|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ ฉบับ ตุลาคม 2550
|
|
อุทัยธานี เมืองที่ได้ชื่อว่าเป็นเพียง "ทางผ่าน" หากไม่นับรวม "ห้วยขาแข้ง" หลายคนก็คงจะนึกไม่ออกว่าจังหวัดที่เงียบสงบแห่งนี้จะมีอะไรให้เที่ยวหรือ แต่ขณะเดียวกันกลับมีคนอีกกลุ่มที่ยินยอมควักเงินเรือนหมื่นเรือนแสนเป็นค่าที่พักต่อคืน ณ "อวตาร สปา เมาท์เท่น สวีท" แห่งอำเภอบ้านไร่ จังหวัดอุทัยธานี
จากภาพรถติดบนถนนในกรุงเทพฯ เพียง 3 ชั่วโมงกว่าๆ เมื่อเริ่มเข้าสู่เขตแดนของอำเภอบ้านไร่ ภาพเบื้องหน้าก็เปลี่ยนเป็นภูเขาสีเขียวขจีลูกแล้วลูกเล่า ตลอดทางแทบจะไม่มีป้ายบอกทางไปอวตารฯ ที่ดูโดดเด่นหรูหรามาให้สะดุดตา จนเห็นแท่งหินจารึกอักษรด้วยฟอนท์ที่ดูแข็งทื่อ เป็นคำว่า "avatar" ปักหลักอยู่หน้าเส้นทางลูกรัง "ผู้จัดการ" จึงเริ่มลังเล
ขับตามถนนดินแดงเข้าไปไม่ลึกก็ได้เจอกับอาคารคอนกรีตทรงกล่องที่ดูราวกับตึกร้าง ยิ่งดูก็ยิ่งแปลกตา เพราะอาคารหลังเดียวแต่ถูกออกแบบให้มี 3 แฉกคล้ายใบพัดลม โดยรอบห้อมล้อมด้วยสระน้ำที่เต็มไปด้วยปลาคราฟท์และปลานิลหลายพันตัว และหากนั่งมองดีๆ ยังจะได้เห็นปลาบึกอีกด้วย
นับว่าเป็นรีสอร์ตที่มีบ่อเลี้ยงปลาที่ใหญ่ที่สุดและมีมูลค่าสูงที่สุดแห่งหนึ่งเลยทีเดียว
ความแปลกของตัวอาคารไม่ได้ถูกออกแบบมาเพียงเพื่อเรียกร้องความสนใจจากแขก แต่ยังมีคุณูปการสำคัญคือ พื้นที่ว่างตรงกลางที่ถูกจัดเป็นล็อบบี้และ Stone Bar กลายเป็นดังช่องลมขนาดใหญ่ที่ปล่อยให้แสงแดดลอดผ่านและปล่อยให้ลมเย็นๆ พัดพาเอาโอโซนจากผืนป่าที่อยู่รายรอบผ่านเข้ามาได้ตลอดเวลาโดยเฉพาะไอเย็นจากห้วยขาแข่งผืนป่าที่อุดมสมบูรณ์ที่สุดของไทย จึงไม่ต้องง้อแอร์ให้เปลืองพลังงาน
ทั้งนี้ที่ดินขนาด 200 ไร่ อันเป็นที่ตั้งของรีสอร์ตแปลงนี้ถือเป็นผืนที่อยู่ติดกับเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้งมากที่สุดเท่าที่เอกชนจะสามารถเป็นเจ้าของได้
ภายในล็อบบี้และห้องพักทุกห้องตกแต่งด้วยปูนเปลือยดูคล้ายถ้ำ ประดับ ด้วยภาพเขียนมนุษย์หิน ซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจากภาพเขียนสีก่อนประวัติศาสตร์ จากถ้ำบนยอดเขาปลาร้า แหล่งท่องเที่ยวทางโบราณคดีแห่งสำคัญของชาติที่อยู่ ในอุทัยธานี นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มักไม่ได้ปีนขึ้นไปดูของจริงด้วยตาตัวเอง เพราะ เส้นทางค่อนข้างชัน และยาวถึง 2 กิโลเมตร
