Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน3 ตุลาคม 2550
KTCโอ่ผลงาน9เดือนเกินคาด จับกลุ่มลูกค้าระดับล่างลดหนี้เอ็นพีแอล             
 


   
www resources

โฮมเพจ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน)

   
search resources

บัตรกรุงไทย, บมจ.
นิวัตต์ จิตตาลาน
Credit Card




เคทีซีเผยผลประกอบการณ์ดีเกินคาด หลังกลับตัวทันเลิกจับลูกค้ารายได้ต่ำกว่า 10,000 บาท ทำให้อัตราการสูญเสียลดลง ประกอบกับรายได้เพิ่มขึ้นเป็นผลจากต้นทุนที่ถูกลง พร้อมสนับสนุนเครดิตบูโรให้มีการจัดทำเครดิตสกอริ่งเชื่อเป็นประโยชน์ต่อลูกค้าและผู้ประกอบการ

นายนิวัตต์ จิตตาลาน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทบัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTC เปิดเผยว่า ผลประกอบการในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมานั้นถือว่าทำได้ดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ จากเดิมมองว่าการเติบโตในปีนี้จะมีค่อนข้างจำกัด และคาดว่าตัวเลขของผลประกอบการในสิ้นปีนี้จะเติบโตได้ดีกว่าปีที่ผ่านมา โดยจะเห็นได้จากทุกๆไตรมาสผลประกอบการทั้งในแง่ของกำไรและรายได้เพิ่มขึ้นมาโดยตลอด

ซึ่งในเบื้องต้นผลคาดว่าประกอบในไตรมาสที่ 3 นี้มีอัตราที่สูงกว่าในไตรมาสที่ 2 ซึ่งส่วนหนึ่งแสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นในการใช้จ่ายที่เริ่มฟื้นตัว รวมถึงการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ซึ่งสามารถตอบสนองได้ตรงกับความต้องการและมุ่งเน้นไปยังกลุ่มลูกค้าดี ประกอบกับต้นทุนทางการเงินที่ต่ำลง คาดว่าปีนี้จะมีอัตราส่วนกำไรสุทธิ(net margin)อยู่ที่กว่า 1% ทรงตัวจากปีแล้ว โดยขณะนี้บริษัทมีพอร์ตสินเชื่อรวมอยู่ที่กว่า 40,000 ล้านบาท

ทั้งนี้ จากการมุ่งเน้นไปยังลูกค้าดี โดยเฉพาะในส่วนของสินเชื่อบุคคลที่ได้หันมาเจาะกลุ่มลูกค้าที่รายได้ตั้งแต่ 10,000 บาทต่อเดือนขึ้นยังส่งให้อัตราหนี้ที่ไม่ก่อรายได้(เอ็นพีแอล)ของสินเชื่อบุคคลอยู่ที่ 5% จากเดิมคาดว่าจะอยู่ที่ 10% เนื่องจากบริษัทได้ทำการปรับสกอริ่งในการอนุมัติสินเชื่อบุคคลใหม่ โดยทำการพิจาณาถึงสัดส่วนหนี้ต่อรายได้ว่าเป็นอย่างไร ทำให้การปล่อยสินเชื่อในระยะหลังมีอัตราการสูญเสียที่ต่ำ จึงทำให้ตัวเลขรายได้มีเพิ่มขึ้น

"สินเชื่อบุคคลให้บริการมา 2 ปี มียอดคงค้างอยู่ที่ 10,000 ล้านบาท ซึ่งการเติบโตถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดี และภายในสิ้นปีนี้เชื่อว่ายอดสินเชื่อบุคคลจะเป็น 1 ใน 3 ของสินเชื่อทั้งหมด โดยการทำตลาดของเราในช่วงแรกจะจับลูกค้ารายได้ 7,000 บาทขึ้นไป แต่ตอนนี้พบว่ากลุ่มที่มีรายได้ต่ำกว่า 10,000 บาทเริ่มมีปัญหา ลูกค้ามีภาระหนี้มากขึ้น สร้างหนี้เกินตัว ทำให้เราต้องจัดทำสกอริ่งใหม่ โดยหากมีสัดส่วนหนี้ต่อรายได้สูงถึง 80% ก็จะไม่อนุมัติสินเชื่อให้ และเลิกจับลูกค้าที่มีรายได้ต่ำกว่า 10,000 บาท ส่วนอัตราการค้างชำระอยู่ที่ 7% ถือว่าอยู่ในระดับที่รับได้"นายนิวัตต์ กล่าว

