Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน29 ตุลาคม 2550
TMBยอดบัตรเครดิตโตเกินคาดมั่นใจควบคุมเอ็นพีแอลอยู่หมัด             
 


   
www resources

โฮมเพจ ธนาคารทหารไทย

   
search resources

ธนาคารทหารไทย
Credit Card




แบงก์ทหารไทยยิ้มยอดบัตรเครดิตพุ่งเกินเป้าหมาย สวนภาวะเศรษฐกิจชะลอผู้บริโภคใช้จ่ายระมัดระวัง ระบุตัวเลขเอ็นพีแอลไม่น่าห่วงยังอยู่ในระดับที่คุมได้ ส่วนแนวโน้มการแข่งขันปีหน้าใกล้เคียงปีนี้

นางอัญชลี สามเสน ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายธุรกิจบัตร ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) หรือ TMB เปิดเผยว่า ธุรกิจบัตรเครดิตของธนาคารตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันมีการเพิ่มขึ้นจำนวน 60,000-70,000 บัตร จาก เป้าหมายตั้งไว้ที่ 50,000 บัตร ทำให้ฐานบัตรเครดิตปัจจุบันอยู่ที่ 170,000 บัตร โดยการเติบโตดังกล่าวเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป เป็นผลจากภาวะเศรษฐกิจของประเทศจะยังคงมีการชะลอตัวและผู้บริโภคมีการใช้จ่ายอย่างระมัดระวัง

ส่วนการใช้จ่ายผ่านบัตรนั้นมีอัตราการเติบโตที่ใกล้เคียงกับเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ประมาณ 20% โดยมียอดการใช้จ่ายผ่านบัตรเฉลี่ยอยู่ที่ 4,500-5,000 บาทต่อบัตรต่อเดือนหรือเป็นมูลค่ารวมประมาณกว่า 1,000 ล้านบาทต่อเดือน โดยมีลูกค้าที่ใช้จ่ายผ่านบัตรอย่างต่อเนื่อง (แอคทีฟ) อยู่ประมาณ 50%

สำหรับหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(เอ็นพีแอล) ในปัจจุบันยังอยู่ในระดับที่สามารถควบคุมได้ไม่น่าเป็นห่วง เนื่องจากในช่วงครึ่งปีหลังนี้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มีมาตรการเข้มงวดเกี่ยวกับเอ็นพีแอลมากขึ้น เลยทำให้ธนาคารต้องมีความระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อเพิ่มขึ้นเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม คาดว่าในช่วงที่เหลืออีก 2 เดือนของปีนี้ ธนาคารจะมียอดการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตจากลูกค้าเพิ่มขึ้นอีก เนื่องจากเป็นช่วงที่จะมีปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตสูงสุดและเป็นเทศกาลปีใหม่ ซึ่งจะสามารถทำให้ลูกค้ามีการใช้จ่ายผ่านบัตรในการซื้อของมากขึ้น และอีกประการหนึ่งคือปลายปีนี้ ธนาคารมีแผนที่จะเป็นพันธมิตรกับผู้ประกอบการรายอื่นในการออกแคมเปญ เพื่อเป็นการดึงลูกค้าให้มีการใช้จ่ายผ่านบัตรอย่างสม่ำเสมอและจะช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์ได้

นอกจากนี้ ยังมองว่าแนวโน้มการแข่งขันตลาดบัตรเครดิตโดยรวมในปีหน้าคงจะอยู่ในระดับใกล้เคียงกับปี 2550 เนื่องจากในปัจจุบันการแข่งขันของบัตรเครดิตต่างๆนั้นมีความรุนแรงมากถึงระดับสูงสุดแล้วและคงจะไม่สูงไปกว่านี้อีกเพราะว่าถูกควบคุมโดย ธปท.ในเรื่องของหนี้เสียที่อาจจะเพิ่มขึ้นได้ แต่อย่างไรก็ตามแต่ละธนาคารก็จะยังมีการกระตุ้นการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตของลูกค้าด้วยการเพิ่มสิทธิประโยชน์ต่างๆมากขึ้นเพื่อดึงดูดลูกค้า