"เมื่อก่อนมนุษย์เราก็อยู่อย่างเรียบง่าย สบายๆ อยู่กับธรรมชาติ แขกที่มาที่นี่ก็จะได้กลับไปใกล้ชิดกับธรรมชาติ อยู่อย่างเรียบง่าย แต่ยังได้รับความสะดวกสบายจากบริการที่เรามีไว้ให้"
"Back to basic" ไม่เพียงเป็นคำจำกัดความคอนเซ็ปต์เบื้องหลังงานสถาปัตย์ แต่ยังสะท้อนปรัชญาการใช้ชีวิตของ ดร.ณฐนนต์ อวตาร เจ้าของรีสอร์ตและสถาปนิกวัย 51 ปี
แม้จะเป็น "มือใหม่" แวดวงธุรกิจโรงแรม แต่สาวใหญ่ผู้นี้จัดได้ว่าเป็นนักบริหาร "มือฉมัง" โดยเธอเป็นเจ้าของโรงงานผลิตถุงมือยางในจังหวัดสิงห์บุรี และยังเป็นประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดสิงห์บุรีอีกด้วย
หากดูผิวเผิน บุคลิกของ ดร.ณฐนนต์อาจดูเรียบง่าย สบายๆ ดังที่สะท้อนใน ดีไซน์ของอาคาร แต่เมื่อพินิจในรายละเอียด ข้าวของเครื่องใช้ของเธอทุกชิ้นล้วนแต่แสดงถึงความหรูหรา สะท้อนถึงฐานะและรสนิยมอันดีของผู้เป็นเจ้าของ เช่นเดียวกับ ที่เธอบรรจงจัดวางของสะสมที่เป็นราวกับของเล่นราคาแพงของเธอเอาไว้ในทุกมุมของ รีสอร์ต ความขัดแย้งที่ดูลงตัวจึงกลายเป็นอีกเสน่ห์ของรีสอร์ตแห่งนี้
ภายใต้เพดานล็อบบี้ที่ตกแต่งเป็นถ้ำ มีเสาเป็นก้อนหินภูเขากองรวมกัน ณ มุมหนึ่งถูกประดับประดาด้วยตะเกียงเรือโบราณจากญี่ปุ่น และโถผักดองของเก่าจากพระราชวังปักกิ่ง ส่วนอีกมุมจัดวางโซฟาบุหนังแท้ตัวเขื่องของเก่า จากยุโรปเอาไว้อย่างเก๋ไก๋ เสียงเพลงยุคคลาสสิกดังแว่วมาจากวิทยุโบราณ ยี่ห้อ Grundic ที่ตั้งไว้อีกมุม บารากู่โบราณจากตุรกีที่ Stone Bar จัดเตรียมไว้ให้แขกทดลองใช้ และทิวแถวจักรยาน และมอเตอร์ไซค์คลาสสิกจากทั่วโลก จอดเรียงรายหลายสิบคัน มีไว้ให้ชื่นชมและขับขี่ตามอัธยาศัย
ภายในชั้นใต้ดินยังมีของเก่าอีกมากมาย ส่วนหนึ่งตกทอด มาจากรุ่นปู่ยาตายาย ซึ่งเป็นคหบดีเก่า อีกส่วนสะสมจากการเดินทางท่องเที่ยวประเทศต่างๆ ของ ดร.ณฐนนต์ หมายรวมถึง โคมไฟคลาสสิกสวยหรูหลากหลายสไตล์ที่แทบจะไม่ซ้ำกันเลยทั่วทั้งรีสอร์ต
เฟอร์นิเจอร์คลาสสิกหาดูยากเหล่านี้เป็น "surprise" ที่ช่วยปลุกอารมณ์ตื่นเต้นและสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับแขกได้ไม่น้อย
