Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ มกราคม 2533








 
นิตยสารผู้จัดการ มกราคม 2533
วินัย พงศธร หนึ่งในอาณาจักรเฟิสท์ แปซิฟิค             
 


   
search resources

เฟิร์สท์ แปซิฟิค กรุ๊ป
วินัย พงศธร
Banking and Finance




ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เป็นหนึ่งในห้าธุรกิจที่เป็นเป้าหมายการลงทุนของกลุ่มเฟิสท์แปซิฟิค แม้รายได้จากธุรกิจนี้ในช่วงสองปีที่ผ่านมาจะมีสัดส่วนไม่ถึงหนึ่งเปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับรายได้ทั้งหมดของกลุ่มนี้ แต่ถ้าวัดในแง่การเติบโตทั้งทางด้านรายได้และกำไรแล้วเรียกได้ว่าเป็นธุรกิจที่มาแรงที่สุด

อัตราการเพิ่มขึ้นของรายได้ที่สูงถึง 91 เปอร์เซ็นต์คือจาก 5.4 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2530 เป็น 10.3 ล้านเหรียญเมื่อปีที่แล้ว เป็นอัตราการเติบโตที่สูงที่สุดในบรรดาธุรกิจทั้งห้าประเภท ในขณะที่อัตรากำไรเพิ่มขึ้น 240 เปอร์เซ็นต์จาก 1.4 ล้านเหรียญเป็น 4.8 ล้านเหรียญในสองปีดังกล่าวสูงเป็นอันดับสองรองจากธุรกิจการลงทุนและค้าหลักทรัพย์

กลุ่มเฟิสท์ แปซิฟิคนั้น วางทิศทางการขยายธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ของตนไว้ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมีประเทศไทยเป็นทำเลยุทธศาสตร์ที่สำคัญจุดหนึ่งซึ่งสอดคล้องกับแนวโน้มการขยายตัวของธุรกิจนี้ในบ้านเรา

งานเปิดตัวแปซิฟิค เพลสและการเปิดตัวทีมงานด้านเรียลเอสเตทของเฟิสท์ แปซิฟิคเมื่อกลางเดือนธันวาคมที่แล้วนับได้ว่าเป็นการประกาศตัวอย่างเป็นทางการครั้งแรก ในเจตจำนงที่จะเข้ามามีส่วนร่วมแบ่งปันผลประโยชน์ก้อนนี้ในประเทศไทย หลังจากที่เข้ามาครั้งแรกอย่างเงียบ ๆ เมื่อ 2 ปีที่แล้ว

การรุกเข้ามาในตลาดอสังหาริมทรัพย์ของเฟิสท์แปซิฟิคครั้งนี้เรียกได้ว่าเข้ามาอย่างครบวงจรทุกขั้นตอนตั้งแต่การลงทุนพัฒนาโครงการ ไปจนถึงการบริหารโครงการหลังจากขายไปหมดแล้ว โดยมีบริษัทเฟิสท์ แปซิฟิค แลนด์ (ประเทศไทย) ทำหน้าที่ในการลงทุนพัฒนาโครงการเฟิสท์ แปซิฟิค เดวี่ส์ เป็นบริษัทรับบริหารโครงการและให้คำปรึกษาในการลงทุน และเฟิสท์ แปซิฟิค เดวี่ส์ พร็อพเพอร์ตี้ แมเนจเมนท์ให้บริการทางด้านการบริหารอาคาร

หนึ่งในหัวหอกของเฟิสท์แปซิฟิคในเรื่องนี้เป็นคนไทยชื่อวินัย พงศธร กรรมการและผู้จัดการทั่วไปของเฟิสท์ แปซิฟิคแลนด์

วินัยเป็นลูกชายของสุขุมพงศธร ผู้ถือหุ้นและกรรมการของเบอร์ลี่ ยุคเกอร์ เขาจบการศึกษาทางเศรษฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เมื่อ พ.ศ. 2518 ไปเรียนต่อด้านบริหารธุรกิจที่รัฐฟลอริดาสหรัฐอเมริกาแล้วทำงานเป็นนักวิเคราะห์การเงินให้กับบริษัทน้ำมันแห่งหนึ่งเป็นเวลาหนึ่งปี

