Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน11 ตุลาคม 2550
สหพัฒน์จี้รัฐลดภาษีวัตถุดิบ             
 


   
www resources

โฮมเพจ บริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด (มหาชน)

   
search resources

สหพัฒนพิบูล, บมจ.
บุญชัย โชควัฒนา
Commercial and business
Instant Food and Noodle




สหพัฒน์ กัดฟันตรึงราคาสินค้าอุปโภคบริโภคยันสิ้นปี ยอมแบกรับต้นทุนผลิต ลั่นขอขึ้นราคาเป็นบริษัทสุดท้าย ส่วน “มาม่า” รอบอร์ดไทยเพรสซิเดนท์ ฟูดส์อนุมัติ แจงหากไม่ปรับราคาขึ้นจาก 5 บาท ขาดทุนแน่ ชงรัฐฯหากต้องการตรึงราคา พิจารณาเรื่องลดภาษีนำเข้าวัตถุดิบ ควักระบบลอจิสติกส์ใหม่ผนึก 4 บริษัทเพื่อลดต้นทุน ระบุเศรษฐกิจเริ่มส่งสัญญาณดี สิ้นปีรายได้รวมโต 7-9% กวาด 17,500 ล้านบาท ต่ำกว่าเป้า


นายบุญชัย โชควัฒนา ประธานกรรมการบริหาร บริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภค เปิดเผยว่า นโยบายของเครือสหพัฒน์ยังคงตรึงราคาสินค้าอุปโภคบริโภคกระทั่งจนถึงสิ้นปีนี้ แม้ว่าราคาวัตถุดิบบางตัวจะปรับสูงขึ้นก็ตาม อาทิ วัตถุดิบที่ช่วยในการซักล้าง และวัตถุดิบที่ช่วยในการเพิ่มพลังซักหรือ STPP ขยับราคาขึ้นไปอีก 10% ราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นเป็น 80 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่งผลให้กลุ่มผงซักฟอก น้ำยาล้างจาน สบู่ แชมพู และน้ำยาปรับผ้านุ่ม ต้นทุนการผลิตสูงขึ้น 40-50%

หากจะมีการปรับราคาขึ้นจริง กรณีที่ไม่สามารถแบกรับภาระต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น จะขอขึ้นราคาเป็นบริษัทสุดท้าย ส่วนในปีหน้านี้บริษัทจะปรับราคาสินค้าขึ้นหรือไม่นั้น คงจะต้องมาพิจารณาถึงต้นทุนการผลิต โดยเฉพาะวัตถุดิบและพลังงานที่ปรับสูงขึ้นอีกหรือไม่อีกครั้ง

สำหรับกรณีบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมาม่าที่ขอปรับราคาขายปลีกจาก 5 บาท เป็น 6 บาท คงต้องให้นายพิพัฒ พะเนียงเวทย์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท ไทยเพรสซิเดนท์ ฟูดส์ จำกัด เป็นผู้ชี้แจง ทั้งนี้การขอปรับขึ้นราคาต้องรอให้บอร์ดไทยเพรสซิเดนท์ ฟูดส์ อนุมัติ โดยขณะนี้ยังไม่ได้ยื่นขอปรับราคากับกรมการค้าภายใน

สำหรับบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมาม่าต้นทุนการผลิตเพิ่มขึ้น จากแป้งสาลีที่เพิ่มขึ้น 60% และราคาน้ำมันปาล์ม เพิ่ม 50% ทำให้บริษัทไม่สามารถแบกรับภาระที่สูง หากไม่มีการปรับราคาสินค้าขึ้น อาจมีผลทำให้ขาดทุนได้ ทั้งนี้บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมาม่าขณะนี้วัตถุดิบเก่ายังเหลืออยู่ สามารถรองรับการผลิตในเดือนพฤศจิกายน นี้ เท่านั้น จากนั้นต้องสั่งวัตถุดิบใหม่ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องขึ้นราคาในเดือนธันวาคม นี้

