|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
 |
- สมรภูมิ “รพ.เอกชนไทย”เริ่มร้อนระอุ!...อีกครั้ง
- เมื่อทุกค่ายกระโดดเข้ามาเล่นเกมรุกในเวลาเดียวกัน
- หลังฉากของการแข่งขันหนีไม่พ้น“จุดคุ้มทุนและต่อยอดธุรกิจ”
- การผุดแคมเปญใหม่ออกมาจึงมีแต่ได้กับได้...ทว่าใครจะเป็นผู้เริ่มต้นก่อน!
ชื่อเสียงของธุรกิจโรงพยาบาลไทยโด่งดังกระฉ่อนไปทั่วโลกหลังจากหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนต่างเร่งปรับปรุงบริการและนำนวัตกรรมการรักษาพยาบาลแนวใหม่มาใช้พร้อมโชว์ศักยภาพเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้ใช้บริการทั้งในและต่างประเทศ ล่าสุดตัวเลขยอดการเติบโตอย่างต่อเนื่องถึงสิ้นปี 2550 จะมีลูกค้าต่างประเทศเข้าใช้บริการกว่า 1.54 ล้านราย คิดเป็นรายได้เข้าประเทศกว่า 41,000 ล้านบาท
ธุรกิจโรงพยาบาลไทย โดยเฉพาะโรงพยาบาลเอกชนที่มีการแข่งขันให้บริการค่อนข้างสูง และมีอัตราการขยายฐานการเติบโตอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอดในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ส่งผลให้รัฐบาลมีนโยบายผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์ของเอเชีย(Medical Hub of Asia)
ขณะเดียวกันผู้ประกอบการภาคเอกชนต่างขานรับนโยบายด้วยการพัฒนาอาคารสถานที่และสิ่งอำนวยความสะดวกรวมถึงเพิ่มงบประมาณด้านบุคลากรและอุปกรณ์การแพทย์ที่ทันสมัย เพื่อรองรับธุรกิจที่มีการขยายตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งนอกจากนี้แล้วชื่อเสียงของทีมแพทย์ไทยในด้านการรักษาเฉพาะทางรวมไปถึงเอกลักษณ์ของการให้บริการแบบไทยๆได้สร้างความเชื่อมั่นอย่างสูงในหมู่ผู้ใช้บริการทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ
ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงของภาวะตลาดที่เข้มข้นในช่วงเวลาที่ผ่านมา ส่งผลให้ค่ายผู้ให้บริการด้านรักษาพยาบาลภายในประเทศไทยต่างตระหนักดีว่าจะต้องสร้างรูปแบบแนวทางการตลาดใหม่ๆขึ้นมา หวังที่จะรองรับการแข่งขันในสมรภูมิที่เปลี่ยนแปลงไปโรงพยาบาลเอกชนไทยยังต้องเผชิญกับการแข่งขันที่รุนแรงจากประเทศคู่แข่งขันทั่วโลกกับธุรกิจให้บริการรักษาพยาบาล
ขณะที่ประเทศในแถบภูมิภาคเดียวกันก็พยายามสร้างจุดขายในด้านนี้กันมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นมาเลเซีย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ จึงมีหลากหลายทางเลือกที่ผู้ต้องการรับการรักษาจะเข้าไปใช้บริการประเทศใด ซึ่งส่งผลให้ประเทศไทยที่มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญอยู่แล้วจะต้องรักษามาตรฐานให้สม่ำเสมอและพร้อมที่จะพัฒนาตัวเองให้ทันต่อเทคโนโลยีทันสมัยตลอดเวลา ซึ่งในปัจจุบันถือได้ว่าประเทศไทยประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง โดยเห็นได้จากมีจำนวนตัวเลขชาวต่างชาติเดินทางเข้ามารับการรักษาเพิ่มขึ้นทุกปี
