5.45 น. เสียงกระดิ่ง ที่ดังกังวานไปทั่วคณะสนามจันทร์ คณะเด็กเล็กคณะ หนึ่งของวชิราวุธวิทยาลัย
เด็กชายกษิดิศ ชุติมา "ท็อป" วัย 9 ขวบ นักเรียนชั้นประถม 4 พลิกร่างอัน อ้วนป้อมไปมาตายังคงหลับอยู่อย่างง่วงงุน
วันนี้ไม่มีเสียงหวานๆ แกมบังคับของคุณแม่ ที่คอยปลุกเหมือน เมื่อเวลาอยู่บ้าน
แต่มีเสียง ผู้บังคับการดังแว่วๆ อยู่ในจิตสำนึกว่า "เป็นลูกวชิราวุธต้องอดทน"
ทำให้ต้อง รีบสปริงตัว ขึ้นยืนอย่างรวดเร็วแล้วหยิบเครื่องใช้ส่วนตัวเข้าไปห้องน้ำ
อาบน้ำแต่งตัว เขามีเวลาเพียง ไม่เกินครึ่งชั่วโมง เพื่อ ที่จะเข้าไปห้องเพรบหรือห้องทำการบ้าน
เพื่อตรวจดูความเรียบร้อย ก่อน ที่จะตรงไปตึกเรียน เพื่อเรียนหนังสือคาบแรกในเวลา
7.00 น.
7.45 น. ท็อป เดินกลับมา ที่คณะ เพื่อทานอาหารเช้า ที่ไม่ว่ารสชาติจะ เป็นอย่างไร
แต่เขามีความรู้สึกว่ามันอร่อยเหลือเกิน และต้องทานให้เยอะๆ อิ่มท้องเข้าไว้ก่อน
เพราะ ที่นี่ไม่มีร้านฟาสต์ฟูดหรือ อาหารจานด่วนยี่ห้อดังใดๆ ทั้งสิ้นมาเปิดขายขนาบข้างโรงเรียนให้แอบไปซื้อ
ได้ตอนหิวเหมือน ที่อื่น ไม่มีแม้ซุ้มเล็กๆ ที่จะขายขนมกรอบๆ เคี้ยวมันๆ
อย่างที่ประกาศขายใน ทีวีช่อง 9 การ์ตูน ดังนั้น วันไหนอาหารไม่อร่อยก็ต้อง
ฝืนทานเข้าไปแล้วค่อยกลืนก้อนสะอื้นตามก็แล้วกัน
ก่อน 9 โมงเช้า ท็อปเดินเข้าแถวตาม เพื่อนๆ ขึ้น หอประชุม เพื่อสวดมนต์
ซึ่งจะใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมง หลังจากนั้น ก็จะเป็นการอบรมสั่งสอนจากท่านผู้บังคับการ
หรืออาจารย์ท่านอื่นๆ
9.00 น. ไปตึกเรียน เรียนต่อ คาบ 2 ถึง คาบ 4
11.30 น. ทานอาหารว่าง ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นนม และขนม หลัง จากนั้น ก็ไปเรียนต่อคาบ
5 คาบ 6
13.20 น. เดินกลับคณะสนามจันทร์ เอากระเป๋าขึ้นไปเก็บ และลงมาทานอาหารกลางวัน
14.00 น. เป็นชั่วโมงสุดโปรด คือ วิชาดนตรี เขาชอบร้องเพลง ชอบพี่เจ อาร์
วอย จากค่ายอาร์เอส และชอบเล่นกลองใหญ่
15.00 น.-17.30 น เป็นชั่วโมงแห่งกิจกรรมกีฬา ก็จะกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดกีฬา
เพื่อเตรียมซ้อมวิ่ง และออกกำลังกาย ท็อปชอบเล่นบาสเกตบอล ฟุตบอล และเทนนิส
บางวันมีบ้าง ที่เบื่อไม่อยากลงเล่น แต่ไม่กล้าหนี การฝึกซ้อม เพราะมีอยู่ครั้งหนึ่งเคยหนีไปเล่นอยู่
ที่โรงละครกับ เพื่อน ก็เลยถูกพี่ ที่คณะจับทำโทษ โดยให้ยืนอยู่หน้าตึกจนมืดค่ำ