"พอแขกมาเห็นด้านหน้ารีสอร์ต อาจคิดว่าจะลงจากรถดีไหม แต่พอเริ่มเข้ามาเห็นเรื่อยๆ ก็จะร้อง "อู้ฮู!" นี่คือคอนเซ็ปต์ของฝรั่ง คือยิ่งเข้าไปยิ่งรู้สึก surprise แต่โรงแรมไทยหลายแห่ง ดูภายนอกเหมือนจะหรู แต่ยิ่งเดินเข้าไปลึกขึ้นก็ยิ่งผิดหวังขึ้นเรื่อยๆ เพราะเจ้าของสนใจแต่ตัว อาคารภายนอก ไม่ใส่ใจลงรายละเอียดภายใน" ดร.ณฐนนต์อธิบายหลักการคอนเซ็ปต์ "contrast"
อย่างไรก็ดี เธอยืนยันว่าของสะสมที่กลายเป็นของตกแต่งราคาแสนแพงทั้งหลายในรีสอร์ต ไม่อาจหรูหราไปกว่าธรรมชาติที่บริสุทธิ์และสมบูรณ์ที่อยู่รายรอบรีสอร์ตแห่งนี้ไปได้
"ถามว่า ที่นี่ขายอะไร เราขายบริการและอากาศ เพราะตัวอาคาร เดี๋ยวคนอื่นก็ลอกเลียน ได้ แต่โลเกชั่นต่างหากที่สำคัญที่สุด" เธอสรุป
เสน่ห์ของอำเภอบ้านไร่ อยู่ที่อากาศดี มีออกซิเจนในปริมาณสูง และมีความชื้นสัมพัทธ์ พอเหมาะ ระดับความสูงจากน้ำทะเลพอดี ภูเขาที่มีป่าไม้ปกคลุมเขียวขจี อากาศก็เย็นสบายโดยเฉพาะในช่วงหน้าหนาว หลายคนจึงให้สมญานามอำเภอบ้านไร่ว่า "บรรยากาศเชียงใหม่ ไม่ไกลกรุงเทพฯ"
เพื่อให้แขกได้ใช้ชีวิตใกล้ชิดกับธรรมชาติที่บริสุทธิ์มากที่สุดตลอดเวลาที่อยู่ในรีสอร์ต เธอออกแบบห้องพักทั้ง 44 ห้อง ให้เปิดโล่งรับโอโซนและลมเย็นจากป่าเขาโดยรอบให้ได้มากที่สุด ไม่เว้น แม้แต่ขณะอาบน้ำ หรือปลดทุกข์ เพราะห้องน้ำเกือบทุกห้องเป็นแบบเปิดโล่ง (open air)
ด้วยอากาศที่บริสุทธิ์ บรรยากาศที่เงียบสงบ และป่าไม้ที่สมบูรณ์ ทำให้รีสอร์ตแห่งนี้กลายเป็น "สปา เมาท์เทน" ที่เต็มไปด้วยพลังแห่งธรรมชาติ โดย ดร.ณฐนนต์เชื่อว่า วิถีธรรมชาติเท่านั้นที่เป็นศาสตร์แห่งการบำบัดฟื้นฟูและเติมเต็มพลังชีวิตที่ให้ผลดีที่สุด ราวกับการเกิดใหม่ (Reborn) สมชื่อ "อวตาร"
เพื่อให้เข้าถึงการ "Reborn" อย่างสมบูรณ์ เธอยังคิดค้นทรีตเมนต์สปาหลากหลายเมนูขึ้นมา ช่วยสร้างความสดชื่นให้กับแขก สำหรับไฮไลต์ที่เรียกได้ว่าเป็นเอกลักษณ์ของที่นี่ก็คือ สปาเกลือ ซึ่งเกลือที่ใช้เป็นเกลือสินเธาว์บริสุทธิ์จากอำเภอพิมาย สนนราคา 500 บาทต่อครั้ง ครั้งละ 15-20 นาที
นอกจากการทำสปา การได้ว่ายน้ำท่ามกลางแมกไม้ขุนเขาก็เป็นอีกวิธีในการ "ชาร์จแบต" ให้กับตัวเองได้เป็นอย่างดี โดยที่นี่มีสระว่ายน้ำหลายแบบให้เลือก ทั้งสระน้ำจืด สระน้ำอุ่น สระน้ำเค็มเจือจาง และสระน้ำเค็มเข้มข้นระดับทะเลเดดซี (dead sea) ซึ่งก็มาจากเกลือในสปาเกลือ ที่เมื่อแขกใช้แล้วก็จะถูกนำไปอบฆ่าเชื้อก่อนจะมาใส่ลงในสระว่ายน้ำ