อย่างไรก็ตาม ไทยยังถือเป็นผู้นำของธุรกิจนี้ในภูมิภาคเอเชีย เนื่องจากมีบุคลากรที่เชี่ยวชาญกอปรกับคนไทยมีใจรักบริการ และมีนิสัยเอื้ออาทร นอกจากนี้ไทยยังมีข้อได้เปรียบในด้านการเป็นเมืองท่องเที่ยว โดยผู้ที่เข้ามารับการรักษาพยาบาลในไทยนอกจากจะพักรักษาตัวแล้วยังสามารถท่องเที่ยวได้ต่อเนื่อง โดยไทยมีบริการ สปา และบำบัดสุขภาพที่ได้มาตรฐานรองรับ ซึ่งสามารถนำเสนอควบคู่ไปกับแพกเกจการรักษาพยาบาลได้
ดังนั้นการใช้ยุทธวิธีแนวรุกที่จะบุกเข้าจับตลาดด้านต่างๆจึงมีเกิดขึ้นให้เห็นอยู่บ่อยครั้ง และนับวันจะทวีความเข้มข้นมากยิ่งขึ้น
ปรากฏการณ์ของวงการโรงพยาบาลไทย ในรอบปีที่ผ่านมา ผู้บริหารแต่ละแห่งพยายามอย่างยิ่งที่จะเดินหน้าจัดแคมเปญในรูปแบบต่างๆอยู่ตลอดเวลาและต่อเนื่อง โดยก่อนหน้านั้นมีการใช้เรื่องของการนำเทคโนโลยีใหม่ๆพร้อมกับการเปิดบริการศูนย์รักษาเฉพาะทางมาเป็นกลยุทธ์กรุยทางสร้างความตื่นเต้นทางการตลาดได้ดีในระดับหนึ่ง แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะใช้ได้ตลอดทั้งปี ดังนั้นการค้นหา เครื่องมือทางการตลาดใหม่ๆมากระตุ้นถือว่าเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับธุรกิจแบบนี้
ก่อนหน้านั้นโรงพยาบาลในระดับเกรดเอบวกอย่างบำรุงราษฎร์ที่เน้นกลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติได้สร้างปรากฏการณ์ใหม่ด้วยการโฆษณาออกสื่อทางทีวีที่ใช้ความรับผิดชอบต่อหน้าที่มาเป็นจุดขาย ขณะที่โรงพยาบาลพญาไทก็ยิงสปอตตามสื่อต่างๆไม่เว้นแม้แต่บนรถไฟฟ้าที่มีผู้โดยสารใช้บริการต่อวันเฉลี่ยไม่ต่ำกว่าแสนคน
ส่งผลให้โรงพยาบาลเอกชนหลายค่ายอดรนทนไม่ไหวถึงกับลงทุนลงเนรมิตสื่อโฆษณาสร้างอิมเมจของตัวเองออกมาแจกจ่ายทั้งในรูปแบบแมกกาซีนหรือวารสารเพื่อหวังกระตุ้นให้ลูกค้าได้รู้จัก แถมยังมีโฆษณาชุดใหม่ที่นับวันกลุ่มโรงพยาบาลเอกชนเหล่านี้จะหยิบนำวิธีการเหล่านี้มาใช้กันมากขึ้นซึ่งเป็นเหตุผลหนึ่งของการกระตุ้นตลาดและสร้างภาพที่ได้ผลในระดับหนึ่ง
ทั้งหมดทั้งปวงเป็นความชาญฉลาดของโรงพยาบาลเอกชนแต่ละค่ายที่ถูกงัดออกมาต่อสู้กันอย่างถึงพริกถึงขิง หวังแย่งชิงตลาดที่มีกำลังซื้อบนการแข่งขันทางธุรกิจที่ต้องใช้เทคโนโลยีทันสมัยผสมผสานกับงานบริการมาเป็นจุดขาย
ตลาดใหม่ที่น่าจับตา!...
