เอส แอนด์ พี เน้นหาพันธมิตรร่วมทุนบุกต่างประเทศ ล่าสุดผนึกพีซีเอส ตั้งบริษัทใหม่ ลุยธุรกิจ เคเธอริ่งในไทย แยกตลาดชัดเจนจากเคเตอริ่งเดิมที่ทำอยู่ ด้านพีซีเอสปีหน้าทุ่ม 100 ล้านบาทเสริมความแกร่งองค์กร พร้อมขยายอีก 2 บริการ ครบวงจรกลุ่มดูแลอสังหาริมทรัพย์
นายประเวศวุฒิ ไรวา ประธาน บริษัท เอสแอนด์พี ซินดิเคท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า แผนการลงทุนต่างประเทศจากนี้บริษัทฯจะมองหาพันธมิตรร่วมทำตลาดเพิ่มมากขึ้นเพื่อลดความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจ เนื่องจากการเข้าไปทำธุรกิจร้านอาหารในต่างประเทศบริษัทฯไม่สามารถเข้าไปบริหารงานได้เต็มที่ เพราะติดข้อกฎหมายในบางเรื่อง จึงทำให้ต้องหาพันธมิตรที่บริษัทฯจะเข้าไปลงทุนในประเทศนั้นๆเข้ามาช่วยดูแล เพราะความชำนาญเฉพาะทางของพาร์ตเนอร์จะเป็นใบเบิกทางให้
ปัจจุบันบริษัทฯมีร้านอาหารในต่างประเทศ 4 แบรนด์ คือ 1.Patara 7 แห่ง 2.Patio 4 แห่ง 3.Siam kitchen 8 แห่ง 4.Bangkok jam 1 แห่ง ส่วนในไทยมีประมาณ 92 สาขา
สำหรับตลาดในประเทศบริษัทฯได้ร่วมมือกับพันธมิตรใหม่คือ บริษัท พรอพเพอร์ตี้ แคร์ เซอร์วิสเซส (ประเทศไทย) จำกัด หรือพีซีเอส ซึ่งเป็นบริษัทฯลูกของโอซีเอสจากประเทศอังกฤษ ร่วมทุนกันเพื่อตั้งบริษัท ฟู้ด เฮาส์ เคเธอริ่ง เซอร์วิสเซส จำกัด ด้วยงบประมาณ 10 ล้านบาท ซึ่งถือหุ้นฝ่ายละ50% โดยการร่วมทุนในครั้งนี้เป็นธุรกิจแรกที่ โอซีเอส เลือกประเทศไทยเป็นอันดับแรกในการขยายธุรกิจในประเทศไทยขยายไลน์ทำตลาดเพิ่มเติมจากเดิมเนื่องจากที่ผ่านมาบริษัทฯดังกล่าวได้ทำตลาดในอังกฤษเท่านั้น
รูปแบบการทำตลาด เอส แอนด์ พี จะรับผิดชอบด้านอาหารให้ และให้พีซีเอส ซึ่งในปัจจุบันเป็นผู้ให้บริการดูแลอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร อาทิ บริการบำรุงรักษาอาคารรักษาความปลอดภัยรักษาความสะอาด ซึ่งจะใช้แบรนด์ ฟู้ดส์เฮ้าส์ เคเธอริ่งเซอร์วิสเซส ให้บริการธุรกิจเคเธอริ่งหรือจัดเลี้ยงนอกสถานที่ ผ่านช่องทางโรงเรียน โรงพยาบาล อาคารสำนักงานซึ่งเป็นลูกค้าของพีซีเอส ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ราว 5,000 รายทั่วประเทศ
นายประเวศวุฒิ กล่าวต่อว่า การเข้าร่วมทุนในบริษัทดังกล่าวเพราะเห็นว่าธุรกิจเคเตอริ่งในเมืองไทยมีการเติบโตได้อีกทั้งเคเธอริ่งที่เอสแอนด์พีให้บริการในปัจจุบันเป็นลักษณะส่งตามออร์เดอร์ไม่ได้มีการเซ็นสัญญากันเป็นระยะเวลาปีหรือสองปีเหมือนเคเธอริ่งภายใต้แบรนด์ ฟู้ดส์เฮ้าส์
นางเฮเธอร์ สุขเกษม กรรมการผู้จัดการ บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ แคร์ เซอร์วิสเซส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า บริษัทฯมีเป้าหมายเปิดบริการดูแลและจัดการการอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจร เช่นเดียวกับบริษัทแม่ โอซีเอส ประเทศอังกฤษภายในปี 2551 นี้ หลังจากที่ผ่านมาเปิดบริการรวมแล้วกว่า 7 ประเภท อาทิ บริการดูแลอาคาร, รักษาความปลอดภัย , ตรวจนับสินค้า, ทำความสะอาด,ดูแลสวน และกำจัดแมลง
โดยในปีนี้บริษัทฯเตรียมร่วมกับพันธมิตรเปิดบริการอีก 2 บริษัท คือ “ฟู้ดเฮ้าส์” บริการโภชนาการเฉพาะทางซึ่งเปิดตัวล่าสุด และอยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตร เปิดบริการซ่อมแซมอาคารโดยจะเซ็นสัญญาร่วมทุนในสัดส่วน 40% กับพันธมิตรในปลายปีนี้ และจะเปิดอย่างเป็นทางการในปี 2551
ส่วนปีหน้าบริษัทฯมีแผนทุ่มงบกว่า 100 ล้านบาท ลงทุนด้านระบบไอที, ซอฟท์แวร์ด้านบัญชี และระบบซีอาร์เอ็ม เพื่อรองรับการบริการอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ในปีหน้าเป็นปีที่บริษัทฯจะมีบริการครบวงจร 9 รายการเหมือนบริษัทแม่ในประเทศอังกฤษ ผสมผสานกับระบบที่สมบูรณ์แบบเชื่อว่าจะช่วยให้ลูกค้าอสังหาริมทรัพย์ทั้งเก่าและใหม่ เพิ่มการบริการให้ครบวงจร เพิ่มเป็น 25% จาก 18-20% ในฐานลูกค้า 5 พันรายทั่วประเทศ อย่างไรก็ตามปีนี้คาดว่าจะเติบโต 15% หรือมีมูลค่า 2,700 ล้านบาท ขณะเดียวกันการขยายธุรกิจในปีหน้าครบวงจรบริษัทฯน่าจะโตได้อีก 15% หรือคิดเป็นรายได้กว่า 3,100 ล้านบาท
|