Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ ตุลาคม 2550








 
นิตยสารผู้จัดการ ตุลาคม 2550
Bollywood ท้าชน Hollywood             
 


   
search resources

Films
Ronnie Screwvala




รู้จักกับชายผู้กำลังพลิกโฉมอุตสาหกรรมภาพยนตร์อินเดียและอาจทำให้ Hollywood ต้องผวา

Jack Warner แห่ง Waner Bros. สตูดิโอสร้างภาพยนตร์ยักษ์ใหญ่ของ Hollywood คือผู้ที่พลิกโฉมอุตสาหกรรมภาพยนตร์อเมริกัน ซึ่งรู้จักกันดีในนาม Hollywood จากอุตสาหกรรมการสร้างหนังที่มีแต่พล็อตเรื่องซ้ำๆ ซากๆ จนกลายเป็นอุตสาหกรรม หนังที่ทันสมัยและเป็นที่นิยมไปทั่วโลกอย่างในปัจจุบัน

และ Ronnie Screwvala อาจจะเป็น "Jack Warner แห่ง Bollywood" อันเป็นอุตสาหกรรมภาพยนตร์ของอินเดีย

ชื่อของ Screwvala อาจยังไม่ใช่ชื่อที่ติดปากคนอินเดีย แม้ว่าคนในวงการ Hollywood จะรู้จักเขาดี จากการที่เขาเป็น ผู้อำนวยการสร้างหนังอินเดียที่มีเนื้อหาแปลกใหม่และประสบความสำเร็จเรื่อง "The Namesake" ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับคนอินเดียอพยพในต่างแดน และจากการที่เขา ร่วมสร้างหนังเบาสมองเรื่อง "I Think I Love My Wife" ของ Chris Rock

ขณะนี้ Screwvala กำลังร่วมสร้างหนังเรื่อง "The Happening" หนังสยองขวัญแนว sci-fi thriller ที่มี Mark Wahlberg นำแสดง และกำกับโดย M. Night Shyamalan ผู้กำกับหนังเขย่าขวัญเรื่องดัง "The Sixth Sense" และหนังเรื่องล่าสุดนี้อาจทำให้ชื่อของ Screwvala ก้าวกระโดดขึ้นไปติดกลุ่มผู้สร้างหนังชั้นแนวหน้าของ Bollywood แห่งอินเดียได้

ด้วยทุนสร้างที่สูงถึง 57 ล้านดอลลาร์ของ The Happening ซึ่งสูงกว่าทุนสร้างหนังทำเงินของอินเดีย 10 เรื่องรวมกัน จะทำให้หนังเรื่องนี้สร้างมาตรฐานใหม่ในการลงทุนสร้างหนังทุนสูงแก่วงการหนังอินเดีย Screwvala กล่าวว่า เขามีเป้าหมายที่จะสร้างบริษัทบันเทิงของอินเดียให้เป็นที่รู้จักทั่วโลก ให้เหมือนกับบริษัทหนังของ Hollywood

นวัตกรรมต่างๆ ที่ Screwvala วัย 45 ปี นำมาสู่วงการหนัง อินเดีย กำลังผลักดันให้บริษัทหนังของเขา UTV Software Communications ซึ่งมีฐานที่ตั้งอยู่ในเมืองมุมไบของอินเดีย ผงาดขึ้นเป็น บริษัทระดับโลกอย่างรวดเร็ว

UTV กำลังกลายเป็นกลุ่มบริษัทสื่อยักษ์ใหญ่ ที่รวมธุรกิจภาพยนตร์ ทีวี การ์ตูน การผลิตวิดีโอเกม และการจัดจำหน่ายเข้าด้วยกัน แบบเดียวกับที่ Warner Bros. เคยนำความแปลกใหม่มาให้แก่ Hollywood และ UTV ของ Screwvala ยังเป็นบริษัทที่กำหนดมาตรฐานใหม่ด้านประสิทธิภาพการทำงานให้แก่สตูดิโอผลิตหนังของอินเดีย เหมือนกับที่ Jack Warner แห่ง Warner Bros. เคยทำให้แก่ Hollywood

