|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
“ตลาดรถยนต์ในประเทศไทยเป็นตลาดที่มีความสำคัญมากในภูมิภาคนี้”
โยชิซึมิ คุราตะ ประธาน บริษัท ฮุนได มอเตอร์ (ไทยแลนด์) จำกัด เปิดเผย
“ฮุนไดได้ทำการศึกษา และเตรียมการอย่างจริงจัง มาตั้งแต่ 4 ปีที่แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของการบริการหลังการขาย ซึ่ง ฮุนได ประเทศไทย ให้ความสำคัญสูงสุด ภายใต้นโยบาย Red Carpet Strategy ด้วยการลงทุนเปิดโชว์รูมมาตรฐานเดียวกับฮุนไดทั่วโลก ที่พร้อมจะให้บริการลูกค้าทั้งใหม่และเก่า ควบคู่ไปกับสินค้าคุณภาพระดับโลก ซึ่งจะเป็นกลยุทธ์สำคัญในการสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้า ชาวไทย”
นโยบาย Red Carpet Strategy เป็นแนวคิดในการให้บริการลูกค้าอย่างใกล้ชิด ให้ลูกค้ารู้สึกได้ถึงความเป็นคนพิเศษ เมื่อรวมเข้ากับรูปแบบการบริการเดียวกับฮุนไดทั่วโลก มาปรับใช้ให้เข้ากับความต้องการของลูกค้าชาวไทย ถือเป็นหัวใจสำคัญในการสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้กับลูกค้า
โชว์รูมมาตรฐานแห่งนี้ ตั้งอยู่บนถนนพหลโยธินตรงข้ามตึกช้าง บริหารงานโดยทีมงานของ ฮุนได ประเทศไทย โชว์รูมตกแต่งภายในที่สะท้อนความเรียบง่าย บ่งบอกถึงเอกลักษณ์ความเป็นแบรนด์ฮุนได ลูกค้าที่แวะมาที่โชว์รูม และศูนย์บริการจะได้รับการต้อนรับและบริการที่อบอุ่น มั่นใจได้ในคุณภาพการบริการที่ได้มาตรฐาน โดยทีมช่างที่ผ่านการอบรมอย่างเข้มงวดจากบริษัทแม่ มาตรฐานการบริการของฮุนได นอกจากนี้ยังเร่งขยายเครือข่ายผู้แทนจำหน่ายให้ครอบคลุมพื้นที่สำคัญทั้งกรุงเทพฯ และหัวเมืองใหญ่ โดยมีเป้าหมายอยู่ที่ 60-70 แห่ง ภายในปี 2552
“ฮุนได ประเทศไทย อยู่ในขั้นเตรียมความพร้อม ในการบุกตลาดไทยอย่างเต็มรูปแบบในช่วงไตรมาส 4 ปีนี้อย่างแน่นอน โดยเตรียมสินค้าคุณภาพ ที่ประสบความสำเร็จมาแล้วทั่วโลก ทั้งรถเก๋ง, SUV และรถสปอร์ตขนาดเล็ก โดยวางกลุ่มลูกค้าเป็นคนรุ่นใหม่ และลูกค้ากลุ่มครอบครัว ที่ต้องการรถที่ให้ความคุ้มค่าสูงสุดในการใช้งานจริง และนโยบายที่สำคัญที่สุดของเรา คือการสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้กับลูกค้าของเรา ทั้งในแง่การบริการหลังการขาย และการเตรียมความพร้อมด้านอะไหล่” คุราตะ กล่าว
รถยนต์ 3 รุ่น ที่พร้อมจะเปิดตัวในช่วงไตรมาสที่ 4 ประกอบด้วย
1. ฮุนได โซนาต้า ประกอบในประเทศไทย ณ โรงงานธนบุรีประกอบยนต์
2. ฮุนได ซานตาเฟ่ รถ SUV นำเข้าจากประเทศเกาหลีใต้
3. ฮุนได คู้ป รถสปอร์ตขนาดเล็กนำเข้าจากประเทศเกาหลีใต้