“กรณีที่มีผู้ประกอบการรายหลายขอปรับขึ้นราคา หากภาครัฐต้องการให้ผู้ประกอบการตรึงราคา ควรจะลดภาษีนำเข้าวัตถุดิบบางอย่าง เช่น ข้าวสาลีเป็นต้น แต่มองว่ากรณีนี้เป็นไปได้ยาก เนื่องจากมีหลายขั้นตอน อย่างไรก็ตามกรมการค้าภายในจะเรียกผู้ประกอบการไปชี้แจงอีกครั้ง ทั้งนี้หากมาม่าขอปรับราคาขึ้นจริงคงต้องชี้แจงอย่างละเอียดต่อกรมการค้าภายใน”นายบุญชัย กล่าว

ชูระบบลอจิสติกส์ใหม่ลดต้นทุน

นายบุญชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า เพื่อรองรับต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้น บริษัทได้เข้าร่วมกับหอการค้าฯ พัฒนาประสิทธิภาพด้านระบบลอจิสติกส์ โดยนำโมเดลเมื่อเวลาส่งสินค้าเสร็จแล้วให้นำสินค้าจากปลายทางกลับมาด้วย ทั้งนี้เพื่อไม่ให้เสียเปล่า ซึ่งวิธีดังกล่าวช่วยลดต้นทุนได้เท่าตัว โดยร่วมมือกับอีก 4 บริษัท ได้แก่ ซีพี ,ปูนซีเมนต์ไทย, ไทยเบฟฯ และน้ำตาลมิตรผล ระบบลอจิสติกส์ดังกล่าวเริ่มมาได้ 2 ปีแล้ว แต่นำมาใช้เป็นรูปธรรมในปีนี้

ส่วนด้านแผนการตลาดบริษัทมีการปรับอย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับกับภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ล่าสุดได้ปรับเป้ารายได้จากเดิมตั้งเป้าโต 10% หรือผลประกอบการ 18,400 ล้านบาท เป็นการเติบโต 7-9% หรือราว 17,500 ล้านบาท สำหรับผลประกอบการ 9 เดือนโต 7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา

ชี้สัญญาณเศรษฐกิจดีไตรมาสสุดท้าย

สำหรับในช่วงไตรมาสสุดท้ายมีแนวโน้มว่าเศรษฐกิจจะมีทิศทางที่ดีขึ้น ผลจากการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในเร็วๆนี้ โดยพบว่ายอดขายในช่วงเดือนกันยายนเริ่มดีขึ้น ทั้งนี้เป็นเพราะคนเริ่มมีความมั่นใจ ที่ผ่านมาคนมีกำลังการซื้อแต่ไม่กล้านำเงินมาใช้ สำหรับกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคไม่ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจมากนัก ส่วนกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย มีการชะลอการซื้อลงบ้าง โดยเฉพาะกลุ่มเสื้อผ้า ทั้งนี้หากมีการลงทุนและมีการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐน่าจะสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคมากขึ้น

ด้านบุญฤทธิ์ มหามนตรี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไลอ้อน (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผงซักฟอกเปา กล่าวเสริมถึงการปรับตัวของกลุ่มผู้ประกอบการเพิ่มรองรับต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้นว่า ผู้ประกอบการควรสร้างทางเลือกใหม่ๆ ทางด้านพลังงานเช่น โรงงานสามารถนำก๊าซ น้ำมัน หรือโซล่าเซลล์มาใช้ หรือกระทั่งวัตถุดิบที่สามารถนำมาใช้ทดแทนกันได้ ซึ่งสิ่งต่างๆเหล่านี้มองว่าผู้ประกอบการจะต้องปรับตัว

สำหรับผลประกอบการปีนี้บริษัทตั้งเป้ามีอัตราการเติบโต 15% หรือมีรายได้ 8,000 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้ยังต่ำกว่าเป้าหมายอยู่ ล่าสุดได้ทุ่มงบกว่า 50 ล้านบาท เปิดตัวแคมเปญ” 10 ปี เปา ซอฟท์ ร่วมสร้างคนดี ส่งเสริมคุณธรรม” ตั้งเป้าส่วนแบ่งเพิ่มจาก 17% เป็น 20% จากมูลค่าตลาดผงซักฟอก 12,400 ล้านบาท   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us