ในช่วง 5 ปีมานี้ Screwvala เป็นผู้นำในการพลิกโฉมหน้าอุตสาหกรรมหนังอินเดีย ซึ่งไร้ระบบการผลิตหนังที่ดี และขาดแคลน พล็อตเรื่องที่แปลกใหม่

ตลอดเวลาที่ผ่านมา อินเดียสร้างหนังมากถึงประมาณ 1,000 เรื่องต่อปี หรือมากกว่าหนังทั้งหมดที่ Hollywood สร้างในแต่ละปีถึง 10 เท่า แต่หนังทุกเรื่องของอินเดีย ผลิตโดยผู้สร้างอิสระซึ่งมักพ่วงตำแหน่งผู้กำกับ และไม่มีการทำงานที่เป็นระบบ มักใช้ดาราซูเปอร์ สตาร์ที่เป็นคนในครอบครัว ส่วนการตลาดยกให้เป็นหน้าที่ของเจ้าของ โรงหนัง นักเขียนบทเพิ่งเริ่มเขียนบทในวันที่จะเริ่มถ่าย ส่วนพล็อตเรื่องเดินตามสูตรสำเร็จ กล่าวคือ

พระเอก 2 คนพี่น้องพลัดพรากจาก กันตั้งแต่เกิด เติบโตขึ้นมาด้วยการเลี้ยงดูจากฝ่ายที่อยู่ตรงข้ามกัน แต่กลับมารวมพลังกันในที่สุด เพื่อต่อสู้กับเจ้าของที่ดินหน้าเลือด หลังจากผ่านฉากร้องเพลง เต้นรำและร้องไห้คร่ำครวญมากมาย

หนังอินเดียรุ่งเรืองที่สุดในช่วงทศวรรษ 1950 ถึงต้นทศวรรษ 1980 ซึ่งเป็นช่วงที่คนอินเดียคลั่งไคล้ใหลหลงการดูหนังอย่างมาก แต่ในที่สุดก็เริ่มเบื่อหน่ายพล็อตเรื่องสูตรสำเร็จน้ำเน่าข้างต้น ในขณะที่ยุคของทีวีเริ่มเข้าสู่อินเดียพอดี โดยเจาะเข้าไปในบ้านของชนชั้นกลาง

รายได้ของหนังอินเดียเริ่มซบเซาระหว่างปี 1985-2000 โดยหยุดอยู่ที่ 1 พัน ล้านดอลลาร์ต่อปี หรือน้อยกว่า 1 ใน 3 ของรายได้ของสตูดิโอหนังเพียง 1 แห่งใน Hollywood หนังอินเดียจึงเริ่มออกนอกประเทศ แต่ก็ไม่เคยมีเรื่องใดที่สามารถประสบความสำเร็จในระดับโลกได้

อย่างไรก็ตาม สภาพซบเซาของหนัง อินเดียกำลังจะเปลี่ยนไป เมื่อคนอินเดียในขณะนี้ร่ำรวยขึ้น คนรุ่นใหม่ใช้จ่ายเงินซื้อความบันเทิงมากขึ้น และธุรกิจหนังอินเดียในประเทศ เริ่มกลับมารุ่งเรืองอีกครั้ง

ในปี 2006 อุตสาหกรรม หนังอินเดียมีรายได้รวม 2 พัน ล้านดอลลาร์ หรือเพิ่มขึ้นจาก 1.5 พันล้านดอลลาร์ในปี 2004 PricewaterhouseCoopers คาดการณ์ว่ารายได้ของหนังอินเดีย จะพุ่งขึ้นไปถึงระดับกว่า 4 พันล้านดอลลาร์ในช่วง 5 ปีข้างหน้า

ราคาตั๋วหนังในอินเดียซึ่งเคยมีราคาเฉลี่ยต่ำกว่า 1 ดอลลาร์ กำลังแพงขึ้นอย่างรวดเร็ว แข่งกับเศรษฐกิจอินเดียที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วเช่นกัน ทำให้นักลงทุนทั้งในและนอกอินเดีย ต่างพาเหรดเข้ามาลงทุนในอุตสาหกรรมหนังอินเดีย ทั้ง Disney และ Viacom ซึ่งจะยิ่งช่วยให้ หนังอินเดียมีคุณภาพมากขึ้น และมีการสร้างหนังใหม่ๆ เพิ่มมากขึ้น

