ยูนิลีเวอร์ สงวนท่าทีปรับราคาสินค้า แต่ในอนาคตต้องพิจารณาต้นทุนผลิตพุ่งหรือไม่ หากกัดฟันแบกรับภาระไม่ไหว อัดฉีด 500 ล้านบาท ส่งพอนด์ส ฟลอเลส ไวท์ ขยายเซกเมนต์แมสทีจติดลมบน หลังตลาดโต 33%
นางวรรณิภา ภักดีบุตร รองประธานกรรมการบริหาร กลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ในครัวเรือนและเครื่องใช้ส่วนบุคคล บริษัท ยูนิลีเวอร์ ไทย เทรดดิ้ง จำกัด เปิดเผยว่า กรณีที่ต้นทุนการผลิตสินค้าสูงขึ้น ผลพวงจากราคาน้ำมันที่ปรับเพิ่มขึ้น ตลอดจนการปล่อยลอยตัวก๊าซหุงต้ม ทำให้มีกลุ่มผู้ประกอบการยื่นต่อกรมการค้าภายในขอปรับราคาสินค้าขึ้นนั้น ขณะนี้โครงสร้างราคาของบริษัทฯยังไม่เปลี่ยนแปลง แต่การปรับราคาหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับต้นทุนการผลิต การปรับราคาขึ้นจะเป็นทางเลือกสุดท้าย
ทั้งนี้ตลาดสินค้าอุปโภคบริโภคมีการแข่งขันสูง ผู้บริโภคมีสินค้าให้เลือกมาก การขึ้นราคาอาจมีผลทำให้ผู้บริโภคไปซื้อสินค้าคู่แข่งที่ถูกกว่า ดังนั้นกลไกตลาดควบคุมในตัวอยู่แล้ว อย่างไรก็ตามในสถานการณ์นี้ผู้ประกอบการ ประสบกับภาวะต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้นเหมือนกันหมด สิ่งที่สำคัญต่อภาวะนี้ คือ การบริหารธุรกิจให้มีประสิทธิภาพ
ผู้สื่อข่าวได้สอบถามว่ากรณีว่าบริษัท ยูนิลีเวอร์ ไทย เทรดดิ้ง มีการยื่นต่อกรมการค้าภายในเพื่อขอปรับราคาขึ้นหรือไม่นั้น ในส่วนนี้ผู้บริหารไม่ขอตอบ ส่วนการนำโมเดลลดปริมาณแต่จำหน่ายราคาเท่าเดิมมาใช้หรือไม่ บริษัทฯก็ไม่ขอตอบเช่นกัน แม้ว่าต้นทุนการผลิตกลุ่มผงซักฟอก สบู่ แชมพู จะเพิ่มขึ้นก็ตาม
อัด500ล.ขยายเซกเมนต์แมสทีจ
นางวรรณิภา กล่าวเพิ่มเติมว่า แนวโน้มกลุ่มผลิตภัณฑ์บำรุงผิวเซกเมนต์แมสทีจ หรือระดับแมส-พรีเมียม ในช่วงที่ผ่านมาเติบโตสูงทั้งกลุ่มไวท์เทนนิ่งและลดเลือนริ้วรอย สำหรับปีนี้ตลาดลดเลือนริ้วรอยในเซกเมนต์แมสทีจมูลค่า 650 ล้านบาท เติบโต 30% เมื่อเทียบกับตลาดลดเลือนริ้วรอยระดับแมสมูลค่า 1,638 ล้านบาท เติบโต 22% ส่วนตลาดรวมลดเลือนริ้วรอยมูลค่า 2,600 ล้านบาท เติบโต 14%
ขณะที่ตลาดไวท์เทนนิ่งแมสทีจเติบโต 33% จากมูลค่า 1,333 ล้านบาท ระดับแมสมูลค่า 1,395 ล้านบาท โต 7% ส่วนตลาดรวมไวท์เทนนิ่งมูลค่า 3,100 ล้านบาท โต 10% สำหรับตลาดรวมบำรุงผิวหน้ามูลค่า 6,400 ล้านบาท เติบโต 12%
“ปัจจัยที่ทำให้กลุ่มแมสทีจมีการเติบโตที่เพิ่มขึ้น เพราะพฤติกรรมของผู้หญิงต้องการใช้สินค้าที่ตอบสนองความต้องการเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันก็มีความซับซ้อนมากขึ้น แต่ปัจจุบันผู้หญิงไทยใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้าเฉลี่ย 2 ชิ้นเท่านั้น”
กลุ่มผลิตภัณฑ์พอนด์ส จะขยายตลาดแมสทีจมากขึ้น หลังจากก่อนหน้านี้เปิดตัวพอนด์ส เอจ มิราเคิล ลงตลาดลดเลือนริ้วรอยแมสทีจ เพื่อให้ครบวงจรได้เปิดตัวพอนด์ส ฟลอเลส ไวท์ ส่วนผสมของวาโอบีทรี ลงสู่ตลาดแมสทีจ ราคาสูงกว่าระดับแมส 40-50% เจาะกลุ่มผู้หญิงอายุ 18-30 ปีระดับซีบวกถึงเอ
สำหรับงบตลาดพอนด์ส ฟลอเลส ไวท์ ตั้งไว้ 500 ล้านบาท นับว่าเป็นงบการตลาดที่มากที่สุดตั้งแต่มีการเปิดตัวสินค้าใหม่ เตรียมกลยุทธ์โฆษณาชุด 7 Days To Day Love 7 วัน เพื่อรักแท้ โฆษณาในอีก 5 ประเทศในเอเชีย พร้อมทั้งนำรูปคู่รักคนดังจากวงการบันเทิง ได้แก่ เอ๊ะ-ศศิกานต์ และเจมส์ เรืองศักดิ์,ลิเดีย – แมทธิว และแอน อลิชา และภูริ หิรัญพฤกษ์ เป็นต้น มาอวดโฉมทรู เลิฟ แกลอรี่ การแจกสินค้าตัวอย่างกว่า 5 แสนชิ้น
“การเปิดตัวในครั้งนี้เพื่อรักษาการเติบโตและรักษาตำแหน่งผู้นำตลาดกลุ่มบำรุงผิวหน้าครองแชร์ 22% จากมูลค่า 6,400 ล้านบาท ส่วนอันดับ 2 โอเลย์ 21% ส่วนไวท์เทนนิ่ง พอนด์ส สิ้นปีตั้งเป้าเป็นผู้นำตลาดครองส่วนแบ่ง 29.7% จากมูลค่า 3,100 ล้านบาท ทั้งนี้เป็นเพราะการแข่งขันมีความรุนแรง มีสินค้าคู่แข่งมากมาย ตลาดเติบโตเร็ว ดังนั้นการเปิดตัวสินค้าใหม่ควบคู่กับการจัดกิจกรรมเพื่อให้แบรนด์มีความแข็งแกร่ง”
|