ช่องทางที่ชักนำหนุ่มผอมสูง ท่าทางนอบน้อมวัย 36 ปีคนนี้เข้าไปร่วมวงศ์ไพบูลย์กับกลุ่มเฟิสท์ แปซิฟิคเกิดขึ้นจากการเข้ามาถือหุ้นในเบอร์ลี่ยุคเกอร์ของกลุ่มเฟิสท์ แปซิฟิคในนามของเฮกเกอร์ ไมเอยร์เมื่อปี 2525

"ตอนนั้นผมทำงานที่เบอร์ลี่ ยุคเกอร์มาได้ห้าปีแล้ว" วินัยพูดถึงตำแหน่งหน้าที่ของเขาในขณะนั้นว่าเป็นรองผู้จัดการในฝ่ายพัฒนาธุรกิจซึ่งเกี่ยวข้องกับการหาลู่ทางลงทุนใหม่ ๆ ให้บริษัท

ตัวอย่างผลงานอขงเขาในตอนนั้นได้แก่การซื้อโรงงานสยามสแน็คซึ่งผลิตขนมและของขบเคี้ยว การขายนมอลาสก้าให้กับบริษัทอุตสาหกรรมนมพระนคร การขยายโรงงานรูเบียเป็นต้น

วินัยถูกส่งตัวไปฮ่องกงเมื่อปี 2525 เพื่อไปติดต่อสร้างสัมพันธ์กับกลุ่มเฟิสท์ แปซิฟิค "ก็ไปรู้จักคนของเขาที่ฮ่องกงดูว่าจะทำการค้าอะไรได้มากขึ้นหรือเปล่า"

วินัยอยู่ฮ่องกงได้ระยะหนึ่งก็กลับไทย แล้วออกไปทำงานอยู่กับบริษัทล่ำสูน ก่อนที่จะลาออกมาทำธุรกิจของครอบครัวด้วยการซื้อโรงงานสีซิกท่ามาทำเองในชื่อบริษัทบางกอกเพนท์เมื่อเดือนพฤศจิกายน ปี 2528

ระหว่างนั้นก็ยังมีการติดต่อกันอยู่กับทางเฟิสท์แปซิฟิค วินัยทำงานที่บางกอกเพนท์ได้ประมาณปีเศษ ๆ ทางเฟิสท์ แปซิฟิคก็ชวนให้ไปทำงานด้วยที่ฮ่องกง

"ผมไปอยู่ที่นั่นประมาณปีหนึ่ง ดูแลทางด้านการลงทุนทั่ว ๆ ไป" วินัยกล่าว ช่วงที่เขาอยู่ฮ่องกงนั้นได้รับมอบหมายให้ทำโครงการลงทุนในไต้หวัน รวมทั้งแผนการซื้อโรงงานอุตสาหกรรมสองแห่งในไทยด้วย แต่ไม่ประสบความสำเร็จในเรื่องนี้

เดือนมกราคม 2531 เฟิสท์ แปซิฟิคส่งวินัยมาทำงานในเมืองไทยทางด้านธุรกิจอสังหาริมทรัพย์โดยเฉพาะ "กลัวเหมือนกัน เพราะว่าเราไม่รู้เรื่องที่ดินเลย ทำมาแต่เรื่องลงทุนตลอด" วินัยเปิดเผยความรู้สึกในตอนนั้น

ก้าวแรกของเฟิสท์ แปซิฟิคในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยที่วินัยลงมือร่วมกับคนของเฟิสท์ แปซิฟิคอื่น ๆ คือ การซื้ออาคารสำนักงานบียูเอ็มซีของหมอปราเสริฐปราสาททองโอสถ ที่มีปัญหาไม่สามารถสร้างต่อได้หลังจากที่สร้างโครงสร้างต่อได้หลังจากที่สร้างโครงสร้างตึกเรียบร้อยแล้ว ในราคา 380 ล้านบาทโดยตั้งบริษัทสุขุมวิททรัพย์สินขึ้นมาเพื่อดำเนินโครงการต่อไป