แต่สิ่งที่ทำให้วงการหนัง Bollywood ของอินเดียสั่นสะเทือนมากที่สุด อาจเป็นการที่มีนักนวัตกรรมอย่าง Screwvala เกิดขึ้นในอุตสาหกรรมหนังอินเดีย

Screwvala เป็นผู้ริเริ่มทำให้ธุรกิจสร้างหนังในอินเดีย มีความ เป็นมืออาชีพมากขึ้น เขานำนักลงทุนและมาตรฐานบัญชีจากภายนอก เข้ามาใช้ และทำการตลาดอย่างหนักหน่วงด้วยการใช้พล็อตเรื่องที่แปลกใหม่ รวมทั้งหั่นหนังอินเดียที่เคยยาวมาราธอน 3 ชั่วโมงครึ่ง ให้เหลือเพียง 90-120 นาที อีกทั้งยังจ้างนักเขียนบทจาก Hollywood ให้เขียนบทหนังที่สนุกน่าติดตาม

Screwvala ยังสนับสนุนทางการเงินแก่ผู้สร้างใน Hollywood อย่างการสนับสนุนหนังเรื่อง "The Namesake" ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับคนอินเดียอพยพของ Mira Nair หนังเรื่องนี้ทำเงินถึง 14 ล้านดอลลาร์ โดยเกือบ 95% ของยอดขายตั๋วมาจากในสหรัฐฯ กลายเป็น หนังอินเดียที่ทำเงินในต่างประเทศสูงกว่าหนังอินเดียเรื่องใดๆ และ ยังไม่มีหนังจากชาติเดียวกันเรื่องใด ลบสถิติได้จนถึงปัจจุบัน

แต่ไหนแต่ไรมา อุตสาหกรรมหนังอินเดียอยู่ในมือผู้อำนวยการ สร้างที่มักควบหน้าที่ผู้กำกับที่ทรงอิทธิพลในอินเดียเพียงไม่กี่คน อย่างเช่น Yash Chopra ผู้มีญาติหรือไม่ก็มีสายสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งกับดาราซูเปอร์สตาร์ที่แสนเอาแต่ใจของอินเดีย "ตระกูลหนัง" เหล่านี้ ไม่เคยวางแผนงบประมาณล่วงหน้า และเริ่มถ่ายทำเมื่อมีเงินเพียงเล็กน้อย

ขั้นเตรียมงานก่อนการถ่ายทำใช้เวลาเพียง 20 นาที นักเขียน บทเขียนบทพูดขณะเดินทางมากองถ่าย ไม่มีตารางการถ่ายทำหรือการทำสัญญากับนักแสดง นักแสดงจะแสดงหรือจะหยุดแสดงเมื่อใดก็ได้ตามอำเภอใจ ส่วนผู้จัดจำหน่ายหนัง ซึ่งมีหลายร้อยราย และ เจ้าของโรงหนังอีกนับพันแห่ง มักรายงานรายได้จากการขายตั๋วต่ำกว่าจริง จึงยากที่จะระบุได้ว่า รายได้ที่แท้จริงตกอยู่ที่ใคร

Screwvala ชี้ว่า ไม่มีใครในอุตสาหกรรมหนังอินเดียที่คิดว่า การทำหนังเป็นเรื่องของกำไรขาดทุน แต่มองการทำหนังเป็นสิ่งที่สามารถทำเงินให้แก่พวกเขา ดังนั้น หากใครสร้างหนังขาดทุน 5 ล้าน แต่เนื่อง จากได้รับเงินล่วงหน้าสำหรับทำหนังเรื่องต่อไปมาแล้ว 5 ล้าน พวกเขาก็จะคิดว่าไม่ขาดทุน