“สาเหตุที่เราเลือกโรงงานธนบุรี ในการประกอบรถโซนาต้า เนื่องจากเรามีความเชื่อมั่นในคุณภาพ และประสบการณ์อันยาวนานของโรงงานแห่งนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งฝีมือในการประกอบของแรงงานไทย ที่ไม่เป็นสองรองใคร จะช่วยให้ลูกค้าเกิดความเชื่อมั่นในคุณภาพของสินค้าฮุนไดได้เป็นอย่างดี” มร.คุราตะ กล่าวเสริม
“การเปิดสินค้าพร้อมกันถึง 3 รุ่น แสดงถึงความมุ่งมั่นและการให้ความสำคัญสูงสุดกับตลาดรถยนต์ในประเทศไทย ซึ่งถือเป็นศูนย์กลางยานยนต์ที่สำคัญของภูมิภาคนี้ นับเป็นตลาดหลักสำคัญที่จะสร้างการเติบโตให้กับฮุนไดในอนาคต เนื่องจากการให้สิทธิพิเศษด้านภาษี ภายใต้กรอบความร่วมมือการค้าเสรี ไทยจะเป็นฐานการแลกเปลี่ยนสินค้าหลักของฮุนไดในอนาคต ด้วยความพร้อมของไทย ในด้านแรงงาน ตัวสินค้ารถยนต์ และชิ้นส่วนยานยนต์ เป็นประเทศที่มีศักยภาพสูงสุดแห่งหนึ่ง และนี่คือเหตุผลหลักที่ฮุนไดจะต้องสร้างฐานรากของธุรกิจในเมืองไทย จะต้องเติบโตอย่างยั่งยืนในตลาดแห่งนี้ เพื่อเป็นฐานความสำเร็จของฮุนไดในตลาดโลก”
“การเปิดตัวสินค้า โดยวางตำแหน่งสินค้าในระดับบนเป็นอีกหนึ่งความตั้งใจจริงในการสร้างแบรนด์สินค้าฮุนไดในประเทศไทย ต้องการให้ยอดขายในช่วงแรกสัมพันธ์กับการให้บริการที่ดีเลิศจากนั้นในปีหน้า และปีต่อๆ ไป” คุราตะ กล่าว
“เมื่อความพร้อมในเรื่องของศูนย์บริการมีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ฮุนไดจึงค่อยเปิดตัวรถรุ่นใหม่ๆ ให้หลากหลายยิ่งขึ้น เพื่อเข้าถึงลูกค้าทุกกลุ่ม และการรับประกันคุณภาพสินค้า 5 ปี ไม่จำกัดระยะทางเป็นรายแรกในประเทศไทย ในรุ่นโซนาต้า เป็นข้อพิสูจน์ถึงคุณภาพของโซนาต้า และความจริงจังมุ่งมั่นในการทำตลาดในไทยได้เป็นอย่างดี”
ฮุนไดลงตลาดไทยอีกครั้ง จะประสบความสำเร็จหรือไม่
บทเรียนจากครั้งที่แล้วคืออะไร
อะไรคือปัจจัยความสำเร็จครั้งนี้
บทวิเคราะห์
รถเกาหลีเคยได้รับความนิยมอย่างสูงในช่วงก่อนเกิดวิกฤตเศรษฐกิจ
เข้ามาในตลาดไทยช่วงที่แบรนด์เกาหลีไม่ได้รับความนิยมและมองว่าเป็นสินค้าด้อยคุณภาพ และตอนนั้นก็ไม่มีละครเกาหลีเสียด้วยซ้ำ
ภายใต้สภาพเช่นนั้น รถเกาหลีกลับสามารถปักหลักในตลาดไทย ด้วยการหาช่องว่างที่รถญี่ปุ่นไม่ลงไปเล่น เปิดเกมรถที่เล็กกว่า Compact Car กุมเซกเมนต์ที่เติบโตเร็ว จนกระทั่งญี่ปุ่นไหวตัวทันไม่ปล่อยให้รถเกาหลีเริงร่า ออก Subcompact Car โตโยต้า ชู โซลูน่า ฮอนด้า ชู ซิตี้ กดดันรถเกาหลีไม่ให้โงหัวขึ้นได้
