|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กรุงศรีอยุธยา จำกัด ต้องเจอมรสุมระลอกใหญ่ หลังจากที่ผู้บริหารระดับสูงรวม 3 คน ได้ประกาศลาออกไปเมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2550 ที่ผ่านมา ประกอบด้วย ม.ร.ว.ศศิพฤนท์ จันทรทัต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร นายพรทัต อมตวิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการสายงานวาณิชธนกิจ และนายธนา บุบผาวณิชย์ กรรมการผู้จัดการ สายธุรกิจสถาบัน
ประเด็นดังกล่าว ได้สร้างความสงสัยและความน่าเป็นห่วงต่อการดำเนินงานของบล.กรุงศรีฯไม่น้อย เนื่องจากผู้บริหารทั้ง 3 ราย ถือได้ว่าเป็นกุญแจสำคัญทั้งในเรื่องส่วนแบ่งการตลาด (มาร์เกตแชร์) ด้านนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์และงานด้านวาณิชธนกิจที่เกิดขึ้น
พลันเวลาผ่านมากว่า 2 เดือน ภาพความสงสัยต่อนโยบายในการบริหารงาน ที่อาจจะมีทั้งสานต่อหรือปรับเปลี่ยนให้เข้ายุคเข้าสมัยก็ยังไม่เกิดขึ้น แม้ว่านายอมรศักดิ์ นพรัมภา จะยังดำรงตำแหน่งเป็นประธานกรรมการบริษัทเพื่อดูแลนโยบาย ขณะเดียวกันได้มีการแต่งตั้งนายมงคล กิตติภูมิวงศ์ เข้ามาเป็นรักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร แต่นโยบายที่ชัดเจนในสภาวะการแข่งขันที่บริษัทหลักทรัพย์จำนวนมากต่างเร่งสร้างความแตกต่าง สร้างศักยภาพรองรับการเปิดเสรีค่าธรรมเนียมการซื้อขายหลักทรัพย์ที่จะเกิดขึ้นกลับยังไม่มีความชัดเจน
แหล่งข่าวจากผู้บริหารบริษัทหลักทรัพย์ กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ถือว่าไม่ปกติเหมือนกันที่องค์กรขนาดใหญ่อย่าง บล.กรุงศรีอยุธยาจะไม่มีการแสดงจุดยืนที่ชัดเจนหลังปรากฎข่าว การเปลี่ยนแปลงในส่วนของผู้บริหารระดับสูงถึง 3 รายในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมารวมถึงความไม่ชัดเจนนโยบายในการดำเนินงานว่าจะเป็นอย่างไร
ทั้งนี้ ความไม่ชัดเจนโดยเฉพาะในเรื่องนโยบาย อาจจะสะท้อนได้ถึงความไม่มั่นใจต่อความมั่นคงของพนักงานบริษัท เพราะนอกเหนือจากงานที่ลดลงแล้ว พนักงานยังไม่มั่นใจต่อนโยบายของผู้บริหารที่จะเข้ามาใหม่ว่าจะเดินนโยบายในรูปแบบใด
"ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่า เกิดอะไรขึ้นกับบล.กรุงศรีอยุธยา จะเป็นว่าแบงก์แม่เขาไม่สนใจก็ไม่น่าจะใช่ จะเป็นว่าเขากำลังหาพันธมิตรเข้ามาร่วมธุรกิจก็ไม่แน่ แต่ถ้าเขายังอยู่นิ่งๆเหมือนที่เป็นอยู่ในตอนนี้แม้ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงภายในบ้าง ผมว่าไม่ใช่เรื่องที่ดีของบริษัทแน่ ๆ"แหล่งข่าวกล่าว
นอกจากนี้ มีกระแสข่าวลือที่เริ่มแพร่ในกลุ่มพนักงานของบริษัทว่า ขณะนี้บริษัทแม่ คือ ธนาคารกรุงศรีอยุธยาอยู่ระหว่างการประเมินผลงานของบล.กรุงศรีฯ ซึ่งหากผลการดำเนินงานไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่กลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ในขณะคือ กลุ่ม GE CAPITAL INTERNATIONAL HOLDING CORPORATION มีความเป็นไปได้ที่ GE CAPITAL อาจจะตัดขายหรือยอมที่จะให้งบล.กรุงศรีอยุธยาไปควบรวมกับบริษัทหลักทรัพย์รายอื่น
อย่างไรก็ตาม กระแสข่าวดังกล่าวในช่วงที่ผ่านมา อาจจะถูกกลบด้วยความพยายามลบกระแสด้วยข่าวการจับมือแบงก์กรุงศรีฯ ในเรื่องการแนะนำลูกค้าเพื่อสร้างลูกค้าใหม่ โดยหวังว่าจะทำให้บล.กรุงศรีอยุธยาก้าวขึ้นมาติดอันดับ 1 ใน 3 ของบริษัทหลักทรัพย์ที่ดีที่สุดในตลาดหุ้นไทย
สำหรับผลการดำเนินงานของบล.กรุงศรีอยุธยาในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาจากการรวบรวมข้อมูลส่วนแบ่งการตลาด (มาร์เกตแชร์) พบว่า มาร์เกตแชร์เฉลี่ยเดือนก.ค. อยู่ที่ 3.37% ขณะที่ในช่วงวันที่ 3 ก.ย. - 27 ก.ย. เฉลี่ยอยู่ที่ 4.65% ซึ่งปรับเพิ่มขึ้นค่าเฉลี่ย 6 เดือนซึ่งอยู่ที่ 2.81% โดยแหล่งข่าวกล่าวว่าสาเหตุที่มาร์เกตแชร์ของบล.กรุงศรีฯปรับตัวเพิ่มขึ้นเนื่องจากกลุ่มซิตี้กรุ๊ป ซึ่งเป็นนักลงทุนสถาบันจากต่างประเทศ ที่เคยส่งคำสั่งการซื้อขายหลักทรัพย์ผ่านบริษัทหลักทรัพย์ที่ติดอันดับท๊อป 5 ของตลาดหุ้นไทยในตอนนี้มีการปรับเปลี่ยนคำสั่งการซื้อขายหลักทรัพย์โดยเริ่มมีการส่งออเดอร์ผ่านบล.กรุงศรีฯมากขึ้น
ทั้งนี้ ในช่วงที่ผ่านมากระแสข่าวที่เกิดขึ้นภายในองค์กร หลังการย้ายออกของผู้บริหารระดับสูงทั้ง 3 รายแล้วโครงสร้างผู้บริหารในระดับต่างๆก็เริ่มมีการปรับเปลี่ยน โยกย้ายฝ่าย ย้ายหน่วยจนทำให้พนักงานกลุ่มหนึ่งเริ่มมีความไม่สบายใจกับโครงสร้างของบริษัทในปัจจุบัน และเริ่มมีข่าวลือออกมาว่าอาจจะมีการลาออกของพนักงานกลุ่มใหญ่อีกครั้งเร็วๆ นี้
|
|
|
|
|