แต่ UTV ของ Screwvala ทำในสิ่ง ที่ตรงข้ามกับผู้สร้างหนังทั้งหมดใน Bollywood โดย UTV จดทะเบียนในตลาดหุ้นมุมไบในปี 2005 และเป็นบริษัทหนังอินเดีย รายแรกๆ ที่เข้าตลาดหุ้น รวมทั้งริเริ่มนำวิธีการทันสมัยมาใช้ในธุรกิจ

สตูดิโอผลิตหนังของ UTV ใช้เวลานาน 2 ปีสำหรับขั้นเตรียมการถ่ายทำ คัดสรรบทและคัดเลือกนักแสดงอย่างพิถีพิถัน รวมไปถึงวางแผนงบประมาณและการจัดจำหน่ายอย่างเป็นระบบ UTV ยังเข้าควบคุม การตลาด และเพิ่มงบประมาณในการสร้าง หนังแต่ละเรื่องอีก 25% จากเดิมที่หนังอินเดียจะใช้งบประมาณสร้างเฉลี่ยอยู่ที่เพียง 150,000 ดอลลาร์เท่านั้น

หนังของ UTV ใช้เวลาถ่ายทำ 3 เดือน และบริหารงบประมาณได้ตามที่กำหนด UTV ปรับปรุงการจัดเก็บรายได้จาก ตลาดต่างประเทศ ด้วยการเลี่ยงขายสิทธิ์ การจัดจำหน่ายหนังของตนในต่างประเทศ และสร้างเครือข่ายจัดจำหน่ายหนังของตนขึ้น โดยตั้งสำนักงานในสหรัฐฯ แคนาดา อังกฤษ และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ขณะนี้ UTV กำลังเล็งตลาดในอีกกว่า 20 ประเทศ ซึ่งหนังอินเดียสามารถเจาะเข้าไปจับตลาดเฉพาะกลุ่มได้ เพื่อให้ตลาดเหล่านั้นมีส่วนในการสร้างผลกำไรให้บริษัทมากขึ้น

Screwvala กล่าวว่า เขาเขย่าวงการ หนังอินเดียเพราะความจำเป็น เนื่องจากเขาไม่ได้เกิดใน "ตระกูลหนัง" และเป็นคนนอก ไม่เคยเป็นญาติกับนักสร้างและผู้กำกับหนังที่ทรงอิทธิพลของอินเดีย หรือดาราซูเปอร์สตาร์

Screwvala เป็นบุตรชายของนักธุรกิจ เขาจบปริญญาตรีด้านธุรกิจจากมหาวิทยาลัยมุมไบ และไม่เคยสนใจธุรกิจหนังมาก่อน แต่หลังจากเรียนจบเขาได้เข้าสู่วงการโทรทัศน์ และกลายเป็นคนแรกที่ริเริ่มสถานีโทรทัศน์ที่มีหลายช่องในอินเดีย ในยุคที่อินเดียมีสถานีโทรทัศน์เพียงช่องเดียวและเป็นของรัฐบาล

ต่อมาบริษัทของเขาเป็นบริษัทแรกที่ผลิตละคร soap opera ฉายประจำทุกวันเรื่อง "Shanti" การจับมือกับ Disney ในปี 1996 เพื่อนำหนังในห้องสมุดของ Disney มาพากย์เป็นภาษาอินเดียในปี 1996 ทำให้ Screwvala เกิดความคิดอยากลองตั้งบริษัทสร้างหนัง อินเดียในสไตล์ตะวันตกดูบ้าง (ส่วน Disney ได้ลงทุนซื้อหุ้น 15% ใน UTV ด้วยเงิน 14 ล้านดอลลาร์ ในปี 2006)

ด้วยเงินทุนที่น้อยและไม่มีสายสัมพันธ์กับดาราซูเปอร์สตาร์ ของอินเดีย Screwvala จึงเริ่มเข้าสู่อุตสาหกรรมหนังอินเดีย โดยเริ่มจากขอบนอกสุด คือการเป็นผู้จัดจำหน่ายในปี 1996 เพียงปีเดียว ถัดจากนั้น Screwvala สร้างหนังโรมานซ์ทุนต่ำชื่อ "Dil Ke Jharoke Main" ("In the Windows of the Heart") ซึ่งกลายเป็นหนังฮิตอย่างไม่คาดฝัน สร้างความเชื่อมั่นให้แก่เขาเป็นอย่างมาก ในการร่วมงานกับดารารุ่นใหม่ ผู้กำกับและนักเขียนรุ่นใหม่ ที่พร้อมจะทดลองสิ่งใหม่ๆ ไปกับเขา

