Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน18 ตุลาคม 2550
บิ๊กเหล็กควบกิจการหมดยุคราคาถูก             
 


   
www resources

โฮมเพจ สหวิริยาสตีลอินดัสตรี

   
search resources

สหวิริยาสตีลอินดัสทรี, บมจ.
วิทย์ วิริยประไพกิจ
Metal and Steel




สหวิริยาสตีลฯฟันธงราคาเหล็กถูกไม่มีให้เห็น หลังเกิดการควบรวมกิจการของยักษ์ใหญ่วงการเหล็กทำให้ซัปพลายลดลง และราคาพลังงานที่สูงขึ้น ด้านวิกฤตเหล็กแท่งส่อเค้ายืดเยื้อ2ปีจนกว่าจะมีกำลังการผลิตใหม่เข้ามา แนะรัฐบาลเร่งสนับสนุนอุตสาหกรรมต้นน้ำให้เกิดขึ้นหลังคู่แข่งอย่างเวียดนามจี้ก้น

นายวิน วิริยประไพกิจ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สหวิริยาสตีล อินดัสตรี จำกัด (มหาชน)(เอสเอสไอ) เปิดเผยสถานการณ์วิกฤตเหล็กแท่งว่า การควบรวมกิจการของบริษัทผู้ผลิตเหล็กยักษ์ใหญ่ของโลกในช่วงปีที่ผ่านมา ส่งผลให้มีปริมาณการผลิตเหล็กลดน้อยลง รวมทั้งจีนมีการจำกัดการส่งออกเหล็กแท่ง โดยอุดหนุนการส่งออกเหล็กขั้นปลายแทน ส่งผลให้ราคาเหล็กสำเร็จรูปกับเหล็กขั้นกลางใกล้เคียงกันมาก เชื่อว่าเหตุการณ์ดังกล่าวจะต่อเนื่องไปอีก 1.6 -2 ปีข้างหน้าจนกว่าจะมีกำลังการผลิตใหม่จากรัสเซีย และบราซิลเข้ามา ทำให้สถานการณ์เหล็กเข้าสู่ภาวะปกติ

ปัจจุบันราคาเหล็กแท่งทรงยาวอยู่ที่ตันละ 590 ดอลลาร์สหรัฐ/ตัน เหล็กแท่งทรงแบนอยู่ที่ 560-570 ดอลลาร์สหรัฐ/ตัน ซึ่งปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ราคาเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดม้วนอยู่ที่ 600 กว่าดอลลาร์สหรัฐ/ตัน โดยมีส่วนต่างระหว่างวัตถุดิบกับผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป (แก็ป)สูงถึง 200 ดอลลาร์สหรัฐ/ตัน

สำหรับราคาเหล็กเชื่อว่าจะอยู่ในระดับสูงต่อไปอีกหลายปี เนื่องจากมีการควบรวมกิจการผู้ผลิตเหล็กจำนวนมาก และวัตถุดิบก็ตกอยู่ในมือผู้ผลิตเพียงไม่กี่ราย รวมถึงราคาพลังงานที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น ดังนั้นผู้บริโภคคงต้องยอมรับสภาพว่าราคาเหล็กจะไม่ต่ำเหมือนในอดีตอีกต่อไปแล้ว

จากราคาเหล็กที่ปรับตัวสูงขึ้นนี้เอง ทำให้ไทยในฐานะประเทศผู้นำเข้าเหล็กเสียโอกาส เนื่องจากไทยไม่มีอุตสาหกรรมเหล็กต้นน้ำ หรือโรงถลุงเหล็ก ซึ่งเรื่องนี้รัฐบาลไทยควรให้ความสนใจและผลักดันให้เกิดขึ้น เพราะประเทศคู่แข่งอย่างจีนและอินเดียล้วนแต่ได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐแทบทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ตั้งโรงงานรัฐบาลก็จะดำเนินการเวนคืนที่ดินให้ รวมถึงระบบสาธารณูปโภค ทำให้อุตสาหกรรมเหล็กในประเทศดังกล่าวมีการพัฒนาอย่างรวดเร็วจนกลายเป็นคู่แข่งที่น่ากลัว

หรือแม้แต่ เวียดนามก็จะกลายเป็นคู่แข่งของไทยในอนาคต เนื่องจากรัฐบาลเวียดนามมีนโยบายส่งเสริมอุตสาหกรรมเหล็กครบวงจรที่ชัดเจน มีการจัดสรรที่ดิน และให้สิทธิประโยชน์ รวมทั้งประเทศเวียดนามยังมีแร่เหล็ก ถ่านหิน น้ำมันและก๊าซฯ ซึ่งจะทำให้ต้นทุนต่อหน่วยต่ำ

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าไทยจะเสียเปรียบเรื่องการสนับสนุนจากภาครัฐ แต่บริษัทฯเชื่อว่าการแข่งขันในอุตสาหกรรมเหล็กแล้วสุดท้ายอยู่ที่ต้นทุนของโครงการ ซึ่งไทยมีการพัฒนาระบบสาธารณูปโภคไปถึงระดับหนึ่ง รวมทั้งเทคโนโลยี บุคลากรมีความรู้ความสามารถ ทำให้อุตสาหกรรมนี้พัฒนาต่อไปได้

นายวิน กล่าวต่อไปว่า จากวิกฤติเหล็กแท่ง ทางสหวิริยาสตีลฯหันไปเน้นการผลิตเหล็กคุณภาพพิเศษแทนเพื่อหนีการแข่งขันเหล็กแผ่นคุณภาพทั่วไป หรือเหล็กก่อสร้าง เพื่อจะได้ไม่ต้องแข่งขันกับเหล็กราคาถูกจากจีน ซึ่งปัจจุบันบริษัทฯมีการผลิตเหล็กคุณภาพพิเศษคิดเป็น 50%ของรายได้รวม ส่วนจะมีการเพิ่มสัดส่วนการผลิตเหล็กคุณภาพพิเศษมากกว่านี้จำเป็นต้องมีการพัฒนาเทคโนโลยีเพิ่มเติม ซึ่งบริษัทได้มีการปรับปรุงเทคโนโลยีมาโดยตลอด   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us