Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน3 ตุลาคม 2550
ซับไพรม์นิ่งตปท.เก็บหุ้นลุ้นงบแบงก์หนุนดัชนี-ห่วงเลื่อนวันเลือกตั้ง             
 


   
search resources

Stock Exchange




ภาวะการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์วานนี้ (2 ต.ค.) ตลาดหุ้นไทยกลับมาคึกคักอีกครั้งด้วยมูลค่าการซื้อขายเกือบ 3 หมื่นล้าน โดยได้รับอานิสงส์จากดัชนีตลาดหุ้นในต่างประเทศที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังนักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับปัญหาสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ด้อยคุณภาพ (ซับไพรม์) ลง เนื่องจากผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อสถาบันการเงินหลายแห่งไม่สูงอย่างที่หลายฝ่ายคาดการณ์ ประกอบกับการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งหน้าอีกครั้งส่งผลทำให้ดัชนีปิดที่ 853.43 จุด เพิ่มขึ้น 0.96 จุด หรือ 0.11% ซึ่งเป็นจุดต่ำสุดของวันโดยระหว่างวันดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้นไปสูงสุดที่ 862.28 จุด มูลค่าการซื้อขาย 28,044.12 ล้านบาท

ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 1,721.51 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 61.73 ล้านบาท นักลงทุนรายย่อยขายสุทธิ 1,783.24 ล้านบาท

นางภรณี ทองเย็น ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัยหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด (มหาชน) หรือ ASP เปิดเผยว่า นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับปัญหาซับไพรม์รวมถึงการคาดการณ์ว่าเฟดอาจจะต้องพิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมช่วงปลายเดือนนี้ ซึ่งน่าจะส่งผลทำให้มีเม็ดเงินที่ไหลเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นมากขึ้น

ทั้งนี้ เรื่องราคาน้ำมันในตลาดโลกแม้ว่าจะยังอยู่ในระดับสูง แต่การที่ราคาปรับตัวลดลง ทำให้ตลาดหุ้นค่อนข้างแกว่งตัวเนื่องจากส่วนใหญ่เป็นหุ้นขนาดใหญ่ ขณะที่เดียวกันในช่วงนี้ประเด็นที่อาจจะส่งผลกระทบต่อความมั่นใจของนักลงทุนคือ กระแสข่าวการเลื่อนการเลือกตั้งออกไป เนื่องจากยังไม่มีความพร้อม ซึ่งหากต้องเลื่อนออกไปอาจจะส่งผลกระทบต่อจิตวิทยาในการลงทุนค่อนข้างมาก

อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นไทยยังได้รับข่าวดีเรื่องการเตรียมประกาศผลการดำเนินงานของธนาคารพาณิชย์งวดไตรมาส 3/50 ซึ่งหลายฝ่ายคาดว่าจะออกมาดีกว่าช่วงไตรมาส 2/50 ที่ผ่านมาเนื่องจากได้มีการตั้งสำรองหนี้ไว้เกือบครบแล้ว

ห่วงข่าวเลื่อนเลือกตั้งกระทบ

นายเจริญ เอี่ยมพัฒนธรรม รองกรรมการผู้จัดการ บล.เคทีบี กล่าวว่า นักลงทุนยังคาดหวังต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจในช่วงไตรมาส 4 จากการเลือกตั้งที่น่าจะมีขึ้นในช่วงปลายเดือนธ.ค. ขณะที่ยังได้ปัจจัยหนุนทางจิตวิทยาจากการปรับขึ้นของตลาดหุ้นต่างประเทศ ช่วยขับเคลื่อนให้ตลาดหุ้นไทยขึ้นได้ต่อ ทั้งนี้ หุ้นในกลุ่มที่มีความเกี่ยวโยงกับอัตราดอกเบี้ยไม่ว่าจะเป็นหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์, กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ,กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง น่าจะเป็นกลุ่มที่มีแรงเข้ามาเก็งกำไรผลการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันที่ 10 ต.ค.นี้ สำหรับกรอบความเคลื่อนไหวดัชนีคาดว่าจะมีแนวรับที่ 850 แนวต้านที่ 870 จุด

นางสาวอาภาพร แสวงพรรค ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) กล่าวว่า หากมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง จะทำให้ผลตอบแทนการลงทุนในตลาดเงินลดลง และอาจะจะทำให้มีโอกาสที่เม็ดเงินจะไหลออกมาลงทุนในตลาดหุ้น และตลาดโภคภัณฑ์มากขึ้น

ทั้งนี้ ตลาดหุ้นในแถบภูมิภาคเอเชียต่างปรับตัวขึ้นกันอย่างทั่วหน้า แต่ตลาดหุ้นไทยถูกแรงกดดันจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลงจนทำให้หุ้นในกลุ่มพลังงานซึ่งมีน้ำหนักต่อตลาดหุ้นไทยค่อนข้างมากจนทำให้ดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้นน้อยกว่าตลาดหุ้นในหลายประเทศ

สำหรับแนวโน้มการลงทุนในวันนี้ คาดว่าตลาดหุ้นไทยจะปรับตัวขึ้นต่อได้ แต่อาจจะอยู่ในกรอบแคบๆ เนื่องจากตลาดหุ้นไทยได้ปรับขึ้นมาหลายวันแล้ว โดยแนวรับไว้ที่ 850 จุด แนวต้าน 860, 870 จุด

RRC-ATCโดนกระหน่ำขาย

ด้านความเคลื่อนไหวราคาหุ้นบริษัทโรงกลั่นน้ำมันระยอง จำกัด (มหาชน) หรือ RRC ราคาปิดที่ 24.80 บาท ลดลง 0.95 บาท หรือ 3.69% มูลค่าการซื้อขาย 1,839.60 ล้านบาทและ บริษัท อะโรเมติกส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ ATC ราคาปิดที่ 74 บาท ลดลง 2.50 บาท หรือ 3.27% มูลค่าการซื้อขาย 1,308.87 ล้านบาท

นางสาววิริยา ลาภพรหมรัตน ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เกียรตินาคิน กล่าวว่า ราคาหุ้น ATC และ RRC ที่ปรับตัวลดลงค่อนข้างรุนแรงเนื่องจากมีการขายทำกำไรออกมาเพื่อเป็นการสร้างฐานราคาเพราะราคาหุ้นทั้ง 2 บริษัทก่อนหน้านี้มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยส่วนตัวมองว่าหุ้นทั้ง 2 บริษัทยังมีความน่าสนใจทั้งด้านพื้นฐานและด้านเทคนิค

ทั้งนี้ภายหลังการควบรวมกิจการของทั้ง 2 บริษัทแล้วมูลค่าราคาหุ้นที่เหมาะสมของบริษัทใหม่จะอยู่ที่ 57 บาท ขณะที่ราคาที่เหมาะสมของทั้ง 2 บริษัท โดยหุ้น RRC ราคาเหมาะสมอยู่ที่ 29 บาท และหุ้น ATC ราคาเหมาะสมอยู่ที่ 57 บาท   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us