|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
นายบุญกิต จิตรงามปลั่ง ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับ เปิดเผยกับ “ผู้จัดการรายวัน” ว่า อุตสาหกรรมการส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับของไทยในช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้มีอัตราการเติบโตเพียง 1% เท่านั้นและคาดว่าตลอดทั้งปีนี้การส่งออกจะเติบโตไม่เกิน 10% แน่นอน ทั้งนี้เป็นเพราะตลาดอัญมณีได้รับผลกระทบจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น ส่งผลให้ยอดขายลดลง 10%
อย่างไรก็ตามแม้ว่าค่าเงินบาทจะอ่อนลง แต่ภาพรวมของธุรกิจส่งออกยังค่อนข้างอันตราย เนื่องจากเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาค่อนข้างประสบปัญหา อีกทั้งยังมีปัจจัยลบภายในประเทศ จากภาวะเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศที่ชะลอตัวลง พฤติกรรมของคนไทยมีความระมัดระวังในการจับจ่ายใช้สอย
นายคงเดช โอฬารรติ กรรมการผู้จัดการบริษัท ยูบิลลี่ เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจจำหน่ายเพชรและเครื่องประดับเพชร ภายใต้ชื่อ “เพชรยูบิลลี่” เปิดเผยกับ “ผู้จัดการรายวัน” ว่า ภาพรวมตลาดอัญมณีและเครื่องประดับในปีนี้คาดว่าจะหดตัวลง 10-15% เนื่องจากได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศที่หดตัวลง ซึ่งเป็นสภาพเดียวที่เกิดขึ้นกับช่วงวิกฤตเศรษฐกิจเมื่อปี 2540 แต่ปีนี้สภาพตลาดค่อยๆ ซึมมากกว่า ทั้งนี้พบว่ากลุ่มอัญมณีและเครื่องประดับที่ได้รับผลกระทบ คือ สินค้าระดับราคา 2 หมื่นบาท เพราะมีกลุ่มเป้าหมายวัยทำงาน ส่วนสินค้าราคาระดับ 5 หมื่นบาทกระทั่งถึงแสนบาทไม่ได้รับผลกระทบเท่าใด
ขณะเดียวกันด้านการส่งออก ขณะนี้ประเทศไทยมีคู่แข่งสำคัญอย่างจีนและอินเดีย โดยเฉพาะอินเดียซึ่งก่อนหน้านี้เน้นแต่การส่งออกวัตถุดิบ แต่ล่าสุดหันมาผลิตอัญมณีและเครื่องประดับส่งออก ส่วนฮ่องกงก็เริ่มมาจับธุรกิจประเภทนี้เช่นกัน ทำให้ประเทศไทยเริ่มมีคู่แข่งที่น่ากลัวหลายราย
สำหรับแผนการตลาดในช่วง 4 เดือนที่เหลือ บริษัทฯจะเน้นการทำตลาดเต็มที่โดยชูคอนเซ็ปต์การขายแหวนสองวงในราคาเดียว โดยจากราคาปกติ 70,000 บาท เป็น 39,800 บาท เพื่อกระตุ้นยอดขายในช่วงโค้งสุดท้าย ซึ่งทั้งปีบริษัทฯตั้งเป้ามีอัตราการเติบโตด้านยอดขาย 20% สำหรับผลประกอบการในช่วง 7 เดือนที่ผ่านมานี้ บริษัทฯมีการเติบโต 5% ต่ำกว่าเป้าหมายที่วางไว้ เมื่อเทียบปีที่ผ่านมาเติบโต 20%
“ปลายปีนี้คาดว่าตลาดอัญมณีและเครื่องประดับจะมีความคึกคักมากขึ้น เพราะมีปัจจัยบวกจากการเลือกตั้ง มีเงินสะพัดผ่านเข้ามาในระบบ ประกอบกับเป็นช่วงไฮซีซันหรือเทศกาลเฉลิมฉลองส่งท้ายปลายปีคาดว่าคนไทยคงจะออกมาจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น” นายคงเดชกล่าว
|
|
|
|
|