Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายสัปดาห์1 ตุลาคม 2550
หุ้นโรงแรมส่อแววเฉิดฉาย รับไฮซีซั่นท่องเที่ยวฟื้น             
 


   
search resources

Investment
Hotels & Lodgings




จับจังหวะเก็บหุ้นโรงแรมรอรับอานิสงค์โดดเด่นรับไฮซีซั่นปลายปี มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้า หลังครึ่งปีแรกตัวเลขหด โบรกฯคาด ERAWAN - MINT - CENTEL มีราศี แผนธุรกิจชัดเจนรับซัพพลายลูกค้าได้ตรงกลุ่มเป้าหมาย

โดยปกติแล้วช่วงไตรมาส 4 ต่อเนื่องถึงไตรมาส 1ของอีกปี จะถือได้ว่าเป็นไฮซีซั่นของธุรกิจท่องเที่ยว เนื่องจากมีจำนวนนักท่องเที่ยวจากทั้งยุโรปและอเมริกาหลั่งไหลเข้ามาพักผ่อนเป็นจำนวนมาก บวกกับมีเทศกาลวันหยุดทั้งที่เป็นคริสต์มาส และปีใหม่ อีก ส่งผลให้โรงแรมสามารถจะทำรายได้และเติบโตได้ดีในช่วงดังกล่าว ทั้งจากส่วนที่เป็นที่พักและส่วนที่เป็นอาหาร

นักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์(บล.) กรุงศรีอยุธยา มองว่าหุ้นในกลุ่มโรงแรมน่าจะมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ในช่วงปลายปีนี้รับการท่องเที่ยวในประเทศที่คาดว่าจะฟื้นตัวเนื่องจากเป็นฤดูกาลท่องเที่ยวหลัก ประกอบกับปัจจัยการเมืองว่าด้วยการเลือกตั้งทั่วไปมีทิศทางที่จะดีขึ้นสามารถเริ่มเรียกความเชื่อมั่นต่อนักลงทุนต่างชาติกลับคืน และด้วยศักยภาพการท่องเที่ยว-งานบริการของไทยยังครองความโดดเด่นในระดับโลกเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านและในภูมิภาค

"แนวโน้มปริมาณนักท่องเที่ยวที่เข้ามาเที่ยวในประเทศไทยในช่วงปลายปีนี้คาดว่าจะเพิ่มขึ้น เพราะจะเป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจ ส่วนครึ่งปีแรกที่ทรงตัวสืบเนื่องจากสถานการณ์ในไตรมาส 1/2550 ที่ผ่านมา สถานการณ์ทางการเมืองดูเหมือนยังไม่สงบดีนัก ส่วนผลประกอบการ 2/2550ก็น่าจะเป็นไตรมาสที่แย่ยที่สุดของปี จึงฉุดปริมาณนักท่องเที่ยวลดลงทำให้มีตัวเลขต่ำกว่าคาดการณ์ แต่ก็คาดว่าผลประกอบการของกลุ่มจะเริ่มมีทิศทางที่ฟื้นตัวอย่างชัดเจนในไตรมาส 4/2550 เป็นต้นไป"

ทั้งนี้มองว่าการท่องเที่ยวจะเริ่มกลับขึ้นมาฟื้นตัวที่ดีในปี 2551 เนื่องจากทางภาครัฐเริ่มมีการกระตุ้นการท่องเที่ยวมากขึ้น และปีนี้ถือเป็นปีที่ย่ำแย่ ส่งผลให้การดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนกลุ่มท่องเที่ยวน่าจะฟื้นตัวเพิ่มขึ้นในปีหน้าได้

สำหรับหุ้นที่แนะนำซื้อลงทุน คงแนะนำหุ้นของ บมจ. ดิ เอราวัณ กรุ๊ป (ERAWAN) โดยให้ราคาเหมาะสม 4.91 บาท เนื่องจากคาดว่าช่วงปลายปีธุรกิจโรงแรมจะมีการฟื้นตัวตามภาพรวมอุตสาหกรรมโดยรวม โดยเฉพาะในไตรมาส 4/2550 ซึ่งเป็นช่วงไฮ ซีซั่น ส่งผลให้อัตราการเข้าพักของโรงแรมแกรนด์ไฮแอท เอราวัณ เจดับบลิว แมริออท เพิ่มขึ้น ประกอบกับราคาหุ้นปัจจุบันค่อนข้างถูก โดยเฉพาะหากราคาปรับตัวลดลงมาที่ระดับ 3.90 บาทถือเป็นจังหวะซื้อที่ดีมาก

ทั้งนี้ผลจากการปรับโครงสร้างทางธุรกิจที่จะเกิดขึ้นในเดือน ธ.ค. 2550 ด้วยการโอนสินทรัพย์โรงแรมเจดับบลิว แมริออท (JW Marriott), เพลินจิตเซ็นเตอร์ และ The Erawan Bangkok ให้แก่ ERAWAN ซึ่งแต่เดิมเป็น Holding Company จะช่วยให้ERAWAN มีผลประโยชน์ทางภาษีหรือ Tax shield ไปจนถึงปี 2556

นอกจากนี้ในปี 2551 ERAWANจะเปิดดำเนินการโรงแรมระดับ 2 ดาว ภายใต้แบรนด์ Ibisจำนวน 5 แห่งซึ่งมุ่งกลุ่มตลาดฯ เฉพาะสำหรับฐานนักท่องเที่ยวเน้นไปที่ตลาดกลาง-ล่าง เช่น จีนและอินเดีย ด้วยความชัดเจนของ ERAWAN ที่เป็นผู้ประกอบธุรกิจโรงแรม และเน้นการลงทุนทางตรง ซึ่งจะเป็นต้องอาศัยระยะเวลาในการสร้างผลตอบแทนการลงทุน

อย่างไรก็ดีหากปีหน้าการท่องเที่ยวในไทยมีการฟื้นตัวขึ้นจริง เชื่อว่าจะส่งผลดีแก่ ERAWAN อย่างแน่นอน เพราะธุรกิจโรงแรมมีบริการที่ครอบคลุมกลุ่มลูกค้าทุกระดับ ถือเป็นจุดแข็งที่ดีหากเทียบกับผู้ประกอบการเช่นเดียวกันอย่าง บมจ. ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล (MINT) ธุรกิจโรงแรมให้บริการมุ่งกลุ่มเป้าหมายลูกค้าระดับไฮ เอน ส่วน บมจ.โรงแรมเซ็นทรัล พลาซา(CENTEL) จะรองรับลูกค้าระดับ 4 ดาว

ทั้งนี้แนะนำ ซื้อลงทุนระยะยาวสำหรับ หุ้น MINT เนื่องจากเป็นผู้ประกอบการหลักด้านธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม 57% และธุรกิจรองคือ โรงแรม 34% ของรายได้รวม ที่เหลือคือธุรกิจเพิ่มฐาน MINT มีอัตราการเติบโตโดดเด่นใน 2 ธุรกิจหลัก มีนโยบายเน้นการเติบโตของธุรกิจและการลงทุนที่สูงด้วยแผนการลงทุนที่ชัดเจนไปในระยะกลาง-ยาว 3-5 ปีข้างหน้าเน้นรายได้เติบโตเฉลี่ย 10-12% (กำไรสุทธิเติบโต 15-20%) ในปีนี้ และ 10-12% ต่อปี (กำไรสุทธิเติบโต 20-25% ) ในปี 2551-2553   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us