การเปิดศูนย์รักษาเฉพาะทางของโรงพยาบาลเอกชนแต่ละแห่งด้วยเทคโนโลยีอันทันสมัยกลายเป็นเครื่องมือทางการตลาดพร้อมที่จะต่อยอดทางธุรกิจให้สัมฤทธิ์ผล เราจึงเห็นโครงการใหญ่ๆของธุรกิจโรงพยาบาลเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องทั้งในรูปแบบพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รวมไปถึงการปรับกลยุทธ์ด้านการตลาดควบคู่ไปพร้อมๆกัน
ขณะที่เครือข่ายที่มีอยู่ในมือทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัดก็เป็นแขนเป็นขาที่จะคอยช่วยเสริมทัพรองรับกลุ่มเป้าหมายได้อย่างทั่วถึง
ปัจจุบันการจับมือเป็นพันธมิตรหรือเทกโอเวอร์ให้เป็นของตัวเองกำลังเป็นที่นิยมของเหล่าบรรดาหลายค่ายธุรกิจโรงพยาบาล โดยก่อนหน้านั้นไม่นาน โรงพยาบาลรามคำแหงได้กระโดดคว้า โรงพยาบาลลานนา เชียงใหม่มาครอบครองเรียบร้อย ทั้งๆที่มีเครือข่ายอยู่ในเชียงใหม่อยู่แล้วทำให้เห็นว่าการขยายเครือข่ายหลายสาขาในหัวเมืองหลักยังคงมีความสำคัญไม่น้อยไปกว่าแผนส่งเสริมการตลาด
ด้านโรงพยาบาลเอกชนที่อยู่ในระดับเกรดเอคือมีโครงการลงทุนไม่เกิน 1 พันล้านบาทนั้นกลับมองว่าแผนส่งเสริมการตลาดจะเป็นตัวช่วยในการสร้างมูลค่าเพิ่มและภาพลักษณ์ของโรงพยาบาลได้ดีกว่าที่จะไปทุ่มทุนมหาศาลเพื่อกว้านซื้อธุรกิจที่เกี่ยวข้อง
สอดคล้องกับ นพ.พงษ์พัฒน์ ปธานวนิช กรรมการผู้จัดการ บมจ.โรงพยาบาลเจ้าพระยา ที่บอกว่า กลุ่มโรงพยาบาลเจ้าพระยามีแนวคิดที่จะสร้างโมเดลการตลาดใหม่ๆออกมาเพื่อรองรับกลุ่มตลาดโดยล่าสุดมีการเปิดศูนย์เฉพาะทางเที่ยงคืนเป็นจ้าวแรกของธุรกิจโรงพยาบาลในระดับเดียวกัน
“ศักยภาพความพร้อมของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและเทคโนโลยีใหม่ๆจะถูกนำมาให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง”นพ.พงษ์พัฒน์ กล่าวพร้อมกับเสริมว่า
การเข้าโรงพยาบาลเพื่อเช็กสุขภาพหรือตรวจรักษาโรคของลูกค้ามักไม่ค่อยมีเวลาในช่วงกลางวันกว่าจะถึงบ้านก็ค่ำ ส่งผลให้คณะผู้บริหารของโรงพยาบาลเจ้าพระยามองเห็นช่องว่างทางการตลาดที่จะสามารถนำมาปรับใช้เพื่อรองรับกลุ่มเป้าหมายตรงนี้และเป็นทางเลือกใหม่ที่จะช่วยเปลี่ยนพฤติกรรมของคนไทยให้เข้าใจว่าโรงพยาบาลเจ้าพระยาก็มีศูนย์รักษาโรคเฉพาะทางเปิดให้บริการตลอดเวลาคล้ายๆกับว่าเป็นคลินิกในโรงพยาบาลนั่นเอง
ขณะเดียวกันการจับมือร่วมพันธมิตรของโรงพยาบาลเกรดเอ ถูกมองว่าจะเป็นเพียงแค่ช่วยสร้างความแข็งแกร่งให้เท่านั้น สังเกตได้จากกลุ่มโรงพยาบาลในระดับนี้จะมีสาขาเพียงไม่กี่แห่งเท่านั้น
ปัจจุบันโรงพยาบาลเอกชนหลายแห่ง ได้เร่งขยายเครือข่ายสาขาทั้งในรูปของการซื้อกิจการและการสร้างโรงพยาบาลแห่งใหม่ ตลอดจนการเปิดศูนย์บริการเฉพาะทางเพื่อรองรับลูกค้าเฉพาะกลุ่มและบริการลูกค้าชาวต่างชาติ อาทิ ศูนย์โรคหัวใจ โรคมะเร็ง โรคกระดูก ศูนย์ศัลยกรรม และศูนย์ดูแลสุขภาพเพื่อเพิ่มมูลค่าในการให้บริการ โดยมุ่งทำตลาดแบบเฉพาะกลุ่ม พร้อมทั้งสร้างความน่าเชื่อถือและความมั่นใจให้กับลูกค้า ผ่านการโฆษณาเผยแพร่ภาพลักษณ์ด้านความเชี่ยวชาญในการให้บริการและรักษาเฉพาะทาง
