Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ ตุลาคม 2550








 
นิตยสารผู้จัดการ ตุลาคม 2550
เรนโบว์ อโรคยา@บางคล้า “ศูนย์อายุยืน” อีกคอนเซ็ปต์ของรีสอร์ตสุขภาพ             
โดย สุภัทธา สุขชู
 


   
www resources

โฮมเพจ เรนโบว์ อโรคยา

   
search resources

Hotels & Lodgings
Spa and Beauty
เรนโบว์ อโรคยา
Stepen R. Griffiths
วิชาดา วงศานิตย์




พูดถึงรีสอร์ตสุขภาพระดับไฮเอนด์ หลายคนนึกถึงหัวหิน ภูเก็ต เชียงใหม่ เมืองหลวงแห่งการท่องเที่ยวที่คุ้นเคย แต่ภายใต้ชื่อการเป็นเมืองทางผ่านสู่ดินแดนภาคตะวันออกของประเทศอย่าง "ฉะเชิงเทรา" ที่นี่ก็มีรีสอร์ตเพื่อสุขภาพแบบองค์รวม ที่มีลูกค้าขาประจำเป็นทั้งผู้บริหาร ข้าราชการระดับสูง และนักท่องเที่ยวต่างประเทศด้วยเหมือนกัน

หลังจากฝ่าฟันมลภาวะในเมืองหลวงมาแค่ชั่วโมงกว่า ผ่านตัวเมือง "แปดริ้ว" ไปเพียง 20 กว่า กม. เข้าสู่อาณาเขตบนเนื้อที่สีเขียวกว่า 13 ไร่ ของ "เรนโบว์ อโรคยา" รีสอร์ตสุขภาพแบบองค์รวมที่ผันมาเรียกตัวเองเป็น "ศูนย์อายุยืน" โดยมีนิยามเป็นภาษาอังกฤษว่า Holistic Longevity Center

ลมเย็นโชยเอื่อยมาเป็นระยะๆ จากแม่น้ำ บางปะกง ซึ่งเป็นสายน้ำแห่งชีวิตของคนแปดริ้ว บวกกับร่มเงาของไม้น้อยใหญ่ที่เขียวครึ้มทั่วอาณาจักรที่หลายต้นกำลังออกดอก ไม้ที่ล้วนแต่เป็นไม้ไทย ราวกับคำกล่าวต้อนรับอันอบอุ่นให้แก่แขกผู้มาเยือน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้อ่อนล้าโรยแรงมาเต็มที่แล้วจากกรุงเทพฯ หลายคนยังเป็นผู้ป่วยที่มีอาการเสื่อมทางร่างกายจนเห็นได้ชัด

ไม่ได้มีแต่ผู้สูงอายุอย่างที่คิด แต่กลับมีผู้บริหารรุ่นหนุ่มสาว 30 ต้นๆ มาใช้บริการไม่น้อยในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ แม้จะต่างวัยแต่ก็มีจุดมุ่งหมายเดียวกัน เพื่อการฟื้นฟูสุขภาพกายใจและเติมพลังงานแห่งชีวิต

"ก่อนนี้คนหนุ่มสาวอาจยังไม่เคยคิดเรื่องของการมีอายุยืน แต่ทุกวันนี้ วิถีชีวิตของคนเราเปลี่ยนไป ทุกคนใช้ชีวิตอยู่บน fast-lane ความเสี่ยงต่อการเป็นโรคร้ายต่างๆ ตั้งแต่หนุ่มสาวก็มากขึ้น หลายคนจึงเปลี่ยนคอนเซ็ปต์เกี่ยวกับ การใช้ชีวิตและเริ่มคิดที่จะเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิต เพื่อให้อยู่ได้นานขึ้นและอยู่อย่าง แข็งแรง"

Stephen R. Griffiths ในฐานะรองประธานของเรนโบว์ อโรคยา อธิบาย ถึงไอเดียอันเป็นที่มาของศูนย์อายุยืนแห่งนี้ แม้ว่าเขาจะไม่ได้เป็นผู้ริเริ่มแนวคิดและไม่ได้ร่วมอยู่ตั้งแต่ก่อตั้งศูนย์ฯ แต่แรก

