|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ ฉบับ ตุลาคม 2550
|
|
แม้จะไม่ใช่รถยนต์ที่มียอดขายแบบถล่มทลายเหมือนค่ายอื่น แต่รถยนต์วอลโว่ก็มีกลุ่มลูกค้าของตัวเองที่แข็งแกร่ง แบบรักวอลโว่เข้าสายเลือดก็มีอยู่ไม่น้อย ซึ่งเพียงพอที่ทำให้บริษัทแม่จากสวีเดนไม่สามารถมองข้ามหรือปล่อยปละละเลยได้ วอลโว่ในเมืองไทยเป็นตลาดที่น่าสนใจ และมีช่องทางในการทำตลาด
ดูได้จากยอดขายรถยนต์วอลโว่ในไทยบางรุ่น สูงเป็นอันดับ 4 ของวอลโว่ทั่วโลก บริษัทแม่ของวอลโว่ในสวีเดน จึงดูแลตลาดไทย อย่างใกล้ชิด เพราะมีทั้งโรงงานประกอบและเครือข่ายดีลเลอร์ ศูนย์ บริการที่เข้มแข็ง เพียงแต่หากลยุทธ์การตลาดที่เหมาะสม ก็น่าจะแข่ง กับค่ายอื่นได้
ปีนี้วอลโว่ตั้งความหวังไว้กับรุ่น S80 ไม่น้อย เพราะเป็นรุ่นที่วอลโว่เปลี่ยนรูปโฉมของรถวอลโว่ครั้งเมื่อออกรถรุ่นนี้เมื่อ 10 ปีก่อน ซึ่งลูกค้าหลายคนไม่นึกว่าวอลโว่จะเปลี่ยนแปลงไปมากขนาดนี้ แม้แต่ ภาพยนตร์โฆษณาวอลโว่รุ่นนี้ก็แสดงให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลง โดย ใช้นักบินอวกาศที่กลับมายังพื้นโลก แล้วเห็นรถวอลโว่ S80 ถึงกับอุทาน ออกมาว่า ทุกอย่างเปลี่ยนไปมากขนาดนี้หรือ เป็นการสื่อความหมาย ถึงความแปลกใหม่ของวอลโว่ ซึ่งก็ถือว่าประสบความสำเร็จในกลุ่มลูกค้าคนไทยไม่น้อย
จนมาถึงล่าสุด S80 ในอีก 10 ปีต่อมา ซึ่งเป็นรุ่นใหม่ที่วอลโว่ ใช้คำนิยามว่า All New Volvo S80
ความใหม่ของวอลโว่ S80 คือการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาบรรจุไว้ โดยเฉพาะในเรื่องของความปลอดภัย ที่ยังเป็นจุดเด่นและจุดขายของวอลโว่ตั้งแต่ในอดีต ความปลอดภัยที่ว่านี้คือระบบการ ป้องกัน (Preventive Safety) ที่ออกแบบมาเพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดอุบัติเหตุที่ใส่ระบบควบคุมความเร็วที่มีเรดาร์เซ็นเซอร์ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถรักษาระยะห่างกับรถยนต์คันหน้าได้อย่างปลอดภัย
ระบบเตือนการชนและการช่วยเบรก ที่ช่วยให้ลดความเสี่ยงของการชนท้ายด้วยสัญญาณเตือนทั้งเสียงและไฟเตือน รวมถึงการลดความเร็วของรถให้โดยอัตโนมัติในระยะคับขัน และยังมีระบบกล้อง และสัญญาณเตือนมุมอับสายตาจากรถด้านข้าง
พอล สโตคส์ ประธานบริหาร บริษัทวอลโว่ คาร์ (ประเทศไทย) บอกว่า ไทยเป็นอีกตลาดหนึ่งที่มีความสำคัญในการทำตลาดรถรุ่นนี้ รวมทั้งยังเป็นการฉลอง 80 ปีของวอลโว่ด้วย ภาระหนักของ เขาในช่วงนี้คือการพยายามหาช่องทางการตลาดใหม่ๆ โดยใช้ฐานลุกค้าเดิมของวอลโว่ที่มีอยู่ ซึ่งเขาเชื่อว่ากลุ่มคนที่รักวอลโว่ยังมีอยู่อีกมาก แต่ต้องหากลยุทธ์ที่เหมาะสม
เพื่อให้สมกับความใหม่วอลโว่จึงพาสื่อมวลชนกลุ่มใหญ่ไปทดลองขับรถรุ่นใหม่กันที่สิงคโปร์ ซึ่งของไทยจะไปร่วมทดสอบกับสื่อมวลชนจากเกาหลีใต้
การทดสอบรถในสิงคโปร์ ไม่ได้ต้องการให้เห็นศักยภาพในเรื่อง ของความเร็ว หรือความจัดจ้านของเครื่องยนต์ แต่ต้องการทดสอบ ระบบความปลอดภัยแบบใหม่ที่ใส่ไว้ในรถ จึงแบ่งการทดสอบเป็นการ ขับขี่บนถนนปกติในสิงคโปร์ และการทดสอบหลีกเลี่ยงการชนในสนาม ทดสอบ
