Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ ตุลาคม 2550








 
นิตยสารผู้จัดการ ตุลาคม 2550
“KTC เดินมาถูกทางแล้ว”             
โดย นภาพร ไชยขันแก้ว
 


   
www resources

โฮมเพจ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน)

   
search resources

บัตรกรุงไทย, บมจ.
ธวัชชัย ธิติศักดิ์สกุล
Credit Card
Loan




ข่าวคราวการทวงหนี้โหดของธุรกิจ "บัตรเครดิต" และ "สินเชื่อบุคคล" ที่พาดหัวข่าวตัวใหญ่ๆ บนหน้าหนังสือพิมพ์ และหน้าจอโทรทัศน์ ที่กล่าวถึงการใช้วิธีการต่างๆ นานา ไม่ว่าจะเป็นการใช้วาจาหยาบคายทวงหนี้รายวัน หรือส่งเอกสารแฟกซ์ไปสถานที่ทำงานเพื่อให้ได้รับความอับอาย จนทำให้สถาบันการเงินที่เป็นทั้งธนาคาร และธุรกิจ non-bank ตกอยู่ในสถานการณ์ที่เรียกว่าเป็น "ผู้ร้าย"

แต่ในมุมมองทางด้านสถาบันการเงินเห็นว่า การทวงหนี้อาจมีการปะทะกันบ้าง แต่ก็ต้องเพิ่มความระมัดระวังเพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายต่อภาพพจน์ ส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือเอ็นพีแอล บัตรเครดิตและสินเชื่อทั้งระบบมีเพียง 4-5% เท่านั้น ซึ่งน้อยมาก เพราะมีบริษัทข้อมูลเครดิตแห่งชาติ (เครดิตบูโร) ทำหน้าที่เก็บข้อมูลการใช้เงินของผู้บริโภค ทำให้การปล่อยสินเชื่อมีความระมัดระวัง

ธวัชชัย ธิติศักดิ์สกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารอาวุโส KTC ไม่ได้กังวลกรณีหนี้ NPL ของบริษัท เพราะจากจำนวนลูกค้า 2 ล้านบัญชีที่แบ่งเป็นบัตรเครดิต และสินเชื่อบุคคล ที่มีสัดส่วนที่เท่าๆ กัน มีหนี้ NPL เพียง 2% เท่านั้น

แม้ว่าหนี้ NPL ในสายตาของผู้บริหาร KTC มองว่าเป็นเรื่องเล็ก แต่การรักษาภาพลักษณ์ของ KTC นั้นถือเป็นเรื่องใหญ่ เป็นนโยบายหลักที่ต้องการเน้นสร้างภาพลักษณ์ของแบรนด์ที่ได้ทำมาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็น brand royalty และ brand company ซึ่งนิวัตต์ จิตตาลาน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร KTC ได้บอกกล่าวอยู่เสมอ เพราะเขามองว่าการทวงหนี้ที่ถึงพริกถึงขิง พูดจารุนแรง สิ่งที่ทำตามมาคือ การทำลายแบรนด์ ซึ่งมองแล้วไม่คุ้ม

และเพื่อรักษาภาพพจน์ของแบรนด์นี้เอง กลุ่มลูกค้าของ KTC จึงต้องมีฐานเงินเดือน 10,000 บาทขึ้นไป จากที่ผ่านมามีลูกค้าฐานเงินเดือน 7,000-8,000 บาท ส่วนฐานเงินเดือน 10,000 บาทเป็นกลุ่มเป้าหมายระดับปานกลาง มีการศึกษาและจบปริญญาตรี เป็นกลุ่มที่ KTC มองว่าเป็นกลุ่มที่มีระเบียบวินัยการใช้เงิน และมีความเสี่ยง NPL น้อย แต่สิ่งที่ KTC ปรารถนาลูกค้าที่มีรายได้ 15,000 บาทมากที่สุด เพราะเห็นว่าเป็นกลุ่มที่มีประวัติที่ดี สามารถสร้างสัมพันธ์ระยะยาวและอยู่กับ KTC ได้นาน

