Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน17 ตุลาคม 2550
ดัชนีหุ้นไทยผันผวนหนักซื้อพลังงานเทขายแบงก์             
 


   
search resources

Stock Exchange




ภาวะการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์วานนี้ (16 ต.ค.) ตลาดหุ้นผันผวนหนักเนื่องจากเริ่มมีความกังวลต่อผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน ทั้งในสหรัฐอเมริการและในไทยจากปัญหาสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ด้อยคุณภาพ (ซับไพรม์) แม้ว่าจะมีแรงซื้อเข้ามาอย่างหนาแน่นในหุ้นกลุ่มพลังงานโดยเฉพาะหุ้น PTT ที่ราคาปรับตัวเพิ่มขึ้นถึง 20 บาทมาปิดที่ 386 บาท โดยดัชนีปรับตัวลดลงมาปิดที่ 894.53จุด ลดลง 2.57 จุด หรือ 0.29% โดยระหว่างวันดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้นทะลุ 900 จุดอีกครั้งไปสูงสุดที่ 908.83 จุด ขณะที่ต่ำสุดอยู่ที่ 892.88 จุด มูลค่าการซื้อขาย 34,683.35 ล้านบาท

ทั้งนี้นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 2,065.68 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันขายสุทธิ 1,301.88 ล้านบาท นักลงทุนรายย่อยขายสุทธิ 763.80 ล้านบาท

นางสาววิริยา ลาภพรหมรัตน ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เกียรตินาคิน จำกัด กล่าวว่า นักลงทุนเริ่มกังวลต่อผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนที่จะเริ่มประกาศออกมา เนื่องจากยังไม่สามารถประเมินถึงผลกระทบจากซับไพรม์ได้อย่างชัดเจนจนส่งผลทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวลดลง ในขณะที่ตลาดหุ้นไทยยังได้รับอานิสงส์จากราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงสุดเป็นประวัติการณ์อีกครั้ง จนส่งผลทำให้หุ้นขนาดใหญ่ในกลุ่มน้ำมัน 5 บริษัทปรับตัวเพิ่มขึ้น

ทั้งนี้ ในช่วงที่ผ่านมาตลาดหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นค่อนข้างรุนแรง จนทำให้ต้องพักฐานบ้าง และมีแรงขายทำกำไรออกมาเมื่อดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้นมาที่ระดับ 900 จุด ซึ่งคาดว่าอาจจะต้องเวลาอีกซัก 2-3 วันโดยจะต้องประเมินทิศทางตลาดหุ้นอีกครั้งในช่วงสัปดาห์หน้า

"หุ้น 5 ตัวในกลุ่มพลังงานที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นส่งผลต่อดัชนีประมาณ 10 จุด ซึ่งหากหุ้น 5 บริษัทดังกล่าวไม่ปรับตัวเพิ่มขึ้นดัชนีจะปรับตัวลดลงมากกว่านี้ค่อนข้างมาก"นางสาววิริยากล่าว

นายอดิศักดิ์ คำมูล ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยเศรษฐกิจ และกลยุทธ์ บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) กล่าวว่า มีการเข้ามาเก็งกำไรหุ้นในกลุ่มพลังงานค่อนข้างมาก แต่ยังต้องจับตาทิศทางของนักลงทุนต่างชาติว่าจะยังเข้ามาซื้อหุ้นในตลาดหุ้นไทยอีกหรือไม่ โดยหุ้น 3 กลุ่มหลักที่นักลงทุนต่างลงทุน คือ พลังงาน ปิโตรเคมี และเดินเรือ ในส่วนของหุ้นธนาคารมีแรงขายออกมาค่อนข้างมากเนื่องจากคาดการณ์ว่าผลการดำเนินงานอาจจะไม่ดีนัก

นายสุกิจ อุดมศิริกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล.นครหลวงไทย กล่าวว่า การปรับตัวลดลงของตลาดหุ้นไทย ถือว่าน้อยกว่าตลาดหุ้นในภูมิภาครวมทั้งตลาดหุ้นในสหรัฐฯ เนื่องจากมีแรงซื้อเข้ามาค่อนข้างหนาแน่นในหุ้นกลุ่มน้ำมัน ซึ่งถือได้ว่าเป็นหุ้นในกลุ่มที่ช่วยพยุงดัชนีวานนี้

น้ำมันพุ่ง86.13เหรียญ/บาร์เรล

สำหรับราคาน้ำมันที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นสร้างสถิติสูงสุดครั้งใหม่โดยราคาน้ำมันตลาดเวสต์เทกซัสของสหรัฐปรับขึ้นไปถึง 86.13 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล

นายธีระพจน์ วัชราภัย ประธานบริษัทเชลล์ในประเทศไทย กล่าวว่า ราคาน้ำมันปรับตัวเพิ่มขึ้นหลังเกิดสถานการณ์ความตึงเครียดในตุรกี เนื่องจากรัฐบาลขอให้รัฐสภาอนุมัติปฏิบัติการโจมตีกลุ่มแยกดินแดนชาวเคิร์ดที่อยู่ทางตอนเหนือของอิรัก

ทั้งนี้ หากพิจารณาปริมาณกำลังผลิตและความต้องการของตลาดโลกแล้ว ยังถือว่าไม่ได้เป็นปัจจัยที่ราคาต้องปรับขึ้นแต่อย่างใด โดยมีผู้เชี่ยวชาญบางแห่งคาดว่าราคาน้ำมันจะลดลงมาถึง 60 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่บางค่ายคาดว่าจะขึ้นไปถึง 90-100 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล

"ไซแมทฯ"พร้อมเทรด12 ธ.ค.

นายวิชา โตมานะ หัวหน้าฝ่ายวาณิชธนกิจ บล.ฟิลลิป(ประเทศไทย) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน บมจ.ไซแมท เทคโนโลยี เปิดเผยว่า บมจ.ไซแมทฯ จะเสนอขายหุ้น IPO จำนวน 18.75 ล้านหุ้นในวันที่ 27-29 พ.ย.นี้ และคาดว่าจะสามารถเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ ได้ภายในวันที่ 12-14 ธ.ค.นี้

ทั้งนี้ คาดว่าจะสามารถสรุปราคาขายเสนอได้ในช่วงสัปดาห์หน้า เพราะต้องนำตัวเลขงบการเงินของบริษัทในช่วงไตรมาส 3/50 มาประกอบการพิจารณาเพื่อกำหนดราคาขาย โดยคาดว่าจะได้เงินจากการระดมทุนในครั้งนี้ประมาณ 100 ล้านบาท

สำหรับบมจ.ไซแมทฯ เป็นผู้ให้บริการจัดจำหน่ายคอมพิวเตอร์เคลื่อนที่และพัฒนาโปรแกรมการใช้งานคอมพิวเตอร์เคลื่อนที่แบบครบวงจร สำหรับระบบการจัดเก็บและจัดการข้อมูลภายในองค์กร ที่สามารถเชื่อมต่อกับระบบการบริหารจัดการทรัพยากรในองค์กร ของบริษัทลูกค้า โดยบริษัทฯมีความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับเทคโนโลยีบาร์โค้ด และ Radio Frequency Identification(RFID) โดยมีกลุ่มเป้าหมายคือบริษัทเอกชนที่ประกอบธุรกิจค้าปลีก คลังสินค้า ธุรกิจขนส่ง ธุรกิจการผลิต รวมถึงภาครัฐบาลและรัฐวิสาหกิจ   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us