ก่อนจะทำการทดสอบก็มีการแนะนำรายละเอียดของรถ สิ่งแรกที่เห็นได้ชัดคือ วอลโว่พยายามดึงให้เจ้าของรถรุ่นนี้เดินลงมาจากเบาะหลัง แล้วมานั่งที่หลังพวงมาลัย เพื่อควบคุมขับขี่รถด้วยตัวเอง เพราะรถวอลโว่ในบ้านเราถูกมองว่าเป็นรถของผู้สูงวัย รถประจำตำแหน่งที่ต้องนั่งหลัง และมีคนขับให้
วอลโว่ทำให้เจ้าของรถรู้สึกว่าต้องขับเองจึงจะสนุก การออก แบบ ภายในโดยเฉพาะเบาะนั่งด้านหลัง จึงดูเหมือนว่าสั้นลงกว่ารถรุ่นเดิม เพราะรถวอลโว่ทุกรุ่นเบาะนั่งด้านหลังจะมีพื้นที่มากมาย แต่รุ่นใหม่นี้ดูกะทัดรัดลง
อาจจะเป็นได้ว่า วอลโว่ต้องการให้ภาพของรถรุ่นนี้ไม่ติดอยู่ กับกลุ่มเดิมๆ ต้องการกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ ที่มีอายุลดน้อยลง เพื่อขยาย ฐานลูกค้าให้กว้างขึ้น ทำให้ภายในดูเหมือนรถคู่แข่งจากค่ายอื่นๆ
การขับรถบนถนนในสิงคโปร์ ต้องทำตามระเบียบอย่างเคร่ง ครัดในเรื่องของความเร็วที่มีป้ายบอกเป็นระยะ ซึ่งทางวอลโว่ก็ทราบ ดีว่า ป้ายจราจรกับคนไทยไม่ค่อยมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันเท่าไรนัก แต่ที่สิงคโปร์ก็คงต้องยอมรับและทำตาม
รถวอลโว่ S80 ที่มีพละกำลังเหลือเฟือจึงถูกจำกัดความเร็วไว้ที่ 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมงบนทางด่วนของสิงคโปร์ แน่นอนว่าบางครั้งก็มีบ้างที่ลืมดูป้ายความเร็ว เพื่อทดสอบความเป็นไปได้ 2 อย่างด้วยกันนั่นก็คือ ความร้อนแรงของเครื่องยนต์ และความท้าทายกล้องตรวจ จับความเร็วของสิงคโปร์ แต่ว่าไปแล้วการขับความเร็วขนาดนี้ ก็เหมือน กับบ้านเราไม่น้อย เพราะรถจะแรงอย่างไร พละกำลังมหาศาลขนาด ไหน แต่เมื่อเจอกับปัญหาการจราจร รถทุกคันก็เลยเท่าเทียมกัน
ระบบการเตือนมุมอับที่วอลโว่ใส่เอาไว้ ก็ได้ทำงานให้เห็นระหว่างที่แซงคันหน้า หรือรถที่วิ่งแซงไป สัญญาณเตือนบอกเป็นระยะ แต่ถ้าเป็นเมืองไทย สัญญาณนี้คงทำงานกว่าปกติ เพราะต้องคอยตรวจ จับรถจักรยานยนต์ที่วิ่งผ่านด้านข้างเป็นทิวแถวเวลารถติดเจ้าของรถ อาจหวาดผวาได้
ส่วนการทดสอบที่เป็นหัวใจหลักคือ การทดสอบระบบเตือนการชน และช่วยเบรกในสนามทดสอบ การทดสอบก็คือ จะให้วิ่งตามรถคันหน้าที่เรียกว่า Ballon Car เพราะได้ติดตั้งลูกบอลขนาดใหญ่ไว้ข้างรถ แล้วให้รถที่วิ่งตามมาเบรกอย่างกะทันหัน
น่าจะเรียกว่ากระทืบเบรกมากกว่า เพราะวอลโว่ท้าให้เหยียบ เบรกอย่างแรง เพื่อให้ประสิทธิภาพของระบบใหม่ การทำงานของ ระบบนี้ก็คือ เมื่อรถเข้าใกล้คันหน้าเกินระยะที่กำหนดไว้ จะมีสัญญาณ ไฟสีแดงโชว์ที่ด้านกระจกหน้าคนขับพร้อมกับสัญญาณเสียง และไฟจะกะพริบถี่ขึ้นเมื่อเข้าใกล้ไปเรื่อยๆ ตรงจุดนี้ระบบจะทำการสั่งให้เบรกของรถพร้อมทำงาน เมื่อคนขับเหยียบเบรกก็จะสามารถหยุดรถได้มั่นใจขึ้น
ระบบนี้ไม่ใช่รถยนต์จะทำการเบรกให้เมื่อถึงระยะอันตราย คนขับต้องเป็นคนเหยียบเบรกเองเท่านั้น ไม่ใช่หยุดรถอัตโนมัติ
ความปลอดภัย ระบบป้องกันต่างๆ ที่ว่ามาทั้งหมดนี้ต้องแลก ด้วยเงิน 4 ล้านบาทสำหรับ S80 รุ่นใหม่แบบนี้
|
|
|
|
|