18.00 น. เป็นช่วงเวลาทานอาหารเย็น ที่คณะ ความเหนื่อย และหิวทำ ให้เขาทานอย่างเต็มที่เช่นเคย
19.10 น. เข้าห้องทำการบ้าน
20.00 น. ถึงเวลาสวดมนต์แล้ว ทุกคนจะไปรวมกัน ที่ห้องพระประจำ คณะ ใช้เวลาประมาณ
10 นาที สวดมนต์ก่อนนอนอีกครั้ง และหลังจากนั้น ก็แยกย้ายกันเข้านอน ม่มีเวลาดูทีวีเลยนอกจากวันเสาร์อาทิตย์เท่านั้น
ที่ผู้กำกับคณะเปิดให้ดูบ้างใน ช่วงเวลาเย็น ไม่มีแม้แต่เพลงฟัง แต่มี เพื่อนบางคนแอบเอาซาวด์อเบาท์เข้ามา
ก็แบ่งกันเปิดฟังคนละหู แต่ ตา ก็ต้องคอยมองดูครู หรือพี่หัวหน้าคณะ เหมือนกัน
เพราะของมีค่าเหล่านี้ ทางโรงเรียนห้ามไม่ให้นักเรียนคณะเด็ก เล็กเอามา เพราะยังไม่รู้จักเก็บรักษาได้ดี
เกิดสูญหายขึ้นไปจะมีปัญหา
ก่อนนอน ใกล้จะเคลิ้มๆ หลับ บางคืนท็อป คิดถึงบ้าน คิดถึงคุณพ่อ คุณแม่
และพี่ แต่ไม่สามารถโทรศัพท์กลับบ้านได้ เพราะคุณครูบอกว่า จะโทรได้ก็ต่อเมื่อ
มีกิจธุระจำเป็นจริงๆ ท็อปอยากบอกคุณครูว่า "คิดถึงบ้าน นี่ล่ะครับครู ธุระ
ที่สำคัญที่สุดในโลกเลย" "ต้องอดทนนะลูก" เสียงคุณพ่อ "ศรัณย์ธร ชุติมา"
ผู้บริหารคนสำคัญของไอทีวี ซึ่งเป็นนักเรียนเก่าวชิราวุธ เช่นกัน ดังแว่วๆ
มาให้ได้ยิน ก่อน ที่เขาจะผล็อยหลับไปในที่สุด
5 .45 น. ยามเช้าในช่วงเวลาเดียวกัน ที่คณะมงคล คณะใหม่ ที่เพิ่งเปิดใช้
เมื่อปีการศึกษา 2542 นี้ เสียงระฆังไฟฟ้าส่งเสียงปลุกให้นักเรียนประจำทุกคนตื่นขึ้นชาคริต
เกิดสุข นักเรียนชั้น ม.6/1 โปรแกรม วิทย์ฯ คณิตศาสตร์ และเป็นหัวหน้าคณะคน
หนึ่งของคณะนี้ จากจำนวน 5 คน รีบลุกขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวอย่างว่องไว เวลาเกือบ
10 ปีในรั้วของวชิราวุธ ทำให้เขาเคยชินกับการตื่นเช้า และการตรงเวลาได้อย่างดี
6.30 น. ชาคริตลงมาชั้นล่างสุดของตึก 4 ชั้น ซึ่งเป็นห้องทำการบ้าน และเป็นห้อง
Common Room ไปในตัว ในห้องนี้มีทีวี และคอมพิวเตอร์สำหรับใช้อินเตอร์เน็ตได้
หลังจากตรวจดูความเรียบร้อยของการบ้านแล้ว ชาคริตยังมีหน้าที่ไปดูความเรียบร้อยของน้องในคณะ
ถามไถ่กันว่ามีปัญหาเรื่องการบ้านหรือเปล่า ในขณะเดียวกันสายตาก็จะปราดไปดูการแต่งตัวของน้องๆ
ว่า เรียบร้อย พร้อมเข้าเรียนหรือยัง ก่อน ที่จะเดินก้าวออกจากห้องไป เขาก็ยังมีเวลาอีกนิดหน่อย
ที่จะเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ เพื่อจะเช็ก E-mail จาก เพื่อนจากต่างประเทศ
หรือบางที ก็เป็นของ เพื่อนจากโรงเรียนอื่นๆ