หลังวิกฤตเศรษฐกิจ รถเกาหลีต้องถอนตัวออกจากตลาดไทยไปโดยปริยาย เพราะบริษัทแม่เสียหายหนัก อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้นรถเกาหลีก็ฟื้นตัวได้ในตลาดยุโรปและสหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะอย่างยิ่งฮุนไดที่ได้รับการยอมรับอย่างมากในด้านคุณภาพ เหนือกว่าโตโยต้าเสียอีกในตลาดอเมริกา (เพียงแต่ผู้บริโภคยังคิดว่าโตโยต้าเหนือกว่าอยู่นั่นเอง)
ปัจจุบันสินค้าเกาหลีมาแรงมาก ทั้งซัมซุงและแอลจี ถือว่าไม่น้อยหน้าแบรนด์ญี่ปุ่นแต่อย่างใด ในด้านภาพยนตร์และละครชุดนั้น เกาหลีเหนือกว่าญี่ปุ่นมานานแล้ว
สภาพเช่นนี้การกลับสู่ตลาดไทยของฮุนไดก็ไม่น่าจะเป็นเรื่องที่ยากจนเกินไปนัก
ฮุนไดประสบความสำเร็จอย่างยิ่งยวดในตลาดตะวันตก ทว่าตลาดไทยมีเพียงรถเกียเท่านั้นที่ได้รับความนิยม แต่ก็เป็นตลาดเล็กๆ และสินค้ามีความแตกต่างในกรณีของเกียร์คาร์นิวัล
ฮุนไดคิดว่าคุณภาพตนเองค่อนข้างเหนือกว่าเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว แบรนด์ก็แข็งแกร่งมากขึ้นจนสามารถต่อกรกับแบรนด์ญี่ปุ่นได้ ถ้าหากจะด้อยเป็นเพียง Brand Perception เท่านั้น ความเสียเปรียบเช่นนี้หากเจาะตลาดโดยการเข้าสู่ตลาดรถ Subcompact Car ย่อมยากที่จะเกิด เพราะการแข่งขันรุนแรงมาก ลำพังโตโยต้าและฮอนด้าซัดกันก็เลือดสาดอยู่แล้ว ขืนลงไปปะทะกันซึ่งๆ หน้าก็ยากจะประสบความสำเร็จ
ดังนั้นฮุนไดจึงเข้าตลาดบน ที่มีการแข่งขันน้อยกว่าและไม่รุนแรงเท่า อีกทั้งฮุนไดมีเงื่อนไขความสำเร็จมากกว่าการลงไปเล่นในตลาดรถเล็ก
ตลาดที่ลงไปจับนั้นมีช่องว่างให้ลงไปเล่น เพราะเป็นตลาดรถใหญ่ ที่ผู้บริโภคดูคุณภาพมากกว่าราคาขายต่อ และองค์กรจะเป็นผู้ซื้อด้วย ต่างจากตลาด Subcompact Car และ Compact Car ที่คนทั่วไปเป็นผู้ซื้อ โอกาสเจาะตลาดค่อนข้างยาก
การนำ Red Carpet Strategy มาให้บริการในประเทศไทยเช่นเดียวกับประเทศอื่นๆ ทั่วโลกที่เคยประสบความสำเร็จมาแล้วนั้น แสดงให้เห็นว่าฮุนไดจะนำความเป็น Global Standard มาใช้ในเมืองไทย ซึ่งก็คือการนำชื่อเสียงและคุณภาพที่ได้รับการยอมรับในระดับโลกมาเป็นตัวเจาะตลาด ซึ่งสอดคล้องกับการนำผลิตภัณฑ์ระดับบนบุกตลาดก่อน เพื่อแสดงให้เห็นถึงคุณภาพที่ได้รับการยอมรับไปทั่วโลก เมื่อกลุ่มเป้าหมายระดับบนได้รับความพึงพอใจกับคุณภาพสินค้าก็จะทำให้ Perception ของแบรนด์ฮุนไดดีขึ้น ในระหว่างนั้นก็ต้องสร้างศูนย์บริการและดีลเลอร์เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
เมื่อถึงวันนั้นฮุนไดจะนำ Subcompact Car และ Compact Car ลงสู่ตลาดอย่างแน่นอน เพราะเป็นตลาดใหญ่ที่หอมหวาน
ซึ่งฮุนไดไม่พลาดอยู่แล้ว
|
|
|
|
|