ต่อมา UTV เซ็นสัญญาร่วมสร้างหนัง 3 เรื่อง ด้วยงบประมาณ สร้างที่สูงและใช้ดาราเกรดเอ หนังทั้ง 3 เรื่องเลิกใช้พล็อตน้ำเน่าของ Bollywood และกลายเป็นรากฐานให้แก่หนังที่ประสบความสำเร็จอีกหลายเรื่องในเวลาต่อมาของ UTV ซึ่งรวมถึงหนังดังอย่าง "Rang de Basanti" อันเป็นเรื่องราวชีวิตวัยรุ่นในกรุงนิวเดลีที่สมจริง ความ สำเร็จของ Screwvala เข้าตา Hollywood และทำให้ UTV ได้ร่วมสร้างหนังกับ Overbrook Entertainment ของ Will Smith ดาราผิวหมึกชื่อดังของ Hollywood

ในที่สุด Screwvala ก็สามารถไต่เต้าขึ้นเป็นนักสร้างหนังที่ประสบความสำเร็จในด้านรายได้มากที่สุดเป็นอันดับสอง รองจาก บริษัทราชาหนังอย่าง Yash Raj ซึ่งยังคงสร้างหนังโรมานซ์ทุนสูงที่เต็มไปด้วยฉากร้องเพลงและเต้นรำอลังการ

ขณะนี้ Screwvala มีรายได้สูงกว่านักสร้างหนังรุ่นเก่าผู้ทรงอิทธิพลทั้งหลายที่มาจาก "ตระกูลหนัง" ในอินเดีย ซึ่งมาถึงตอนนี้ต่างพยายามเลียนแบบโมเดลธุรกิจที่ประสบความสำเร็จของ Screwvals กันอย่างจ้าละหวั่น

Screwvals พลิกโฉมวงการหนังอินเดีย Bollywood จากวงการที่เต็มไปด้วย ผู้สร้างหนังอิสระที่ควบตำแหน่งผู้กำกับ ซึ่ง สร้างหนังเพียง 1-2 เรื่องต่อปี ให้กลายเป็น สตูดิโอที่มีการผลิตหนังอย่างเป็นระบบ ขณะนี้ผู้กำกับหนังอินเดียฝีมือดีจำนวนมากต่างถูกดึงดูดเข้าสังกัดของสตูดิโอสร้างหนังยักษ์ ใหญ่ 3 ราย ซึ่งสร้างหนัง 8-10 เรื่องต่อปี นอกจากนี้ Bollywood กำลังจะมีสตูดิโอสร้างหนังรายใหญ่อีก 3 แห่ง ซึ่งต่างมีสายป่านยาว และมีแผนจะเริ่มสร้างหนังในปีหน้า

หลังจากที่เริ่มเข้าสู่ความเป็นระบบมากขึ้นแล้ว ความท้าทายขั้นต่อไปของ Bollywood คือ การขยายเข้าสู่ธุรกิจสื่อและบันเทิงที่ครอบคลุมมากกว่าหนัง คาดกันว่าธุรกิจสื่อและบันเทิงในอินเดียจะเติบโต ประมาณ 11,000-25,000 ล้านดอลลาร์ต่อปี

Screwvala เองก็กำลังสร้าง UTV ของเขาให้กลายเป็นสิ่งที่เขาเรียกว่า อาณา จักรสื่อและบันเทิง 360 องศา ขณะนี้เขามีธุรกิจที่ครอบคลุมทั้งการ์ตูน เกมและการผลิตรายการทีวี และเป็นเจ้าของช่องโทรทัศน์ 8-10 ช่อง แผนกการ์ตูนของ UTV สร้างหนัง การ์ตูน 4 เรื่อง สำหรับตลาดโลกในปีนี้และในปีนี้ UTV ยังซื้อบริษัทวิดีโอเกมของอังกฤษชื่อ Ignition Entertainment Ltd. ซึ่งกำลังจะออกเกมใหม่ Wardevil ให้แก่เครื่องเกม PS3 ของโซนี่ในปีหน้า UTV ยัง จับมือกับ Virgin Comics ของ Richard Branson สร้างการ์ตูนซูเปอร์ฮีโร่จากตัวละครในตำนานพื้นบ้านของอินเดีย

