เมธี เอื้ออภิญญกุล กรรมการรองกรรมการผู้จัดการ บริษัทเหมืองบ้านปูผู้นี้กำลังคิดโครงการใหญ่
หาญกล้าจะผลิตไฟฟ้าแข่งกับ กฟผ. แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่มีโอกาส จึงต้องเปลี่ยนท่าทีเป็นขอร่วมทุน
ซึ่ง ณ วันนี้ กฟผ. ก็ยังเมินอยู่
แม้ว่า กฟผ. จะเมิน แต่เขาก็ยังยืนยันที่จะทำโครงการโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมที่มาบตาพุดต่อขนาดกำลังการผลิตประมาณ
300 เมกะวัตต์ เงินลงทุนเบื้องต้น 400 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 20,000
ล้านบาท บนเนื้อที่ 1,500 ไร่
เหมืองบ้านปูซุ่มศึกษามานานโดยใช้บริษัทมารูนี่ คู่หูจากญี่ปุ่นเป็นผู้ร่วมทำโครงการศึกษา
และร่วมทุนด้วยโดยกำหนดว่าผลการศึกษาจะแล้วเสร็จประมาณสิ้นปี 2535 นี้
ไฟฟ้านี้จะขายในบริเวณนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด เขาบอกว่ามีลูกค้ารายใหญ่รออยู่แล้ว
ทั้งเชลล์และคาลเท็กซ์ เตรียมตัวเป็นลูกค้าพร้อมกับร่วมลงทุนด้วย เพราะกิจการเหล่านี้ต้องการใช้พลังงานไอน้ำพอ
ๆ กับต้องการใช้ไฟฟ้า
"ผมไม่ได้จะแข่งกับ กฟผ. เรารู้ตัวว่าสู้ไม่ได้อยู่แล้วแต่ที่ผมทำ
เพราะผมต้องการไอน้ำมาขายให้ลูกค้าในกลุ่มปิโครเคมีซึ่งในขณะที่ผลิตไอน้ำก็สามารถผลิตไฟได้ด้วย
อย่างนี้จะไม่ทำได้อย่างไรกัน"
ขนาดกำลังการผลิต 300 เมกะวัตต์ มีลูกค้าจองแล้ว 100 เมกะวัตต์ยังเหลืออีก
200 เมกะวัตต์ ต้องขายให้ กฟผ. แต่ที่ผ่านมา กฟผ. ไม่มีระเบียบรับซื้อไฟฟ้าจากผู้ผลิตที่เกิน
50 เมกะวัตต์ ซึ่งปัญหานี้กำลังเป็นอุปสรรคสำหรับบริษัท
แหล่งข่าวกล่าวว่า เหตุที่ กฟผ.ไม่รับซื้อจากผู้ผลิตที่สามารถผลิตเหลือใช้เกิน
50 เมกะวัตต์เพราะว่า กฟผ. ยังไม่อยากส่งเสริมให้ภาคเอกชนผลิตไฟเอง
"ผมว่า กฟผ. น่าจะเปิดโอกาสให้กับเอกชนบ้าง ไม่ใช่มองว่าเอกชนไม่พร้อมอยู่เรื่อย"
เมธีกล่าวและเสนอตัวว่าเหมืองบ้านปูพร้อมจะลงทุนร่วมกับ กฟผ. ด้วยความเชื่อมั่นในคุณภาพถ่านหินของตนในอัตราส่วนที่เหมืองบ้านปูถือหุ้นน้อยกว่าแค่
40% ก็ยอม
เขากล่าวว่าถ่านหินที่ใช้ไม่ใช่ลิกไนต์ ของเขานำเข้าจากอินโดนีเซีย ซึ่งขณะนี้ส่งออกขายญี่ปุ่นปีละ
150 ล้านตัน ปัจจุบันอัตราความเสี่ยงเกี่ยวกับราคาน้ำมันมีสูงจึงควรกระจายสัดส่วนเชื้อเพลิงไปยังวัตถุดิบชนิดอื่นบ้าง
โดยให้มีสัดส่วนพอ ๆ กัน แต่ขณะนี้ประเทศไทยผูกอยู่กับน้ำมันมากเกินไปเท่านั้น
เมธี พูดสนับสนุนวัตถุดิบของตนเองว่า ถ่านหินถูกค้นพบว่ามีจำนวนมากกว่าน้ำมันถึง
3 เท่า ส่วนแก๊สธรรมชาตินั้นยังมีน้อยที่ขุดพบในอ่าวไทยก็ถูกจองไว้สำหรับสร้างโรงไฟฟ้าหมดแล้ว
ถ้าจะต้องซื้อกับมาเลเซีย หรือเวียดนาม ซึ่งมีความไม่แน่นอนก็จะเสี่ยงอีกเช่นกันทางที่ปลอดภัยจึงควรเลือกใช้ถ่านหินให้มากขึ้น
เขาอธิบายว่าถ่านหินก็คือน้ำมันฟอสซิลฟิวด์เหมือนกัน การเผาน้ำมันเผาถ่านหินเกิดผลกระทบข้างเคียงเหมือนกัน
และที่คนกลัวมากคือ CO2 ไม่ใช่ซัลเฟอร์ไดออกไซด์ เขาเรียกปฏิกิริยาเรือนกระจก
เกิดขึ้นได้หลายอย่าง แม้กระทั่งวัวที่เรอออกมาก็เกิดปฏิกิริยาเรือนกระจก
เผาน้ำมันก็เกิดปฏิกิริยาเรือนกระจก เผาถ่านหินก็เกิดปฏิกิริยาข้างเคียงเหมือนกัน
แต่เราป้องกันได้ เรามีเทคโนโลยีที่จับปฏิกิริยาดังกล่าวได้ถึง 99.99% แล้วตัวที่เกิดซัลเฟอร์ก็สามารถป้องกันได้
โดยวิธีการเผาไหม้สมัยใหม่เขาเรียกว่าฟิวไดเบส หรือ ฟิวแก๊ส คือ ทำถ่านหินให้เป็นแก๊สก่อนแล้วเผมเหมือนแก๊สเลย
อย่างไรก็ตาม เขาคงต้องพยายาม ทำให้ กฟผ. ยอมรับในความสามารถเสียก่อนจึงจะเสนอทั้งถ่านหินและโครงการโรงไฟฟ้าสำเร็จ
เขาเองก็หวังว่า มติ ครม. ที่ออกมาเมื่อ 12 กันยายนนี้จะช่วยเขาได้ เพราะ
ครม. ให้ กฟผ. ดำเนินการสอดคล้องกับสิ่งที่เขาต้องการคือปี 2536/2537 ให้
กฟผ. จัดเตรียมออกประกาศเชิญชวนให้เอกชนมาลงทุนโครงการโรงไฟฟ้า ปี 2537/2538
ให้ชวนเอกชนมาลงทุนในโรงไฟฟ้าที่จะสร้างในปี 2538-2544 ในรูปแบบ IPP (INDEPENDNT
POWER PRODUCER) คือ แต่ละโครงการเป็นอิสระต่อกัน แต่ต้องขายให้ กฟผ. เท่านั้น
ส่วนปี 2538/2539 นั้นให้ กฟผ. เข้าตลาดหลักทรัพย์
เหมืองบางปูพอใจในมตินี้เป็นอย่างยิ่ง แต่ยังไม่แน่ใจว่าในทางปฏิบัติ EGCO
จะกวาดเรียบทุกโครงการหรือไม่ เพราะรายนั้นเป็นเต็งจ๋า