สุขุมวิททรัพย์สินในระยะแรกเป็นการลงทุนของเฟิสท์ แปซิฟิค แลนด์ที่ฮ่องกง 85% ที่เหลือ 15% เป็นการลงหุ้นของหมอปราเสริฐหันไปสนใจธุรกิจการบินเลยขายหุ้นที่เหลือให้กับเฟิสท์ แปซิฟิค, แลนด์

ด้วยเงินลงทุนเพิ่มเติมอีกประมาณ 160 ล้านบาท ตึกบียูเอ็มซีก็ได้รับการปรับปรุงก่อสร้างต่อจนเสร็จสมบูรณ์เมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้วและเปลี่ยนชื่อเป็นอาคาร แปซิฟิคเพลส เป็นอาคารสำนักงานให้เช่า 12 ชั้นอีก 7 ชั้นเป็นที่จอดรถ

เดือนมิถุนายน 2531 เฟิสท์ แปซิฟิคก็ได้จัดตั้งบริษัทเฟิสท์ แปซิฟิค แลนด์ขึ้นมาในประเทศไทย แต่เป็นบริษัทที่ไม่มีกิจกรรมใด ๆ ตึกแปซิฟิคเพลสจริง ๆ แล้วเป็นการดำเนินการของบริษัทสุขุมวิททรัพย์สินซึ่งเฟิสท์ แปซิฟิค แลนด์ถือหุ้นอยู่ 100 เปอร์เซ็นต์เต็ม

"ความจริงก็ไม่จำเป็นต้องตั้งบริษัทนี้ขึ้นมา ต่อไปเฟิสท์ แปซิฟิค แลนด์ก็คงจะค่อย ๆ หายไปใช้ชื่อของสุขุมวิททรัพย์สินแทน" วินัยกล่าว

แปซิฟิคเพลสขายพื้นที่ไปได้ 90 กว่าเปอร์เซ็นต์แล้วและเฟิสท์ แปซิฟิคก็กำลังจะขึ้นโครงการที่สองด้วยการทุบตึกสหกลแอร์ที่อยู่ข้างหน้าทิ้งแล้วสร้างตึกแปซิฟิค เพลสสองแทน

"เราอยากจะทำอะไรที่เป็น INNOVATIVE PROJECT เราจะไม่ทำอะไรที่ต้องไปแข่งขันกับคนอื่นมาก" วินัยพูดถึงแนวความคิดของเฟิสท์ แปซิฟิคในธุรกิจนี้

ประมาณกลางปี 2533 สุขุมวิททรัพย์สินจะเพิ่มทุนจากปัจจุบัน 300 ล้านขึ้นเป็น 450 ล้าน พร้อมกับหาผู้ร่วมหุ้นคนไทยซึ่งอาจจะเป็นธนาคารบริษัทเงินทุนหรือประกันภัยเข้ามาถือหุ้นส่วนข้างมากอีก 3-4 ราย เพื่อทำให้เป็นบริษัทไทย ซึ่งจะเป็นเงื่อนไขให้สุขุมวิททรัพย์สินทำโครงการอื่น ๆ โดยการซื้อที่ดินได้แทนการเช่าที่อย่างเช่นตึกแปซิฟิค เพลสในตอนนี้ และเพื่อให้เป็นไปตามนโยบาย LOCALIZED MANAGEMENT ของเฟิสท์ แปซิฟิค

"เราไม่ห่วงเรื่องการเงินเพราะว่ามี EQUITY BASE มากปัญหาจะอยู่ที่การตลาดที่ยังต้องเสี่ยง ซึ่งก็เป็นเรื่องธรรมดา"

จากนี้ไป เฟิสท์ แปซิฟิค ก็จะเป็นอีกกลุ่มหนึ่งที่มีบทบาทสำคัญในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ด้วยสไตล์ที่รุกไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว มีฐานการเงินที่แน่นหนา และแนวความคิดใหม่ ๆ ซึ่งเป็นสไตล์ของกลุ่มนี้ แน่นอนว่าส่วนหนึ่งของการก้าวไปพร้อม ๆ กับการเติบโตของธุรกิจนี้ย่อมมีวินัยเป็นตัวจักรสำคัญอยู่ด้วย

"ผมชอบที่นี่สนุกดี ได้ทำอย่างที่ชอบเรื่องการลงทุนแล้วก็มีทุนสนับสนุนพอสมควร"

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us