UTV มีหวังต้องเผชิญกับคู่แข่งมากมาย โดยบริษัทสื่อยักษ์ใหญ่ของอินเดียขณะนี้ต่างแข่งกันแสวงหานักลงทุนจากต่างประเทศและตลาดใหม่ๆ ในต่างประเทศ

Network

18 กลุ่มบริษัทบันเทิงยักษ์ใหญ่ของอินเดีย ซึ่งมีการตลาดที่แข็งแกร่งและได้รับการหนุนหลังจาก Viacom สื่อยักษ์ใหญ่ระดับโลก กำลังสร้างอาณาจักรสื่อและบันเทิง แข่งกับ UTV นอกจากจะมีบริษัทสร้างหนังที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว แล้ว Network 18 ยังเป็นผู้สร้างเนื้อหาบน Internet และรายการทีวีรายใหญ่ที่สุดรายหนึ่งของอินเดีย ด้วยการจับมือกับ NBC Universal และ Time Warner นอกเหนือจาก Viacom ทั้งยังครองความเป็นเจ้าทางด้านข่าวทีวีและอีกไม่นาน Network 18 คงจะเติบโตจนเปรียบ ได้กับ News Corp สื่อยักษ์ใหญ่ระดับโลก ในขณะที่ UTV เปรียบเหมือนกับ Warner Bros. แห่ง Hollywood

ส่วน Reliance ADAG หนึ่งในกลุ่มบริษัทรายใหญ่สุดของอินเดีย กำลังเข้าสู่ธุรกิจการออกอากาศผ่านดาวเทียม และเพิ่งเปิดตัวสถานีวิทยุ 45 แห่ง รวมทั้งเปิดบริษัทสร้างหนังแห่งที่สองที่มีชื่อว่า Big Motion Pictures

ไม่ว่า Bollywood จะคึกคักสักปานใดในยามนี้ แต่คงยากที่เราจะได้เห็นบริษัทภาพยนตร์ของอินเดียสามารถผงาดขึ้นครองตลาด โลกได้อย่างกว้างขวาง เหมือนที่ Hollywood ทำได้ Hollywood นั้น ให้ความสำคัญกับตลาดโลกมายาวนานหลายทศวรรษแล้ว และขณะนี้ รายได้กว่า 60% ของ Hollywood มาจากตลาดนอกสหรัฐฯ

อย่างไรก็ตาม Pricewaterhouse Coopers ชี้ว่า ยอดขายตั๋ว ของหนังอินเดียเติบโตเร็วที่สุดในตลาดนอกอินเดียเช่นเดียวกับ Hollywood ขณะเดียวกัน Bollywood ดูเหมือนจะเตรียมพัฒนาตัวเองเป็น นักการเงินหรือนักการตลาดระดับโลก โดยเป็นผู้จัดจำหน่ายหนังที่ไม่เลือกว่าจะผลิตจากในหรือนอกอินเดีย ขณะที่บริษัทหนังของอินเดีย ซึ่งรวมถึง UTV ของ Screwvala ก็กำลังขยายตัวเป็นบริษัทสื่อและบันเทิงครบวงจรอย่างรวดเร็ว และยังมีบริษัทรายใหม่ๆ ที่กำลังจะเกิด ขึ้นตามมา อาจจะเป็นเวลาอีกไม่นานนัก ที่เราอาจจะได้เห็นชื่อของบริษัทสื่อยักษ์ใหญ่ของอินเดีย กลายเป็นชื่อที่ติดปากคนทั่วไป ไม่ว่าจะในหรือนอกอินเดีย


เสาวนีย์ พิสิฐานุสรณ์ แปลและเรียบเรียง
นิวสวีค 10 กันยายน 2550   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us