอ่ไปถึงธนาคารกรุงเทพหรือกิจการการเงินอื่น ๆ ของโสภณพานิชเพื่อใช้เป็นฐานในการลงทุนได้
สำหรับซิตี้แคปปิตอลซึ่งเป็นธุรกิจร่วมลงทุนของซิตี้แบงก์นั้น แอนเดอร์เซ่นหวังว่าจะแนะนำกลุ่มลูกค้าสถาบันมาให้กับคริสเตียนี่ฯ
ได้ทั้งในแง่ของผู้ลงทุนในโครงการใหม่ ๆ ของคริสเตียนี่ฯ เองหรือลูกค้าในโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในขณะที่สยามพาณิชย์พัฒนาที่ดินถึงแม้จะยังมีโครงการพัฒนาไม่มากนัก
แต่แอนเดอร์เซ่นมองว่าจะเป็นตัวเชื่อมกับธนาคารไทยพาณิชย์ได้
"เราเชื่อว่ามีที่ว่างพอสำหรับทุก ๆ คนไม่ต้องมาแข่งกันเอง เราจะพึ่งพาแบ่งปันอาศัยความรู้ความเชี่ยวชาญของกันและกันมากว่า"
แอนเดอร์เซ่นพูดถึงปัญหาที่อาจจะเกิดความขัดแย้งในผลประโยชน์ของบรรดาหุ้นส่วนเหล่านี้
คริสเตียนี่ฯ ในโฉมหน้าใหม่นี้จะไม่ใช่ผู้เข้าไปลงทุนในโครงการต่าง ๆ โดยตรง
แต่จะร่วมลงุทนบางส่วนกับโครงการใหม่ ๆ ของผู้ที่เป็นหุ้นส่วนหรืออาจจะเป็นเจ้าของที่ดินรายอื่นที่ต้อบการพัฒนาที่ดินของตัว
คริสเตียนี่ฯ ก็อาจจะเข้าไปถือหุ้นด้วย
"เราจะเป็นเหมือนบริษัทลงทุนมากกว่า" เขาบอก
คริสเตียนี่และนีลเส็นนั้นจะเรียกว่าเคยเป็นยักษ์ใหญ่ในวงการก่อสร้างมาก่อนก็น่าจะได้
แต่เป็นยักษ์ที่ยังคงยืนถือตะบองอยู่กับที่มองดูความเปลี่ยนแปลงที่เคลื่อนไหวไปมาอย่างรวดเร็วอยู่รอบตัวอาจจะรู้
อาจจะเห็น ว่ามีสิ่งใดเกิดขึ้นบ้างแต่ก็ไม่เคยคิดว่าจะต้องทำอย่างไร จวบจนอายุย่างเข้ารอบที่หก
จึงเริ่มขยับแข้งขยับขาสะบดตัวเปลี่ยนเครื่องทรงให้กับตัวเองใหม่ อีกไม่นานนักยักษ์ตนนี้ก็จะเริ่มก้าวเดินในทาวงทำนอง
และลีลาที่ต่างไปจากเดิม