|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
ส.สินค้าตกแต่งบ้าน เชื่อตลาดส่งออกสินค้าตกแต่งบ้านปี50 เติบโตไม่น้อยกว่า 5% หรือประมาณ 388 ล้านเหรียญสหรัฐฯ แนะทางออกผู้ประกอบการสู้ภาวะค่าเงินบาทแข็ง หาวิธีลดต้นทุน มุ่งจับตลาดในประเทศและประเทศเพื่อนบ้านมากขึ้น พร้อมรุกตลาดใหม่แถบยุโรปตะวันออก-เอเชีย ส่วนผู้ประกอบการใหม่ที่เริ่มธุรกิจส่งออก ควรเข้าร่วมแสดงสินค้าในงาน BIG & BIH เพราะต้นทุนต่ำ แต่มีโอกาสพบผู้ซื้อต่างชาติจำนวนมาก
นางพัทธ์ธีญา พสุจรัสพงศ์ นายกสมาคมสินค้าตกแต่งบ้าน เปิดเผยว่า ตลาดสินค้าตกแต่งบ้านในปี 2550 คาดว่า จะมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นกว่าปีที่แล้วประมาณ 5 % และจะส่งผลให้ยอดขายส่งออกมีมูลค่ารวมทั้งสิ้นประมาณ 388 ล้านเหรียญสหรัฐฯ มากกว่า 369 ล้านเหรียญสหรัฐฯเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยตลาดหลัก ได้แก่ สหรัฐอเมริกาประมาณ 40% ตลาดยุโรปและเอเชียประมาณ 60%
อย่างไรก็ตาม แม้ขณะนี้สินค้าส่งออกของไทยจะได้รับผลกระทบจากการแข็งค่าของเงินบาท แต่แนวโน้มตลาดสินค้าตกแต่งบ้านโดยรวมจะยังคงสามารถเติบโตขึ้นได้ ซึ่งการทำตลาดในส่วนของผู้ประกอบการจะต้องจับตาดูสถานการณ์ค่าเงินบาทอย่างใกล้ชิด
"ภาวะที่เกิดขึ้นเช่นนี้ ได้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อผู้ประกอบรายเล็ก มีหลายรายที่ต้องเลิกกิจการและชะลอการทำธุรกิจไปก่อน ขณะที่บางรายจะยังไม่รับคำสั่งซื้อสินค้าจากลูกค้าต่างชาติ ซึ่งการทำตลาดของผู้ประกอบการรายเล็กจะต้องเน้นทำตลาดในประเทศและประเทศแถบเพื่อนบ้าน อาทิ กัมพูชา และลาว ให้มากขึ้น เนื่องจากยังมีช่องว่างที่จะเข้าไปเจาะตลาด รวมทั้งพยายามรักษาฐานตลาดไว้ให้ได้ ส่วนผู้ประกอบการรายใหญ่อาจจะทำได้โดยการขอปรับขึ้นราคาสินค้า หรือหาวิถีทางลดต้นทุนให้ได้มากๆ ที่สำคัญต้องพัฒนาคุณภาพ มาตรฐาน และออกแบบผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่จูงใจลูกค้าอย่างต่อเนื่อง" นางพัทธ์ธีญา กล่าวและว่า
ในขณะนี้ มีตลาดใหม่หลายประเทศที่ผู้ประกอบการไทยควรให้ความสำคัญและเข้าไปทำตลาด ได้แก่ ตลาดแถบยุโรปตะวันออก อาทิ รัสเซีย และเช็คโกสโลวาเกีย เป็นต้น ซึ่งประเทศเหล่านี้มีกำลังซื้อพอสมควร ขณะที่ประเทศแอฟริกาใต้ มีโอกาสที่จะเข้าไปทำตลาดได้อีกมาก แต่จะต้องศึกษาพฤติกรรมการซื้อสินค้าและการดำรงชีวิตของผู้บริโภคด้วยว่า นิยมซื้อสินค้าประเภทใด นอกจากนี้ยังมีประเทศเม็กซิโก ,ชิลี และอาร์เจนติน่า เป็นต้น เนื่องจากเป็นตลาดที่มีศักยภาพ มีกำลังซื้อสูง ส่วนในแถบเอเชียที่น่าสนใจได้แก่ กัมพูชา ลาว และจีน
"จีนนับเป็นตลาดที่น่าจับตามองมาก โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าระดับบนซึ่งเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง หากเปรียบเทียบระหว่างสินค้าไทยกับจีนแล้ว ถึงแม้สินค้าของจีนจะมีราคาถูกกว่า แต่ข้อดีที่ผู้ประกอบการไทยได้เปรียบคือ คุณภาพและมาตรฐานของสินค้า การส่งมอบสินค้าตรงเวลา ผู้ประกอบการไทยควรจะต้องรักษาระดับมาตรฐานนี้ไว้ให้ได้อย่างต่อเนื่อง และจะต้องไม่หยุดการพัฒนาตัวเอง ที่สำคัญต้องมีจรรยาบรรณในการทำธุรกิจด้วย"
นางพัทธ์ธีญากล่าวถึงการจัดงานแสดงสินค้าของขวัญและของใช้ในบ้าน หรือ BIG& BIH ว่า จะเป็นงานที่ผุ้ประกอบของไทย จะสามารถเข้าถึงลูกค้าต่างชาติได้โดยตรง และการเข้าร่วมจะช่วยให้ผู้ส่งออกมีค่าใช้จ่ายน้อยกว่านำสินค้าไปจัดแสดงในต่างประเทศ โดยการจัดงานครั้งนี้ จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 16-21 ต.ค.นี้ ณ อาคารเดอะ ชาเลนเจอร์ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี คาดว่าจะมีจำนวนผู้เข้าชมงานทั้งสิ้นประมาณ 1.2 แสนคน และผลการจัดงานครั้งนี้ จะทำให้ยอดขายส่งออกของตลาดสินค้าตกแต่งบ้านเพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า 5 %
|
|
|
|
|