“เทคโนโลยี”หัวใจของธุรกิจ
วงการธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนในยุคปัจจุบันที่จะต้องสรรหาโซลูชั่นหรือแนวทางจัดการบริการด้านต่างๆที่ให้ความพร้อมที่สุดสำหรับลูกค้า เพื่อให้เกิดความสะดวกและรวดเร็ว อันเป็นหลักคิดที่สำคัญในยุคปัจจุบันของวงการทั้งในประเทศและต่างประเทศ
ภาพการเกิดศูนย์ให้บริการลูกค้าเฉพาะทางจึงมีให้เห็นในปัจจุบัน โดยเฉพาะการนำเทคโนโลยีใหม่ๆเข้ามาประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมกับประเทศไทยถือว่ามีความสำคัญสำหรับธุรกิจด้านบริการรักษาพยาบาล เพื่อตอบสนองและให้ความสะดวกในทุกด้าน
ทีมงานแพทย์ พยาบาล และพนักงานทุกแผนกในโรงพยาบาล นับว่าเป็นบันไดขั้นแรกและขั้นสุดท้ายของธุรกิจ แน่นอนขั้นตอนกระบวนการรักษาและให้บริการจึงเป็นยุทธศาสตร์ของการทำธุรกิจ ขณะเดียวกันการพัฒนานำเทคโนโลยีใหม่ๆออกมาให้บริการเพื่อให้เกิดความเที่ยงตรงและมีมาตรฐานเดียวกันจึงถูกหยิบนำมาใช้ เราจึงเห็นภาพตามสื่อต่างๆที่โรงพยาบาลเอกชนหลายค่ายพยายามโชว์ศักยภาพความพร้อมของเครื่องไม้เครื่องมือในการให้บริการรักษาพยาบาล
การเปิดศูนย์รักษาเฉพาะทางกำลังจะกลายเป็นที่นิยมในธุรกิจของโรงพยาบาลเอกชน ไม่เว้นแม้แต่โรงพยาบาลรัฐบางแห่งก็เปิดให้บริการศูนย์รักษาโรคเฉพาะทางเช่นกัน แต่การเปิดศูนย์เฉพาะทางจำเป็นจะต้องถูกนำมาใช้ผสมผสานกับเทคโนโลยีใหม่ๆด้วยเช่นกันจึงจะสัมฤทธิ์ผล เหตุผลง่ายๆก็คือสร้างความสบายใจในมาตรฐานของการให้บริการกับลูกค้านั่นเอง
ยุทธศาสตร์สร้าง “ฮับ”
การตื่นตัวและต่อเนื่องของธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนได้สร้างสีสันกิจกรรมต่างๆขึ้นจะพบได้ว่าในช่วงระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา ธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนในระดับโลกจะให้ความสำคัญกับการยึดจุดยุทธศาสตร์ทางด้านธุรกิจ อันเป็นทำเลทองที่จะดึงลูกค้าให้เข้ามาใช้บริการเป็นพิเศษ โดยเฉพาะ สิงคโปร์ ไม่ยอมน้อยหน้ากันในการดึงเอาทำเลทองจุดต่างๆมาเป็นของตน
การประกาศตัวของสิงคโปร์ที่จะสร้างให้ประเทศของตัวเองเป็นศูนย์รวมของการให้บริการรักษาพยาบาลแห่งเอเชียนั้นดูท่าจะเป็นโจทย์ที่หาคำตอบได้ยาก เพราะแต่ละประเทศในแถบโซนเอเชียต่างไม่เว้นแม้แต่ประเทศไทยก็พัฒนาทั้งบุคลากรและเทคโนโลยีใหม่ๆออกมาแข่งขันกันอย่างต่อเนื่อง เพื่อหวังกระตุ้นดึงกลุ่มลูกค้าใหม่ให้เข้าไปใช้บริการ
สอดคล้องกับที่เอื้อชาติ กาญจนพิทักษ์ นายกสมาคมโรงพยาบาลเอกชน ที่บอกว่า ปัจจุบันประเทศไทยได้กลายเป็นจุดหมายของชาวต่างชาติทั่วโลกที่จะเข้ามารับการรักษาพยาบาลและรับการตรวจสุขภาพ เนื่องจากมีมาตรฐานในการรักษาพยาบาลและดูแลสุขภาพที่เท่าเทียมกับต่างประเทศแต่ราคาถูกกว่า หรือด้วยคุณภาพเกือบเทียบเท่าแต่ราคาถูกกว่ามาก