แม้จะเปี่ยมไปด้วยบรรยากาศแบบสปา แต่ที่นี่ก็ไม่ได้ขาดแคลนความบันเทิงและแสงสี เพราะมีทั้งดิสโก้เธค ผับบาร์ โต๊ะพูล และห้องคาราโอเกะ ครบครันภายในอาคารที่ฝังตัวอยู่ใต้ดิน อีกทั้งยังมีห้องสมุด ฟิตเนส ห้องซาวน่า และห้องสัมมนา ก็มีไว้รอแขกมาใช้บริการ
แว่วมาว่า งานนี้เจ้าของรีสอร์ตทุ่มทุนสร้างเป็นเงินถึงหลักร้อยล้าน บาทเลยทีเดียว เฉพาะค่าเฟอร์นิเจอร์คลาสสิกและของเก่าที่ใช้ตกแต่งก็สูงกว่าค่าก่อสร้างไปถึงไหนต่อไหน
ด้วยความหรูหราทางธรรมชาติและดีไซน์ สนนราคาค่าห้องพักของที่นี่จึงเริ่มต้นที่เกือบสองหมื่นบาท ถีบตัวไปถึงแสนกว่าบาทต่อคนต่อคืน (อ้างจากเว็บของอวตารฯ) เลยทีเดียว อาจกล่าวได้ว่าระดับราคา ห้องพักโดยเฉลี่ยของอวตารฯ จัดว่าสูงที่สุดในจังหวัดอุทัยธานี ณ ขณะนี้
แต่ถึงอย่างนั้น หลังจากเปิดตัวรีสอร์ตมาได้เพียง 1 ปี ทุกวันนี้ ดร.ณฐนนต์กำลังยุ่งและสนุกอยู่กับการคุมการก่อสร้างที่พักในรูปแบบของวิลล่าเพิ่มเติมอีกถึง 20 หลัง ซึ่งจะอยู่บริเวณใกล้กัน
สำหรับการทำตลาด อวตารฯ ใช้สื่อต่างประเทศและอินเทอร์เน็ต (ที่มีแต่ภาคภาษาอังกฤษ) เป็นส่วนใหญ่ ร่วมกับการออกบูธงานท่องเที่ยว ในประเทศไทยเพื่อดึงลูกค้าคนไทยโดยเฉพาะ
จริงๆ คนไทยมีตังค์ แต่ยังติดเที่ยวทะเลอยู่ ยังไม่ค่อย ชอบเที่ยวป่า และถ้าเที่ยวป่าก็ยังติดว่าต้องไปทางเหนือเท่านั้น ทั้งที่จริงๆ แล้ว ป่าที่นี่เหมาะสมกับการพักแรม 1-2 วัน มากกว่า เพราะระยะใกล้ ขณะขับรถมาเรื่อยๆ ร่างกายก็ปรับตัว กับความชื้นและความกดอากาศที่เปลี่ยนแปลงได้ แต่ถ้าไปทางเหนือหลายคนอาจจะไม่สบายไปเลย เพราะปรับตัวไม่ทัน" เธอย่อมรู้ดี เพราะมีบ้านพักหลังใหญ่ทั้งในอุทัยธานีและเชียงใหม่
แม้ว่า "โลเกชั่น" จะมีความสำคัญในการทำธุรกิจโรงแรมและรีสอร์ต แต่ทำเลเพียงอย่างเดียวก็ไม่ใช่คำตอบสุดท้ายเสมอไป แต่ยังต้องอาศัยสิ่งหนึ่งที่เรียกว่า "ไอเดีย" อันจะนำมาใช้ในการดึงเอาธรรมชาติและบรรยากาศที่รายรอบ ออกมาใช้ให้เกิดประโยชน์ได้อย่างสูงสุด
เหมือนอาคารทรงกล่องที่ดูดิบหยาบ แต่กลับผลักดัน เอาพลังของธรรมชาติออกมาใช้สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับรีสอร์ตแห่งนี้ได้อย่างเต็มที่นั่นเอง
|
|
|
|
|