ถ้ามีนาฬิกาข้อมือเรือนละเกือบ 4 แสนบาท มาขายในบ้านเรา ถือว่าไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะมีให้เห็นอยู่บ่อยครั้งและแทบจะกลายเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้ว แต่ถ้านาฬิกาตั้งโต๊ะหรือแขวนผนังขายราคานี้อีกทั้งเป็นนาฬิกาใหม่จากญี่ปุ่นอย่าง ริธั่ม (Rhythm) ก็จะมีคำถามตามมามากมาย ซึ่งแน่นอนว่าคำถามแรกๆ ที่นึกถึงก็คือ ขายใคร และจะขายได้หรือ

อิงอร ดิลกธราดล กรรมการผู้จัดการ บริษัทอินโนเวชั่น ไทม์ จำกัด อธิบายให้ฟังว่า "ริธั่ม ไม่ได้ขายนาฬิกาตั้งโต๊ะ แต่กำลังขายงานศิลปะ ขายรสนิยม บนตัวเรือนนาฬิกา"

งานศิลปะในที่นี่คือ องค์ประกอบของ นาฬิกาตั้งโต๊ะ นาฬิกาแขวน ที่ริธั่มในญี่ปุ่น ทำออกมาเป็นรุ่นพิเศษ (Limited Edition) จำนวน 28 รุ่น แต่ละรุ่นมีประมาณ 100 เรือน โดยใช้ศิลปินทั้งเอเชีย และยุโรป เป็นผู้ออก แบบ และผลิตออกมาโดยไม่ใช้เครื่องจักร ทำให้นาฬิกาแต่ละเรือนจะไม่เหมือนกัน 100%

นาฬิกาชิ้นแพงที่สุดคือ ราคา 375,000 บาท เป็นนาฬิกาตั้งโต๊ะ ทำจากทองเหลืองฉลุลาย และมีภาพของจิตรกรชื่อก้องโลกอย่างวินเซนต์ แวนโก๊ะ 2 ภาพ คือ Sunflower และ Cafe Terrace at Night ประกอบเข้าไปในตัวเรือน ส่วนราคาถูกที่สุดอยู่ที่ 7,500 บาท เป็นนาฬิกาปลุกขนาดเล็กพกพาได้ เป็นงานกระเบื้องลายครามอาริตายากิ เทคนิคเฉพาะของญี่ปุ่น

อิงอรบอกว่า การทำตลาดนาฬิกากลุ่มนี้ ที่ผ่านมาไม่เคยมีใครทำอย่างจริงจัง หรือถือได้ว่าไม่มีเลยก็ได้ เธอขอทำเป็นรายแรกเพราะเชื่อว่าลูกค้ากลุ่มนี้ยังมีอยู่ เพียงแต่หาสินค้าให้ถูกรสนิยมและความต้องการเท่านั้น จากการประเมินเสียงตอบรับในงานเปิดตัวที่ผ่านมาก็อยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจ มีลูกค้าให้ความสนใจ

เธอตัดสินใจสั่งนาฬิกาจากบริษัทแม่ทั้ง 28 แบบ โดยแต่ละแบบสั่งเข้ามา 4 เรือน ยกเว้นรุ่นแพงสุดที่ทางญี่ปุ่นสามารถส่งให้แค่ 3 เรือนเท่านั้น เพราะเธอชอบเลข 4 ซึ่งมีความหมายถึงความเป็นคู่ และน่าจะใกล้เคียงกับความเป็น Limited Edition มากที่สุด

การทำตลาดบนสุดแบบนี้ อิงอรยอมรับว่าเหนื่อย แต่ถือเป็นความท้าทายอีกแบบหนึ่ง และตั้งความหวังไว้ว่าจะขายนาฬิการุ่นพิเศษ ทั้ง 111 เรือนให้หมดภายใน 1 ปี

นาฬิการิธั่ม เป็นแบรนด์ที่คนไทยรู้จักในกลุ่มของนาฬิกาปลุก แต่ช่วงหลังบริษัทที่เป็นตัวแทนจำหน่ายได้เลิกไป ทำให้ริธั่มหายไปจากตลาดถึง 5 ปี จนอิงอรซึ่งเป็นหนึ่งในผู้จำหน่ายนาฬิการิธั่มเข้าไปติดต่อขอเป็นตัวแทนจำหน่ายจากบริษัทแม่ที่ญี่ปุ่น และสุดท้ายได้รับการแต่งตั้งเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา นาฬิการิธั่มจึงกลับมาในตลาดอีก ครั้งก่อนที่ชื่อนี้จะหายไปจากตลาด

เหตุผลที่อิงอรให้ความสนใจธุรกิจนาฬิกา ก็เพราะว่าเป็นธุรกิจ ดั้งเดิมของที่บ้าน เห็นมาตั้งแต่เล็ก เธอเปิดร้านขายนาฬิกา 2 ร้าน ที่บิ๊กซี แจ้งวัฒนะ และบิ๊กซี หัวหมาก พร้อมกับลองทำหลายๆ ธุรกิจ ทั้งโทรศัพท์มือถือ อาจารย์สอนหนังสือ และเครื่องสำอาง แต่สุดท้าย ก็ได้ข้อสรุปกับตัวเองว่า

ต้องทำนาฬิกาเพราะอยู่ในสายเลือด