“โดยเฉพาะการรักษาแบบผ่าตัดยากๆ ซึ่งแพทย์ไทยสามารถทำได้ดี เช่น การผ่าตัดหัวใจ สมอง เปลี่ยนข้อกระดูก แปลงเพศ และเสริมสวย ซึ่งในต่างประเทศจะคิดค่ารักษาพยาบาลประเภทนี้สูงกว่าเป็น 10 เท่า” เอื้อชาติ กล่าว
ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมากลุ่มลูกค้าชาวต่างประเทศที่เริ่มเข้ามาใช้บริการเป็นจำนวนมากมักเดินทางมาจากประเทศในแถบตะวันออกกลาง ขณะที่ยังมีกลุ่มลูกค้าที่ไม่สามารถมองข้ามได้เลยคือ กลุ่มลูกค้าระดับบนจากประเทศเพื่อนบ้านของไทย อาทิ พม่า ลาว และกัมพูชา ที่นิยมเข้ามารับการรักษาจากโรงพยาบาลตามจังหวัดชายแดนของไทย
โรงพยาบาลเอกชนไทยยังต้องเผชิญกับการแข่งขันที่รุนแรงจากประเทศคู่แข่งขันทั่วโลกกับธุรกิจให้บริการรักษาพยาบาล ขณะที่ประเทศในแถบภูมิภาคเดียวกันก็พยายามสร้างจุดขายในด้านนี้กันมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นมาเลเซีย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ จึงมีหลากหลายทางเลือกที่ผู้ต้องการรับการรักษาจะเข้าไปใช้บริการประเทศใด ซึ่งส่งผลให้ประเทศไทยที่มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญอยู่แล้วจะต้องรักษามาตรฐานให้สม่ำเสมอและพร้อมที่จะพัฒนาตัวเองให้ทันต่อเทคโนโลยีทันสมัยตลอดเวลา ซึ่งในปัจจุบันถือได้ว่าประเทศไทยประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง โดยเห็นได้จากมีจำนวนตัวเลขชาวต่างชาติเดินทางเข้ามารับการรักษาเพิ่มขึ้นทุกปี
อย่างไรก็ตาม ไทยยังถือเป็นผู้นำของธุรกิจนี้ในภูมิภาคเอเชีย เนื่องจากมีบุคลากรที่เชี่ยวชาญกอปรกับคนไทยมีใจรักบริการ และมีนิสัยเอื้ออาทร นอกจากนี้ไทยยังมีข้อได้เปรียบในด้านการเป็นเมืองท่องเที่ยว โดยผู้ที่เข้ามารับการรักษาพยาบาลในไทยนอกจากจะพักรักษาตัวแล้วยังสามารถท่องเที่ยวได้ต่อเนื่อง โดยไทยมีบริการ สปา และบำบัดสุขภาพที่ได้มาตรฐานรองรับ ซึ่งสามารถนำเสนอควบคู่ไปกับแพกเกจการรักษาพยาบาลได้
ว่ากันว่าการสร้าง ฮับ แห่งเอเชีย กำลังจะกลายเป็นองค์ประกอบสำคัญและยุทธศาสตร์หนึ่งที่จะสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้า...โดยเฉพาะสินค้าที่นอกเหนือจากเทคโนโลยีใหม่ๆแล้ว ความสามารถในการรักษาของทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญบวกกับงานบริการที่ประทับใจอันจะนำไปสู่ความแข็งแกร่งของธุรกิจ
ดังนั้นการเพิ่มเครื่องมือที่ทันสมัย และมีการพัฒนาพื้นที่ให้เป็นอาคารด้านบริการเพื่อรองรับกลุ่มเป้าหมายที่นับวันจะมีจำนวนมาก กอปรกับประสิทธิภาพในการให้บริการจะเป็นตัวช่วยส่งผลทางธุรกิจเติบโตขึ้น และแน่นอนทุกค่ายธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนก็กำลังพยายามใช้ยุทธวิธีนี้สร้างความแข็งแกร่งธุรกิจให้กับตัวเอง แม้ว่าจะต้องใช้ระยะเวลาและงบประมาณที่แตกต่างกันก็ตาม
|
|
 |
|
|