พนักงานเรียกเขาว่า "ท่านประธาน" เพราะชายชาวอังกฤษอายุกว่า 60 ปี เจ้าของธุรกิจรถยนต์จากเมืองผู้ดีคนนี้เข้ามาถือหุ้นใหญ่อยู่ในเรนโบว์ อโรคยาถึง 49% ส่วนที่เหลือแบ่งกันถือในกลุ่มคนไทยที่เห็นงามและเชื่อมั่นในธุรกิจนี้ตรงกัน

เริ่มต้น มร.สตีเฟ่นก็เป็นหนึ่งในลูกค้าที่ทนทุกข์ด้วยอาการป่วยของโรคเบาหวาน จึงเข้ามาทดลองใช้บริการของที่นี่ เพื่อเป็นทางเลือกในการฟื้นฟูร่างกาย ควบคู่ไปกับการแพทย์แผนปัจจุบัน เพราะเชื่อมั่นว่า ที่นี่ทำให้ร่างกายของเขาฟื้นตัวและเป็นปกติขึ้นอย่างรวดเร็ว เขาจึงตัดสินใจร่วมทำธุรกิจนี้เมื่อต้นปีที่แล้ว

จุดเด่นที่ทำให้เรนโบว์ อโรคยา แตกต่างจากสปาหลายแห่ง อยู่ที่การเป็น ศูนย์สุขภาพองค์รวมที่มีโปรแกรมดูแลรักษาสมดุลทั้งทางกาย ใจ และจิตวิญญาณ โดยใช้องค์ความรู้แบบปราชญ์ตะวันออกร่วมกับเทคโนโลยีนาโน และเป็นการผสมผสานระหว่างศาสตร์การแพทย์แผนปัจจุบันและการแพทย์ทางเลือก

การดูแลทางกาย ที่นี่ใช้คอนเซ็ปต์สำคัญ 2 ประการในการปรับสมดุลร่างกาย นั่นก็คือการใช้กายภาพบำบัดประยุกต์ในการปรับโครงสร้างร่างกายและกล้ามเนื้อ โดยมีนักกายภาพบำบัดดูแลอย่างใกล้ชิด พร้อมกับคำแนะนำใน การเดิน นอน นั่ง ยืน ให้ถูกต้องตามหลักสรีรศาสตร์

ร่วมกับการปรับสมดุลภายในร่างกายจะใช้เมนูอาหารเพื่อสุขภาพ แนวชีวจิตที่มีสารอาหารครบ 5 หมู่ ในปริมาณแคลอรีที่เหมาะกับแต่ละคน พร้อมด้วยอาหารเสริมจากธรรมชาติ (Bio Food Supplement) ร่วมกับการขจัดสารพิษและของเสียในร่างกาย หรือที่รู้จักกันดีว่า "ดีท็อกซ์"

ความโดดเด่นของที่นี่ยังอยู่ที่คอนเซ็ปต์การดีท็อกซ์ที่นำเอา พลังงานบวกที่มีอยู่ในธรรมชาติมาใช้ นั่นก็คือ พลังงานประจุลบ (Minus-Ion) ซึ่งเป็นพลังบวกที่มีอยู่ตามธรรมชาติ ในบริเวณที่มีอากาศบริสุทธิ์ ซึ่งจะช่วยปรับสมดุลในร่างกายที่ต้องเผชิญกับมลภาวะและมลพิษ

ร่วมกับคลื่นพลังงานอินฟราเรด อันเป็นคลื่นพลังงานที่มีประโยชน์ต่อการผลิตเซลล์ใหม่ และการเจริญเติบโตของเซลล์ในสิ่งมีชีวิต (growth radiation) เช่นเดียวกับพลังงานของแสงแดดอ่อนยามเช้า

แทนที่จะใช้ตู้อบเซาน่า ก็เปลี่ยนเป็นการนอนในโดมอินฟราเรด และนอนแช่ใน "บ่อสินแร่ร้อน (Sand Bath)" หรือเซาน่าทรายแบบญี่ปุ่น ซึ่งถือเป็นไฮไลต์ของที่นี่