ฟิทช์ประกาศเครดิตพินิจTMB

รายงานข่าวจากฟิทช์ เรทติ้งส์ ได้ประกาศเครดิตพินิจภายใต้การพิจารณา (Rating Watch Evolving) แก่อันดับเครดิตของธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) หรือ TMB โดยอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาว (IDR) ที่ "BB+" ,อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะสั้นที่ "B" ,อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศของหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่ "BB’" ,อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศของ Hybrid Tier 1 Securities ที่ "B ,อันดับความแข็งแกร่งทางการเงินที่ "D" อันดับเครดิตสนับสนุนที่ "3" ,อันดับเครดิตสนับสนุนขั้นต่ำ (Support Rating Floor) ที่ BB อันดับเครดิตภายในประเทศ (National Ratings) ระยะยาวที่ระดับ "A (tha)" ,อันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้นที่ "F1 (tha)" และอันดับเครดิตภายในประเทศของหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่ "A-(tha)"

ทั้งนี้ การประกาศเครดิตพินิจภายใต้การพิจารณาในครั้งนี้เป็นผลมาจากที่คณะกรรมการบริหารของ TMB ได้ประกาศแผนเพิ่มทุนมูลค่า 3.5 หมื่นล้านบาทเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยการเพิ่มทุนคาดว่าจะมาจากการที่ธนาคารมีผู้ถือหุ้นรายใหม่โดยมีความเป็นไปได้ที่ ING Bank NV ("AA" / "F1+") อาจเป็นหนึ่งในผู้ลงทุน การเพิ่มทุนในครั้งนี้คาดว่าจะได้รับการสนับสนุนจากกระทรวงการคลังและจะแล้วเสร็จภายในสิ้นปีนี้

โดยการเพิ่มทุนในครั้งนี้คาดว่าจะช่วยคงสถานะของ TMB และอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศของ Hybrid Tier 1 Securities ของธนาคารซึ่งได้ถูกปรับลดอันดับลงเมื่อเดือนมกราคม 2550 นอกจากนี้ การเพิ่มทุนยังมีผลทางด้านบวกสำหรับภาพรวมของอันดับเครดิตของธนาคารในระยะยาว การเพิ่มทุนเป็นจำนวนมากและการคาดการณ์ว่า TMB จะมีผลประกอบการเป็นบวกในปี 2551 คาดว่าจะส่งผลให้ TMB สามารถจ่ายดอกเบี้ยสำหรับ Hybrid Tier 1 Securities ได้ ในทางกลับกันหาก TMB ยังมีผลประกอบการขาดทุนเกิดขึ้นอีกเป็นจำนวนมากและหากมีการล่าช้าของแผนการเพิ่มทุน อาจมีความเป็นไปได้ที่จะมีการลดอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศของ Hybrid Tier 1 Securities และอันดับเครดิตอื่นๆของธนาคารได้

อย่างไรก็ตาม แม้ว่ามีความเป็นไปได้ที่ผู้ถือหุ้นใหม่จะเข้ามาถือหุ้นของ TMB ที่ 30% ในเบื้องต้น แต่การเพิ่มทุนนี้ยังคงต้องได้รับความเห็นชอบจากผู้ถือหุ้นของธนาคารและหน่วยงานกำกับดูแลที่เกี่ยวข้อง และมีการคาดการณ์ว่า DBS of Singapore อาจไม่ร่วมลงทุนเพิ่มในการเพิ่มทุนครั้งนี้ซึ่งจะส่งผลให้จำนวนหุ้นที่ DBS ถืออยู่ลดลงเหลือประมาณ 6% ในขณะที่กระทรวงการคลังจะมีสัดส่วนการถือหุ้นอยู่ที่ประมาณ 26%

สำหรับการเพิ่มทุนใหม่จำนวน 3.5 หมื่นล้านบาทน่าจะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งของเงินกองทุนของธนาคารได้เป็นอย่างมากถึงแม้ว่าอาจจะมีผลกระทบบางส่วนจากการกันสำรองเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตามการปรับเปลี่ยนอันดับเครดิตในอนาคตขึ้นอยู่กับการพิจารณาว่าการเพิ่มทุนและการที่ TMB มีผู้ถือหุ้นรายใหม่ จะมีผลต่อการดำเนินธุรกิจ ผลกำไร กลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจและการบริหารความเสี่ยงของธนาคารอย่างไร รวมทั้งจะสามารถช่วยลดทอนความเสี่ยงในด้านความสามารถในการทำกำไร และคุณภาพสินทรัพย์ของธนาคารได้มากน้อยเพียงใด   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us