หากมองให้ลึกลงไปถึงกลยุทธ์ที่เน้นการสร้างแบรนด์ และเลือกลูกค้าที่มีฐานเงินเดือนระดับกลางนั้น อาจเป็นเพราะว่า KTC ต้องการยกระดับให้เหนือกว่ากลุ่ม non-bank ทั่วไปที่บางรายจะครอบคลุมลูกค้าที่กว้างกว่า เริ่มจากระดับที่เรียกว่าบ้านๆ จนไปถึงลูกค้าที่มีฐานการเงินที่สูง แต่ KTC ดูเหมือนว่าจะเน้นกลุ่มที่เป็นมนุษย์เงินเดือน แต่เป็นกลุ่มที่มีรูปแบบที่มีการใช้ชีวิตที่หลากหลาย และมีสีสัน ดังนั้นผลิตภัณฑ์และบริการจะสอดคล้องไปกับไลฟ์สไตล์ของคน โดยให้ความสำคัญกับการเข้าไปเจาะลูกค้าเฉพาะกลุ่ม (Segmentation) มากขึ้น

ล่าสุดจึงทำให้ KTC มีรูปแบบของบัตรเครดิต 200 ประเภท หรือมีจำนวนบัตรที่มีกว่า 1 ล้านใบ ความถี่การออกแบบบัตรใหม่นั้นเฉลี่ย 2 แบบต่อเดือน อาทิ บัตรดำน้ำ บัตรกอล์ฟ บัตร I am ที่เจาะกลุ่มเกย์ ที่สร้างสีสันให้ตลาดเครดิตมาแล้ว และมองไปถึงกลุ่มเป้าหมายที่รักหมา รักแมว นักเล่นกล้อง

การเน้นลูกค้าเฉพาะกลุ่มเหล่านั้น KTC ยังได้ใช้กลยุทธ์ที่เรียกว่าจับแพะชนแกะ หรือที่เรียกว่า cross sale โดยร่วมมือกับพันธมิตร หรือนำพันธมิตรมาร่วมมือกันและใช้บริการผ่านบัตร KTC อาทิ ที่ผ่านมาได้ร่วมกับโรงพยาบาลสมิติเวช บริการห้องคลอด หรือรักษาพยาบาล ให้สิทธิลูกค้าสามารถเลือกห้องพิเศษ ที่มีบริการทีวี เครื่องเล่นดีวีดี นิตยสาร ซึ่งถือว่าเป็นกลุ่มเป้าหมายด้านสุขภาพ

วิธีการหาลูกค้าใหม่ของ KTC จะไม่ใช้ไดเร็กต์เซลส์เพื่อหาลูกค้าโดยตรง แต่จะเลือกวิธีการเข้าไปหาพันธมิตรที่ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย อาทิ กลุ่มดำน้ำ KTC จะติดต่อบริษัทที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจดำน้ำ ทั้งอุปกรณ์ สถานที่ท่องเที่ยว ครูฝึกดำนำ โดยให้ลูกค้าสมัครผ่านตัวแทนเหล่านี้ เช่น บัตรกลุ่มดำน้ำมีผู้ใช้ 200 ราย ส่วนบัตร I am มีผู้ใช้ราว 800 ราย

"สังคมไทยเริ่มซับซ้อนมากขึ้น จากรุ่นผมไม่มีอะไร สังคมเรียบๆ แต่สังคมเปลี่ยนความชอบเฉพาะด้านหลากหลายมากขึ้น บัตรผจญภัย ปีนเขา กิจกรรมดำน้ำ ขี่จักรยานภูเขา คนสนใจกิจกรรมเฉพาะด้านมากขึ้น เหมือนลูกชายที่ชอบแข่งรถ ที่ชอบแข่งดรีฟ แข่งทำโค้งให้สวย ถ้าแข่งความเร็วเรียกว่าแข่งเดร็ก มันเป็นความสนใจเฉพาะกลุ่ม ฉะนั้นธุรกิจบัตรเครดิตมันไม่มีสิ้นสุด มันไปได้" ธวัชชัยอธิบายถึงพฤติกรรมการใช้บัตรที่มีความหลากหลาย

ในปีนี้ KTC ได้กำหนดเป้าหมายไว้ว่าจะมีลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้นอีก 200,000 ใบ จากปัจจุบันที่มีผู้ใช้บัตรมากกว่า 1.4 ล้านใบ เมื่อไตรมาสแรกปี 2550 ที่ผ่านมา และมีอัตราการใช้จ่ายบัตร 4,000 บาทต่อเดือนต่อคน