7.00 น. เริ่มเรียนคาบแรก 8.00 น. ทานอาหารเช้า และขึ้นหอประชุมสวดมนต์
หากเป็นวันธรรมดาก็จะใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมง แต่ถ้าเป็นวันอาทิตย์ต้องสวดบท
ที่นานกว่านั้น และบ่อยครั้ง ที่ต้องฟังปาฐกถาธรรม จากเจ้าอาวาสวัดต่างๆ
ด้วย
9.00 น. เรียนคาบ 2 ถ ึงคาบ 6 13.20 น. ทานอาหารกลางวัน
14.15-15.30 น. เป็นช่วงของกิจกรรมดนตรี ชาคริตเล่นดนตรีได้หลายอย่าง และหลังทานข้าวเ
ที่ยงเสร็จ ก็ต้องไปซ้อมวงจุลดุริยางค์ ในตำแหน่งผู้เล่น "เชลโล"
16.00 -17.30 น. เป็นเวลาของกิจกรรมกีฬา หากไม่ใช่ฤดูกาลแข่งขันเขาจะเล่นกีฬาหลายประเภท
แต่ ที่ถนัดที่สุดคือ บาสเกตบอล
18.15 น. ถึงเวลาอาหารเย็นแล้วนักเรียนทุกคนชะเง้อดูกันคอยาวว่า วันนี้มีกับข้าวอะไร
ใช่ ทุกอย่างอร่อยหมด เขายืนยัน แม้จะทานวนเวียนอยู่ อย่างนั้น มาเป็นเวลา
10 ปี แล้วก็ตาม 19.00 น.-20.30 น. ทุกคนต้องเข้าห้องทำการบ้าน
20.30 น.-21.30 น. เป็นช่วงเวลาอิสระ ที่บางคืนอาจจะนั่งคุยกับ เพื่อนๆ
หรือน้องๆ รวมทั้งนั่งดูทีวี ฟังเพลงได้อย่างอิสระ ไม่มีการบังคับว่าดูรายการนั้น
รายการนี้ไม่ได้ แต่ส่วนใหญ่แล้วก็จะเลือกดูรายการข่าว กีฬา หรือ รายการเพลงเท่านั้น
ช่วงเวลานี้ เพื่อนบางคนที่มีมือถือ ก็อาจจะโทรศัพท์กลับบ้าน หรือโทรหา เพื่อน
สำหรับ คณะเด็กโตแล้วไม่มีการห้ามในการใช้อุปกรณ์สื่อสารพวกนี้ แต่มีคนเอามาใช้
น้อยมาก แต่ ที่แน่ๆ ในช่วงเวลากลางวัน ไม่เคยเห็น เพื่อนคนไหนถือมือถือเ
ดินคุยในโรงเรียนเลย เขาพูดว่า "ถ้าเห็น คงเป็นเรื่องประหลาด"
ชาคริตเองก็ไม่มีทั้งโทรศัพท์ และเพจเจอร์ ทั้งๆ ที่คุณพ่อ คุณแม่อยากให้เอามาใช้
แต่เขาชี้แจงว่า หากเอามาก็ไม่รู้ติดต่อใครเพราะ เพื่อนๆ ก็อยู่ ที่นี่ ถ้าจะโทรศัพท์กลับบ้าน
ก็มีเครื่องสาธารณะในโรงเรียนตั้งหลายเครื่อง
22.00 น. ชาคริตเปิดโคมไฟตรงหัวเตียงนอนของตัวเอง แล้วลงมืออ่าน หนังสืออย่างคร่ำเคร่ง
ที่จริงแล้ว เวลา 4 ทุ่มนั้ นเป็นช่วงเวลานอน แต่สำหรับเด็ก ม.6 นั้น อาจจะมีการอ่านหนังสือเตรียบสอบกันดึกดื่น
ซึ่งทางผู้กำกับคณะก็ไม่ได้เข้มงวดในเรื่องนี้เท่าใดนัก
เ ที่ยงคืน โคมไฟหัวเตียงของเขาถูกปิดให้ดับมืดลง ความฝันของ ชาคริต ก็คือ
การเข้าไปเป็นน้องใหม่คณะวิศวะการบินภาคอินเตอร์ ที่มหาวิทยาลัย เกษตรศาสตร์
เขาอยากเป็นนักบินเหมือนคุณพ่อ ที่ทุกวันนี้เป็นนักบินอยู่ ที่การบินไทย