"คนที่อายุยืนส่วนใหญ่อยู่ในญี่ปุ่น เราก็ไปดูว่า ทำไมคนญี่ปุ่นถึงอายุยืน ไปเห็นอาหารการกินของเขา ได้เห็นเครื่องใช้ของ เขาที่มีสินแร่ธรรมชาติที่ได้มาจากภูเขาไฟเป็นส่วนประกอบ และสินแร่เหล่านั้นเองที่ให้พลังงานประจุลบและคลื่นอินฟราเรด มาทำให้พวกเขาดูสดใสแข็งแรง อายุยืน ซึ่งเป็นภูมิปัญญาที่คนของเขาสืบทอดมานานแล้ว"

เป็นคำกล่าวของ "วิชาดา วงศานิตย์" ผู้ริเริ่มและเจ้าของคอนเซ็ปต์ศูนย์อายุยืนแห่งนี้ โดยสาเหตุที่ทำให้เธอเริ่มสนใจเกี่ยวกับการดูแล สุขภาพแนวนี้ก็มาจากการเจ็บป่วยเป็นอัมพฤกษ์เมื่อ 10 กว่าปีก่อน และ เส้นเลือดหัวใจตีบจนเกือบต้องทำบอลลูนมาก่อนตั้งแต่ 3 ปีที่แล้ว

หลังจากเห็นและทดลองใช้สินค้าเหล่านั้นด้วยตัวเอง วิชาดารู้สึกว่าเธอแข็งแรงขึ้น เธอจึงเริ่มธุรกิจนำเข้าและขายตรงสินค้าที่มีสินแร่ ธรรมชาติจากญี่ปุ่นเข้ามาขายกว่า 100 รายการ ภายใต้แบรนด์ "Royal Rainbow" ตั้งแต่ 10 กว่าปีก่อน จน 2 ปีที่แล้วเธอทุ่มทุนกว่า 10 ล้าน บาท เพื่อนำ Sand Bath หรือที่คนญี่ปุ่นขนามนามว่าเป็น "บ่ออายุยืน" เข้ามาใช้ในศูนย์สุขภาพ แล้วจึงเปลี่ยนคอนเซ็ปต์จากสปาสุขภาพเป็นศูนย์อายุยืนแบบองค์รวม

ลูกค้าหลายคนที่ได้ลง Sand Bath ยังบอกว่า เหมาะแก่การลดน้ำหนัก เพราะหลังจากลงแช่ใน Sand Bath ทั้งน้ำหนักตัวและไขมัน ลดลงจนหลายคนมักถูกเพื่อนทัก

ทั้งนี้สินค้าหลายอย่างของบริษัทมีให้แขกได้ใช้ขณะพักที่นี่ ทั้งชุดเครื่องนอน ที่มีเส้นใยสินแร่ ซึ่งหากติดใจประสิทธิภาพที่เรนโบว์ อโรคยา ก็มีขายในราคาร่วม 6 หมื่นบาท หรือสบู่เจลและแชมพูครีมนวดผมผสมสินแร่ก็มีให้ลองใช้ในห้องบำบัด ก็ยังมีเตียงนอนคลายกล้ามเนื้อและโดมเซาน่าอินฟราเรดให้บริการ ซึ่งถ้าแขกจะควักเงินหลักแสนซื้อไปใช้ที่บ้านก็ย่อมได้

หากสนใจอยากซื้อ Sand Bath ไปใช้ในกิจการสปา หรือในโรงแรมของตัวเอง ก็ติดต่อได้เช่นกัน ดูราวกับที่นี่เป็น Showroom สินค้าของ Royal Rainbow เลยทีเดียว แต่เป็นโชว์รูมที่ลูกค้าเต็มใจเข้ามาทดลองใช้แบบบูรณาการผ่านประสบการณ์และอัธยาศัยอันดีจากพนักงานต้อนรับ ณ รีสอร์ตแห่งนี้