อย่างไรก็ตาม KTC ก็ยอมรับว่าได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจเช่นเดียวกัน แต่ที่ KTC ก็ยังเติบโตอยู่ เนื่องจากการเจาะลูกค้าเฉพาะกลุ่ม และจัดรายการส่งเสริมการขายที่สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้า โดยเฉพาะลดราคาน้ำมันที่ร่วมกับปั๊มน้ำมัน ในแต่ละปี KTC ใช้งบประมาณ 100 ล้านบาท เนื่องจากปัจจุบันกลุ่มผู้ใช้บัตร KTC ใช้บัตรเพื่อเติมน้ำมันเป็นอับดับ 1 ส่วนอันดับสองใช้บริการในดิสเคาท์สโตร์ และโรงพยาบาลเป็นอันดับ 3

ธวัชชัยยังอธิบายอีกว่าการทำตลาดของ KTC ยังเป็นไปอย่างต่อเนื่อง และทำทุกวัน เพราะได้ทำบิซิเนส โปรแกรม 300-400 โปรแกรม ทำให้มีอัตราการเติบโตปีละ 30% ซึ่งอยู่ในระดับที่เขาพอใจ ส่วนภาพรวมของธุรกิจบัตรเครดิตเขามองว่า การแข่งขันเริ่มลดน้อยถอยลง และภาพที่จะเริ่มเห็นบ่อยครั้งขึ้น คือการแข่งขันชิงฐานลูกค้าของแต่ละธนาคาร ซึ่งสิ่งที่เขาบอกสอดคล้องกับเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ที่สถาบันการเงินผู้ออกบัตร 8 แห่ง ออกมาจัดรายการส่งเสริมพร้อมๆ กันภายในระยะเวลาเพียงไม่ถึง 2 อาทิตย์ เพราะทุกค่ายต่างรู้ดีว่า โดยเฉลี่ยแล้วผู้ใช้บัตรในปัจจุบันมีบัตรถึง 4 ใบ นั่นหมายความว่า ลูกค้าสามารถเปลี่ยนการใช้บัตรได้ตลอดเวลา ขึ้นอยู่กับว่าโปรโมชั่นของค่ายใดมีความน่าสนใจแค่ไหน

(รายละเอียดเพิ่มเติมอ่านล้อมกรอบ "ดิ้นเพื่ออยู่รอด")

KTC ได้ยืนยันอย่างชัดเจนในด้านการทำตลาด ที่เจาะกลุ่มลูกค้าเป้าหมายเฉพาะกลุ่มตามไลฟ์สไตล์ ซึ่งเริ่มต้นมากว่า 4 ปีแล้วนั้น เป็นการเดินทางมาอย่างถูกต้องที่สุดแล้ว เหตุผลที่ KTC มั่นใจอย่างนั้นเป็นเพราะว่า KTC มีฝ่ายวิเคราะห์ข้อมูล ที่สามารถติดตามพฤติกรรมการใช้บัตรของลูกค้าได้ชนิดรายต่อราย และแปลงพฤติกรรมเหล่านั้นมาจัดการตลาดจึงทำให้สามารถออกบัตรได้ 200 ประเภท และ KTC เองเชื่อว่าเขาเป็นรายเดียวที่ทำบัตรเครดิตได้หลากหลายในย่านเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเคทีซีเชื่อว่าการออกบัตรหลายประเภท จะต้องมีสักใบที่ลูกค้าชอบ

(รายละเอียดเพิ่มเติมอ่านล้อมกรอบ "ธนา ธนารักษ์โชค มือวิเคราะห์ database")

ในมุมมองของเทคโนโลยี ในอนาคตอันใกล้นี้ จะได้เห็นเทคโนโลยีที่เรียกว่า contactless ที่ใช้ระบบ RFID ซึ่งสามารถอ่านค่าข้อมูลจากบัตรเครดิตได้โดยไม่ต้องรูดกับเครื่องอ่านบัตร จะทำให้การใช้สะดวกรวดเร็วขึ้น เหมาะกับบริการการเข้าออกช่องโดยสาร ที่ต้องการความรวดเร็ว หรือบัตรรับประทานอาหาร fast food ซึ่งเทคโนโลยีตัวนี้มีใช้แล้วในสหรัฐอเมริกา, สิงคโปร์, เกาหลีใต้ และมาเลเซีย ส่วน KTC ได้ศึกษาเทคโนโลยีนี้มานานพอสมควร และกำลังศึกษาถึงความเป็นไปได้ในการนำมาใช้บริการ เพราะต้นทุนค่อนข้างสูง   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us