Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน26 ตุลาคม 2550
S&Pชูกลยุทธ์ร่วมทุนลดเสี่ยงผนึกพีซีเอสบุกตลาดเคเธอริ่ง             
 


   
www resources

โฮมเพจ บริษัท เอสแอนด์พี ซินดิเคท จำกัด (S&P)

   
search resources

เอสแอนด์พี ซินดิเคท, บมจ.
Food and Beverage




เอส แอนด์ พี เน้นหาพันธมิตรร่วมทุนบุกต่างประเทศ ล่าสุดผนึกพีซีเอส ตั้งบริษัทใหม่ ลุยธุรกิจ เคเธอริ่งในไทย แยกตลาดชัดเจนจากเคเตอริ่งเดิมที่ทำอยู่ ด้านพีซีเอสปีหน้าทุ่ม 100 ล้านบาทเสริมความแกร่งองค์กร พร้อมขยายอีก 2 บริการ ครบวงจรกลุ่มดูแลอสังหาริมทรัพย์

นายประเวศวุฒิ ไรวา ประธาน บริษัท เอสแอนด์พี ซินดิเคท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า แผนการลงทุนต่างประเทศจากนี้บริษัทฯจะมองหาพันธมิตรร่วมทำตลาดเพิ่มมากขึ้นเพื่อลดความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจ เนื่องจากการเข้าไปทำธุรกิจร้านอาหารในต่างประเทศบริษัทฯไม่สามารถเข้าไปบริหารงานได้เต็มที่ เพราะติดข้อกฎหมายในบางเรื่อง จึงทำให้ต้องหาพันธมิตรที่บริษัทฯจะเข้าไปลงทุนในประเทศนั้นๆเข้ามาช่วยดูแล เพราะความชำนาญเฉพาะทางของพาร์ตเนอร์จะเป็นใบเบิกทางให้

ปัจจุบันบริษัทฯมีร้านอาหารในต่างประเทศ 4 แบรนด์ คือ 1.Patara 7 แห่ง 2.Patio 4 แห่ง 3.Siam kitchen 8 แห่ง 4.Bangkok jam 1 แห่ง ส่วนในไทยมีประมาณ 92 สาขา

สำหรับตลาดในประเทศบริษัทฯได้ร่วมมือกับพันธมิตรใหม่คือ บริษัท พรอพเพอร์ตี้ แคร์ เซอร์วิสเซส (ประเทศไทย) จำกัด หรือพีซีเอส ซึ่งเป็นบริษัทฯลูกของโอซีเอสจากประเทศอังกฤษ ร่วมทุนกันเพื่อตั้งบริษัท ฟู้ด เฮาส์ เคเธอริ่ง เซอร์วิสเซส จำกัด ด้วยงบประมาณ 10 ล้านบาท ซึ่งถือหุ้นฝ่ายละ50% โดยการร่วมทุนในครั้งนี้เป็นธุรกิจแรกที่ โอซีเอส เลือกประเทศไทยเป็นอันดับแรกในการขยายธุรกิจในประเทศไทยขยายไลน์ทำตลาดเพิ่มเติมจากเดิมเนื่องจากที่ผ่านมาบริษัทฯดังกล่าวได้ทำตลาดในอังกฤษเท่านั้น

รูปแบบการทำตลาด เอส แอนด์ พี จะรับผิดชอบด้านอาหารให้ และให้พีซีเอส ซึ่งในปัจจุบันเป็นผู้ให้บริการดูแลอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร อาทิ บริการบำรุงรักษาอาคารรักษาความปลอดภัยรักษาความสะอาด ซึ่งจะใช้แบรนด์ ฟู้ดส์เฮ้าส์ เคเธอริ่งเซอร์วิสเซส ให้บริการธุรกิจเคเธอริ่งหรือจัดเลี้ยงนอกสถานที่ ผ่านช่องทางโรงเรียน โรงพยาบาล อาคารสำนักงานซึ่งเป็นลูกค้าของพีซีเอส ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ราว 5,000 รายทั่วประเทศ

นายประเวศวุฒิ กล่าวต่อว่า การเข้าร่วมทุนในบริษัทดังกล่าวเพราะเห็นว่าธุรกิจเคเตอริ่งในเมืองไทยมีการเติบโตได้อีกทั้งเคเธอริ่งที่เอสแอนด์พีให้บริการในปัจจุบันเป็นลักษณะส่งตามออร์เดอร์ไม่ได้มีการเซ็นสัญญากันเป็นระยะเวลาปีหรือสองปีเหมือนเคเธอริ่งภายใต้แบรนด์ ฟู้ดส์เฮ้าส์

นางเฮเธอร์ สุขเกษม กรรมการผู้จัดการ บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ แคร์ เซอร์วิสเซส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า บริษัทฯมีเป้าหมายเปิดบริการดูแลและจัดการการอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจร เช่นเดียวกับบริษัทแม่ โอซีเอส ประเทศอังกฤษภายในปี 2551 นี้ หลังจากที่ผ่านมาเปิดบริการรวมแล้วกว่า 7 ประเภท อาทิ บริการดูแลอาคาร, รักษาความปลอดภัย , ตรวจนับสินค้า, ทำความสะอาด,ดูแลสวน และกำจัดแมลง
โดยในปีนี้บริษัทฯเตรียมร่วมกับพันธมิตรเปิดบริการอีก 2 บริษัท คือ “ฟู้ดเฮ้าส์” บริการโภชนาการเฉพาะทางซึ่งเปิดตัวล่าสุด และอยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตร เปิดบริการซ่อมแซมอาคารโดยจะเซ็นสัญญาร่วมทุนในสัดส่วน 40% กับพันธมิตรในปลายปีนี้ และจะเปิดอย่างเป็นทางการในปี 2551

ส่วนปีหน้าบริษัทฯมีแผนทุ่มงบกว่า 100 ล้านบาท ลงทุนด้านระบบไอที, ซอฟท์แวร์ด้านบัญชี และระบบซีอาร์เอ็ม เพื่อรองรับการบริการอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ในปีหน้าเป็นปีที่บริษัทฯจะมีบริการครบวงจร 9 รายการเหมือนบริษัทแม่ในประเทศอังกฤษ ผสมผสานกับระบบที่สมบูรณ์แบบเชื่อว่าจะช่วยให้ลูกค้าอสังหาริมทรัพย์ทั้งเก่าและใหม่ เพิ่มการบริการให้ครบวงจร เพิ่มเป็น 25% จาก 18-20% ในฐานลูกค้า 5 พันรายทั่วประเทศ อย่างไรก็ตามปีนี้คาดว่าจะเติบโต 15% หรือมีมูลค่า 2,700 ล้านบาท ขณะเดียวกันการขยายธุรกิจในปีหน้าครบวงจรบริษัทฯน่าจะโตได้อีก 15% หรือคิดเป็นรายได้กว่า 3,100 ล้านบาท   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us