มร.สตีเฟ่นยืนยันว่า ทุกวันนี้ Royal Rainbow ยังเป็นธุรกิจหลักของบริษัท ขณะที่เรนโบว์ อโรคยา ก็เป็นหน่วยธุรกิจที่ช่วยโปรโมตสินค้าได้เป็นอย่างดี ขณะเดียว กันก็ยังสร้างรายได้จำนวนไม่น้อยให้กับบริษัท คงไม่ผิดนักหากจะบอกว่า วิสัยทัศน์ครั้งนี้เปรียบเหมือนยิงปืนนัดเดียวได้นกหลายตัว

นอกจากนั้น เรนโบว์ อโรคยา ยังมีการนวดบำบัดเหมือนสปาทั่วไป ต่างกันที่เทคนิคและคอนเซ็ปต์การนวดอโรม่า หรือการนวดไทยก็เป็นแบบแผนเฉพาะของที่นี่ โดยเน้นปรับโครงสร้างร่างกายและกล้ามเนื้อ ส่วนการนวดเท้าก็เป็นการกดจุด (Reflexology) รวมถึงการทำสปาเทียนหู เพื่อการพักผ่อนและชำระสิ่งสกปรกในหู อีกทั้งยังบำบัดโรคไซนัส และไมเกรนได้ด้วย

สำหรับสมดุลด้านจิตใจและจิตวิญญาณ เรนโบว์ อโรคยา มีการจัดคอร์สที่เรียกว่า "สนามเอกภาพ" หรือคลื่นพลังงานบวก ของมนุษย์ ซึ่งมักได้จากการนั่งสมาธิและปฏิบัติกรรมฐานเจริญวิปัสสนา อันเป็นกุศโลบายในการพัฒนาจิตใจ ที่ยังได้ความผ่อน คลายและบำบัดจิตวิญญาณไปด้วย ท่ามกลางบรรยากาศอันน่ารื่นรมย์ของต้นไม้สีเขียวขจีและลมเย็นๆ จากสายน้ำบางปะกง ที่ล้วนแต่ให้ประจุลบตามธรรมชาติ และยังมีพลังแง่บวกจากแรงศรัทธาแห่งธรรม เพราะที่นี่เคยทำเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมมาก่อน

"พื้นที่ตรงนี้ถือเป็นพื้นที่บริสุทธิ์ เพราะจะมีพลังบวกเยอะ พลังเหล่านี้จะช่วยทำลายคลื่นแม่เหล็กที่เราสั่งสมอย่างหนาแน่น มาจากกรุงเทพฯ" วิชาดากล่าว

นี่จึงเป็นสาเหตุสำคัญที่วิชาดาตัดสินใจมาตั้งศูนย์ฯ แห่งนี้ ณ ริมแม่น้ำบางปะกง อำเภอบางคล้า จังหวัดฉะเชิงเทรา ฟังดูอาจจะคล้ายความเชื่อแต่ด้วยพลังแห่งธรรมชาติที่บริสุทธิ์ก็ทำให้ ผู้มาเยือนที่แบกความเครียดมาเต็มบ่า ดูสดใสและสดชื่นได้ในพริบตา

ยิ่งเมื่อสนามบินสุวรรณภูมิเสร็จ ทำเลตรงนี้ยิ่งถูกต้องและ เหมาะสมที่สุดในความคิดของ มร.สตีเฟ่น

สโลแกนของศูนย์อายุยืนแห่งนี้ คือ "we can help you to help yourself" หลังจากครบตามแพ็กเกจ แขกทุกคนจะรับ คำแนะนำในการยืนเดินนั่งนอนให้ถูกตามหลักสรีรศาสตร์ รวมถึงท่าออกกำลังกายเฉพาะบุคคล เพื่อให้เหมาะกับการปรับโครงสร้างที่ยังไม่สมดุลของลูกค้าแต่ละคน

"คุณมาที่นี่จะได้เรียนรู้ว่าจะดำรงชีวิตยังไงถึงจะอายุยืน แต่สิ่งสำคัญ ทุกคนต้องกลับไปทำเองด้วย เราไปทำแทนคุณก็ไม่ได้ ขอแค่คุณนอนยืนเดินนั่งได้อย่างที่เราบอก รับรองคุณจะแข็งแรง" วิชาดากล่าวอย่างมั่นใจจากประสบการณ์ของตัวเอง

