ประชัย เลี่ยวไพรัตน์ ประกาศพักชำระดอกเบี้ย หลังเจ้าหนี้ ซึ่งนำโดยแบงก์กรุงเทพยกเลิกหนังสือค้ำประกันวงเงินสินเชื่อแอลซี
ซื้อน้ำมันดิบ 80 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ทั้งที่อ้างก่อนหน้านี้ว่าไม่ได้ยกเลิก ประชัยยันพร้อมนำเงินที่บริษัทมีอยู่
เป็นเงินทุนหมุนเวียนไปพลางๆ ก่อน แต่เตรียมจับมือ กับจพท.ยื่นฟ้องต่อศาลล้มละลายกลางอีกรอบภายในสัปดาห์นี้
ให้เจ้าหนี้เปิดแบงก์การันตีต่อ เพราะจะกระทบการพลิกฟื้นเศรษฐกิจไทยโดยรวม รวมถึงการจ้างงานกว่า
7 พันคน
นายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ อดีตประธานเจ้าหน้าที่บริหาร-ผู้ถือ หุ้นใหญ่ และปัจจุบันเป็นผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการ
บมจ.อุตสาหกรรม ปิโตรเคมิกัลไทย (ทีพีไอ) กล่าววานนี้ (28 เม.ย.) ว่า เขาขอประกาศ
พักชำระดอกเบี้ยบริษัทให้บรรดาเจ้าหนี้ทั้งหลาย ซึ่งนำโดยธนาคารกรุงเทพ หลังจากถูกธนาคารเจ้าหนี้
ตัดการค้ำประกันวงเงินแอลซีเครดิต ไลน์ซื้อน้ำมันดิบจากซาอุดีอาระเบีย 80 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
(ประมาณ 3,440 ล้านบาท)
ธนาคารกรุงเทพเป็นผู้นำเจ้าหนี้รายใหญ่ ค้ำประกันวงเงินแอลซี ดังกล่าว หลังจากทีพีไอนำโรงงานและ
เครื่องจักรที่ผลิตปิโตรเคมีและกลั่น น้ำมันมูลค่าถึง 6.1 หมื่นล้านบาท ค้ำประกันการกู้เงินจากธนาคารร่วม
กับเจ้าหนี้สถาบันการเงินอีก 4 ราย
ขณะที่ธนาคารกรุงไทยซึ่งเป็น ความหวังในการเข้าช่วยเหลือแผนฟื้นฟูได้ตั้งเงื่อนไขในการให้เงินกู้บริษัทเพิ่ม
ว่าต้องมีหลักทรัพย์ค้ำประกันวงเงินเท่ากัน โดยกรรมการ ผู้จัดการธนาคาร นายวิโรจน์
นวล-แข อ้างเหตุผลว่า ธนาคารกรุงเทพ 1 ใน 5 เจ้าหนี้ใหญ่ทีพีไอ ซึ่งรวมถึงธนาคารกรุงศรีอยุธยา
ธนาคารซิตี้แบงก์ บรรษัทเงินทุนระหว่างประเทศ (International Finance Coporation)
ในเครือธนาคารโลก และธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเยอรมนี (KfW) ส่งหนังสือถึงธนาคารกรุงไทยวันที่
21 เม.ย. หลังจากศาลล้มละลายกลางสั่งถอด ถอน บริษัท เอ็ฟเฟ็คทีฟ แพลนเนอร์ส จำกัด
ในเครือเฟอร์เรียร์ ฮอดจ์สัน จากออสเตรเลีย จากผู้บริหารแผนฟื้นฟูทีพีไอ
บิ๊กแบงก์กรุงเทพพูดอย่างทำอย่าง
โดยธนาคารกรุงเทพแจ้งธนาคารกรุงไทยว่า ธนาคารเจ้าหนี้ขอยกเลิกหนังสือค้ำประกันวงเงินแอลซี
(Letter of Credit) ทั้งหมด รวมถึงเครดิตไลน์ซื้อน้ำมันดิบจากซาอุดีอาระเบียต่อทีพีไอ
มูลค่ากว่า 80 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 3,440 ล้านบาท)
ซึ่งประเด็นนี้ นายประชัย กล่าวว่า ตรงข้าม กับที่นายชาตรี โสภณพนิช ประธานกรรมการ
และผู้ถือหุ้นใหญ่ ธนาคารกรุงเทพเคยกล่าวก่อนหน้านี้ว่า ธนาคารไม่ได้ถอนหนังสือค้ำประกัน
แอลซีของทีพีไอแต่อย่างใด
เตรียมฟ้องศาลให้เจ้าหนี้เปิดแบงก์การันตีต่อ
นายประชัยกล่าวอีกว่า ในฐานะผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการทีพีไอ จะร่วมกับเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์
(จพท.) ยื่นฟ้องต่อศาลล้มละลายกลางภายในสัปดาห์นี้ เพื่อจอให้ธนาคารเจ้าหนี้ ทั้ง
5 รายยกเลิกการถอนการค้ำประกันวงเงินแอลซี รวมถึงเครดิตไลน์ซื้อน้ำมันดิบดังกล่าว
เพื่อให้ทีพีไอเดินหน้าทำธุรกิจต่อไปได้ และช่วยให้บริษัท จ้างงานพนักงานกว่า 7
พันคนต่อไป ช่วยพลิกฟื้นเศรษฐกิจไทยต่อเนื่อง
"เราต้องการให้แบงก์เจ้าหนี้เปิดแบงก์ การันตี (Bank guarantee) วงเงินเครดิตไลน์
(Credit Line) 80 ล้านดอลลาร์ต่อ" นายประชัย กล่าว
เขากล่าวอีกว่า จะใช้เงินสดที่มีอยู่เป็นเงินทุน หมุนเวียนการดำเนินการทางธุรกิจของทีพีไอ
พร้อมย้ำว่า ตั้งแต่นี้เป็นต้นไปทีพีไอจะหยุดพักชำระดอกเบี้ยเจ้าหนี้เดือนละประมาณ
360 ล้านบาทชั่วคราว ด้วยเหตุผลว่า เจ้าหนี้ปิดประตูไม่ให้ทีพีไอกู้ พร้อมถอนหนังสือรับรองการค้ำประกันทั้งหมด
เพื่อต้องการบีบนายประชัยให้ลาออกจากการเป็นผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการ รวมถึงบีบให้รัฐบาลสั่งธนาคารกรุงไทยปล่อยกู้ทีพีไอเพิ่ม
โดยธนาคารเจ้าหนี้ไม่ต้องทำอะไรเพิ่มเติมเลย
"เราต้องหยุดพักชำระดอกเบี้ย เพราะหากแบงก์เจ้าหนี้ โดยเฉพาะแบงก์กรุงเทพ ไม่เปิดแบงก์การันตี
ทีพีไออาจไม่มีปัญญาชำระหนี้" เขากล่าว โดยเฉพาะหลังจากอีพีแอลเร่งชำระค่าสินค้าทีพีไอให้ธนาคารกรุงเทพ
1.3 พันล้านบาท 1 เดือนล่วงหน้าก่อนหน้านี้ หลังรู้ตัวว่าจะหลุดจากผู้บริหารแผนฟื้นฟูฯ
ทีพีไอแน่ ทำให้ทีพีไอต้องประกาศพักชำระดอกเบี้ยอย่างน้อย 3 เดือน เพื่อให้มีรายได้กลับมาเป็นการประกันเครดิตไลน์
ให้ทีพีไอเดินหน้าซื้อน้ำมันดิบ เพื่อกลั่นน้ำมันต่อไปได้