นอกจากนี้ มองว่าธุรกิจสินเชื่อบุคคลยังสามารถจะเติบโตได้กว้างมากกว่าธุรกิจบัตรเครดิต เนื่องจากผู้ที่มีรายได้ที่ 15,000 บาท นั้นเริ่มมีการอิ่มตัวและผู้บริโภคแต่ละรายก็มีการถือบัตรหลายใบอยู่แล้ว ดังนั้นจึงมองว่าตลาดนี้จะเติบโตได้ยากขึ้น แต่หากต้องการจะเติบโตก็ต้องมีผลิตภัณฑ์ที่แข็งแกร่งและตรงใจลูกค้าจริง ๆ โดยในปีนี้บริษัทตั้งเป้าหมายที่จะเพิ่มบัตรใหม่อีก 200,000 บัตรซึ่งจะทำได้ตามเป้าหมายแน่นอน

นายนิวัตต์ กล่าวว่า โดยส่วนตัวมองว่าปัญหาหนึ่งที่เข้ามาเกี่ยวกับภาคการเงินและการบริโภคภาคครัวเรือนคือความไม่สามัคคีกันของสถาบันการเงินและภาครัฐ แม้ที่ผ่านมาทางการจะมีการออกมาควบคุมเกี่ยวกับเรื่องของอัตราดอกเบี้ยและมาตรการอื่นๆ ที่ออกมาดูแลก็ถือเป็นเรื่องดี แต่ปัญหาที่ควรให้ความสำคัญตอนนี้และภาครัฐควรจะเข้ามาดูแลส่วนหนึ่งคือ เรื่องของการพัฒนาความเข้าใจของลูกหนี้ในประเด็นต่าง ๆ ซึ่งขณะนี้ถือว่ายังไม่ดีพอ

ทั้งนี้ ยังมองว่าการทำตลาดของสถาบันการเงินในขณะนี้เร่งไปยังเรื่องของการปล่อยกู้ง่ายและมุ่งเน้นเกี่ยวกับการเติบโตของสินเชื่อมากกว่าการเน้นที่จะพัฒนาตลาด ทำให้พฤติกรรมของผู้บริโภคไม่มีการพัฒนา เพราะสังคมที่ดีมีภาคการบริโภคที่ดีนั้น ผู้บริโภคควรจะมีการมีการพัฒนาเกี่ยวกับวินัยทางการเงิน ไม่กู้เกินความจำเป็น เพราะจะหากไม่มีวงจรเหล่านี้ผู้บริโภคก็จะมีภาระและมีปัญหาเกี่ยวกับการชำระหนี้ ทำให้ในที่สุดผู้บริโภคก็จะเข้าถึงแหล่งเงินในระบบได้ยากขึ้น

สำหรับการมีเครดิตบูโรเพื่อตรวจสอบข้อมูลลูกค้านั้นถือว่าเป็นสิ่งที่มีประโยชน์มาก และหากมีการเปิดให้เครดิตบูโรสามารถทำเครดิตสกอริ่งได้ก็จะเป็นเรื่องที่ดีมาก เพราะจะทำให้สามารถทราบอันดับเครดิตของลูกค้าแต่ละรายเพื่อให้บริการและคิดอัตราค่าบริการได้อย่างเหมาะสมและเป็นประโยชน์ต่อทุกฝ่าย

อย่างไรก็ตาม จากกรณีที่มูลนิธิเพื่อผู้บริโภคมีการแนะนำให้ลูกหนี้ไม่ชำระหนี้นั้น หากลูกค้าไม่ชำระหนี้ก็จะทำให้วงจรการเงินพังทลาย ความน่าเชื่อถือของลูกค้าก็จะหายไป และในการที่เป็นมูลนิธินั้นจริงๆแล้วควรจะต้องเป็นองค์กรที่ส่งเสริมให้ลูกหนี้เป็นคนดี ต้องมองในสิ่งที่สร้างสรรค์

สำหรับภาวะเศรษฐกิจไทยในช่วงต่อจากนี้มองว่าแม้จะมีการเลือกตั้งเกิดขึ้นในช่วงปลายปีแต่จะยังคงไม่มีเสถียรภาพทางการเมืองต่อเนื่องไปอีก และในปีหน้ายังคงมีปัจจัยที่น่ากลัวคือเรื่องของราคาน้ำมัน ส่วนเศรษฐกิจในช่วงที่เหลือ 3 เดือนต่อจากนี้และปีหน้าทั้งปีคาดว่าจะอยู่ในภาวะแบบเดียวกัน ส่วนปีนี้มองว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายยังมีโอกาสปรับลงได้อีก 0.25%   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us