กลุ่มเป้าหมายของที่นี่เป็นลูกค้า high-end จากกรุงเทพฯ ที่มองเห็นว่า คอร์สของที่นี่มีราคาแพงกว่าสปาหลายแห่ง แต่มี "Value for Money" ที่ยอมรับได้ ไม่ว่าจะเป็นการลงแช่บ่อสินแร่ร้อน 15-20 นาที 4,500 บาท แพ็กเกจขั้นต่ำ 2 วัน 1 คืน ราคาเกือบ 2 หมื่นบาท หรือค่าสมาชิกรายปี 3.9 หมื่นบาท และราย 3 ปี อยู่ที่ราคา 1.2-2.5 แสนบาท เลยทีเดียว

ทุกวันนี้ มร. สตีเฟ่นกำลังเร่งทำการตลาดต่างประเทศ ตอนนี้ ผ่านงาน Exhibition และโรดโชว์ทั่วโลก โดยเฉพาะแถบยุโรปและตะวันออกกลาง

"มีสถานที่หลายแห่งในประเทศไทยที่เป็นที่รู้จักในต่างประเทศ ผมหวังว่าใน 12-18 เดือนข้างหน้า เรนโบว์ อโรคยา จะมีชื่อรวมอยู่ในนั้นด้วย หรืออย่างน้อยเวลานักท่องเที่ยวต่างชาติมาเมืองไทยเพื่อทำสปา เขาจะต้องนึกถึงเราและมาที่เราเป็นส่วนหนึ่งของการเดินทาง"

หลังจากเปิดตัวยังไม่ถึง 2 ปีเต็ม ปัจจุบันทุกสุดสัปดาห์ ที่นี่ก็มีแขกเข้ามาใช้ บริการอย่างต่อเนื่อง ดูได้จากคิวรอใช้บริการ Sand Bath ที่ไม่เคยว่างเว้นตลอดช่วง เวลาทำการ และบางสัปดาห์ ห้องพักร่วม 30 ห้องของที่นี่ถูกจองเต็ม บ่อยครั้งที่มีกรุ๊ปสัมมนาถือโอกาสมาใช้เวลาพักผ่อนและฟื้นฟูร่างกายที่นี่ด้วย

อีกไม่นาน เรนโบว์ อโรคยา จะขยายจำนวนห้องพักเพิ่มพร้อมเปิด Day Center บนพื้นที่ 1.5 ไร่ บนถนนเพชรบุรีตัดใหม่ ในกรุงเทพฯ มีบริการ Massage Delivery ที่ส่งทั้งเก้าอี้นวดและทีราปิสต์ไปบริการนวดถึงออฟฟิศในเร็ววันนี้ด้วย

"ข้ออ้างของคนส่วนใหญ่ก็คือ ไม่มีเวลา คุณต้องรู้จักแบ่งสมองมาส่วนหนึ่งเพื่อรักชีวิต และทำความเข้าใจว่าจะมีชีวิตอยู่ไปเพื่ออะไร จะเกิดมาเพื่อทำงาน เพื่อ แก่แล้วเจ็บ แล้วไปใช้เงินในโรงพยาบาล แล้วตาย หรือจะเริ่มเปลี่ยนความคิด และ เปลี่ยนการกระทำตั้งแต่วันนี้" เป็นอีกครั้งที่วิชาดาสรุปจากประสบการณ์ตรงของเธอ

มร.สตีเฟ่นแนะว่า เรนโบว์ อโรคยา เป็นศูนย์สุขภาพที่ทุกคนน่าจะมาใช้บริการ ตั้งแต่ที่ยังไม่เจ็บป่วย เพราะร่างกายที่แข็งแรงย่อมจะได้ประโยชน์จากกิจกรรมต่างๆ ได้มากกว่า ที่สำคัญ หากมาเมื่อเจ็บป่วยมากๆ ทุกอย่างอาจสายเกินไปจนไม่ว่าองค์ความรู้ หรือนวัตกรรมใดก็ไม่อาจช่วยแก้ไขให้กลับเป็นเหมือนเดิม   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us