สิ่งของเล็กๆ น้อยๆ ชิ้นละไม่กี่บาท แต่เมื่อรวมกันหลายๆ ชิ้น จำนวนมากๆ ก็สามารถยิ่งใหญ่ได้เช่นกัน เหมือนกับที่บริษัทไปรษณีย์ไทยกำลังทำอยู่ในขณะนี้ ใครจะนึกว่าซองจดหมาย แสตมป์ พัสดุต่างๆ จะทำกำไรกว่า 1,000 ล้านบาท ให้กับบริษัทไปรษณีย์ไทยในปีนี้
บอกแล้วว่าอย่ามองข้ามของเล็กๆ
กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทไปรษณีย์ไทย ออมสิน ชีวะพฤกษ์ บอกว่า ผลการดำเนินงานของบริษัทในช่วงครึ่งปีแรกสามารถทำรายได้สูงกว่าช่วงเดียว กันของปีที่แล้วประมาณ 1.4% ขณะที่รายจ่ายลดลง ทำให้มีผลกำไรคิดเป็นเงิน 584 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 32.6%
เขาบอกด้วยว่า ในช่วงครึ่งปีหลัง คาดว่าจะมีรายได้เพิ่มขึ้นจากบริการหลักต่างๆ รวมทั้งกิจกรรมพิเศษ เช่น การขนส่งบัตรเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในเดือนธันวาคมนี้ ส่งผลให้รายได้ตลอดปีของบริษัทมีมากกว่า 15,100 ล้าน บาท โดยมีรายจ่ายอยู่ที่ 13,100 ล้านบาท จะมีกำไรสุทธิหลังหักภาษี 1,200 ล้านบาท นับว่าสูงที่สุดตั้งแต่มีการแปรสภาพเมื่อ 4 ปีที่ผ่านมา
ก่อนที่จะมีการเลือกตั้ง ไปรษณีย์ไทยก็โหมโรงด้วยการเป็นผู้จัดส่งร่างรัฐธรรมนูญฉบับปี 2550 ให้ประชาชนถึงบ้าน เพื่อนำไปประกอบการพิจารณาตัดสินใจว่าจะลงประชามติรับหรือไม่รับร่างฉบับนี้ ซึ่งผลก็ออกมาแล้วว่า ประชาชนรับรัฐธรรมนูญใหม่
นอกจากเทศกาลฟุตบอลโลกแล้ว ไปรษณีย์ไทยก็ชื่นชอบเทศกาลเลือกตั้งเป็นที่สุด
ธุรกิจหลักที่สร้างรายได้ให้กับไปรษณีย์ไทยยังอยู่ที่ธุรกิจสื่อสาร ที่มีมากกว่า 70% ซึ่งกลุ่มธุรกิจสื่อสารประกอบด้วยการจำหน่ายแสตมป์ ไปรษณียบัตร การจัดส่งพัสดุ และจดหมายด่วน
ในปี 2549 แค่จดหมายธรรมดาก็มียอดการจัดส่ง 1,690 ล้าน ชิ้น พัสดุไปรษณีย์ 11 ล้านชิ้น และบริการพิเศษ 128 ล้านชิ้น และในปีนี้คาดว่าจะมากขึ้นกว่าเดิมในทุกบริการ
ออมสินบอกด้วยว่า ปีนี้บริษัทจะเน้นความสำคัญในเรื่องของคุณภาพบริการให้มากขึ้น โดยเฉพาะบริการหลักที่มีอยู่และได้ประกาศ ให้เป็นปีแห่งการพัฒนาคุณภาพบริการที่เริ่มมาตั้งแต่ต้นปี และสร้าง จิตสำนึกบริการที่ดีภายในองค์กร
"ไปรษณีย์ไทยจะเปิดตู้ ปณ.999 เป็นช่องทางในการรับฟังความคิดเห็นจากผู้ใช้บริการ เพื่อนำมาปรับปรุงพัฒนาบริการต่างๆ ให้ดีขึ้น"
ถือว่าเป็นการทำ CRM ของบริษัทขนาดใหญ่อีกแห่งหนึ่งในขณะนี้
ตู้ ปณ.999 ผู้ใช้บริการสามารถเขียนคำแนะนำ ติ ชม ใส่ซอง จ่าหน้า "ตู้ ปณ.999 ปณ.สำนักงาน ปณท.กรุงเทพ 10002" โดยไม่ต้องติดแสตมป์ ส่งผ่านตู้ไปรษณีย์จำนวน 36,756 ตู้ทั่วประเทศ หรือเขียนลงไปรษณียบัตรพิเศษที่ไปรษณีย์ไทยทำขึ้นจำนวน 50,000 ฉบับ แล้วส่งมาก็ได้เช่นกัน
โครงการนี้ใช้เวลา 1 ปี จะสิ้นสุดวันที่ 15 สิงหาคม 2551 โดยแต่ละเดือนจะมีการรวบรวมความคิดเห็นเพื่อประเมินออกมาเป็น แนวทางแก้ไข ปรับปรุงการให้บริการ
ผู้ที่ใช้บริการของไปรษณีย์ ต้องการบริการอะไรเพิ่ม หรือต้อง การให้เปลี่ยนแปลงอะไรก็สามารถอาศัยช่วงเวลานี้บอกกล่าว ต่อว่าต่อขานกันได้
|