Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน28 กันยายน 2550
TOPฟุ้งปี51โกยกำไรเละ             
 


   
www resources

โฮมเพจ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน)

   
search resources

ไทยออยล์, บมจ.
วิโรจน์ มาวิจักขณ์
Oil and gas




ไทยออยล์ฟุ้งปี 51 โกยกำไรถล่มทลายนับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท เนื่องจากมีกำลังการกลั่นเพิ่มเป็น 2.75 แสนบาร์เรล/วันและอะโรเมติกส์รวม 9 แสนตัน/ปี ย้ำการปิดหน่วยกลั่นCDU 3 นาน2 เดือนส่งผลให้กำลังการผลิตหาย 30%ต่ำกว่าแผนเดิมที่ตั้งไว้ เผยในอนาคตเตรียมลงทุนสร้างมูลค่าเพิ่มอะโรเมติกส์ ย้ำยื่นประมูลไอพีพีแน่อย่างน้อย 800เมกะวัตต์ มั่นใจชนะประมูล

นายวิโรจน์ มาวิจักขณ์ กรรมการอำนวยการ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP เปิดเผย บริษัทฯวางแผนปิดซ่อมบำรุงหน่วยกลั่น 3 (CDU3) ที่มีกำลังการผลิต 1.15 แสนบาร์เรล/วัน เพื่อเชื่อมต่อท่อส่งน้ำมันต่างๆของส่วนเดิมและส่วนขยายกำลังการกลั่นอีก 5 หมื่นบาร์เรล/วัน ระหว่างในวันที่6 ต.ค.-10 ธ.ค.นี้ จากการปิดซ่อมบำรุงดังกล่าวทำให้ไทยออยล์มีกำลังการผลิตหายไป 30%ของกำลังการผลิตรวม ต่ำกว่าประมาณการเดิมที่เคยคาดไว้ว่าจะมีกำลังการผลิตหายไป 50%

โดยไทยออยล์จะนำเข้ามิกซ์ไซลีนมาใช้ในการผลิตพาราไซลีนในช่วงที่หน่วยกลั่นCDU 3 ปิดซ่อมบำรุงไปทำให้ส่วนผลิตมิกซ์ไซลีนของบริษัทต้องหยุดไปด้วย ซึ่งก่อนหน้านี้ ไทยออยล์เคยวางแผนที่จะหยุดซ่อมบำรุงหน่วยกลั่นดังกล่าวและหน่วยผลิตพาราไซลีน แต่เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาด้านแรงงานของผู้รับเหมาจึงได้ตัดสินใจเลื่อนการหยุดซ่อมหน่วยผลิตพาราไซลีนเพื่อขยายกำลังการผลิตเพิ่มอีกเท่าตัวออกไปเป็นวันที่ 11 ม.ค.-15 มี.ค. 2551 แทน

" การหยุดซ่อมบำรุงCDU3 นี้เป็นไปตามแผนงานที่ไทยออยล์วางไว้ล่วงหน้าอยู่แล้ว โดยบริษัทฯได้มีการสต็อกดีเซลไว้ 100 ล้านลิตร น้ำมันอากาศยาน 40 ล้านลิตรและน้ำมันเตาไว้ในช่วงที่หยุด จึงไม่ส่งผลให้เกิดปัญหาขาดแคลนน้ำมันหรือราคาสูงด้วย "

ดังนั้นในปี 2551 ไทยออยล์จะมีกำลังการกลั่นเพิ่มขึ้นเป็น 2.75 แสนบาร์เรล/วัน และอะโรเมติกส์เพิ่มขึ้นจาก 4.22 แสนตันเป็น 9 แสนตัน/ปี ส่งผลให้ไทยออยล์มีกำไรมากขึ้นเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทฯมา หากราคาน้ำมันดิบและผลิตภัณฑ์อะโรเมติกส์ใกล้เคียงปีนี้ โดยปีนี้ บริษัทฯคาดว่าจะมีกำไรสูงกว่าเป้าหมายที่เคยตั้งเป้าไว้เดิม 1.3 หมื่นล้านบาทเนื่องจากค่าการกลั่นในครึ่งแรกของปี 2550 สูงถึง 9.60 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล และคาดว่าค่าการกลั่นเฉลี่ยปีนี้จะไม่ต่ำกว่าปีที่แล้วที่ 6 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ส่วนสาเหตุหยุดปิดซ่อมบำรุงในช่วงไตรมาส 4 เนื่องจากเป็นช่วงที่ค่าการกลั่นต่ำสุดในรอบปี โดยไตรมาส 4 /2549 ไทยออยล์มีค่าการกลั่นเฉลี่ยเพียง 0.7 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ดังนั้นการหยุดซ่อมบำรุงครั้งนี้จึงไม่ส่งผลกระทบต่อไทยออยล์มากนัก

" หลังจากไทยออยล์มีกำลังการกลั่นเพิ่มขึ้นเป็น 2.75 แสนบาร์เรล/วัน จะมีรายได้จากค่าการกลั่นเพิ่มขึ้น 23% และเมื่อรวมรายได้จากการกำลังการผลิตอะโรเมติกส์ที่เพิ่มขึ้นเท่าตัว ทำให้ปี 2551 บริษัทฯมีรายได้เพิ่มขึ้น 35%จากรายได้รวมปี 2550 "

นายวิโรจน์ กล่าวต่อไปว่า ขณะนี้ บริษัทฯยังศึกษาความเป็นไปได้ในการเพิ่มมูลค่าของผลิตภัณฑ์อะโรเมติกส์ เช่น นำโทลูอีนมาผลิตพาราไซลีน เป็นต้น รวมทั้ง กลุ่มปตท.อยู่ระหว่างการพิจารณาว่าจะนำน้ำมันเตาที่ผลิตได้จากทุกโรงกลั่นในเครือฯมากลั่นเป็นน้ำมันใส หรือมาสร้างมูลค่าเพิ่มร่วมกันจากที่ปัจจุบันน้ำมันเตามีราคาต่ำกว่าน้ำมันดิบมาก และไทยต้องส่งออกน้ำมันเตาถึงเดือนละ 150 ล้านลิตร

ส่วนการยื่นประมูลโครงการผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนรายใหญ่ (ไอพีพี)ว่า ขณะนี้ไทยออยล์อยู่ระหว่างการพิจารณาว่าจะยื่นประมูลไอพีพี 1-2 โรงๆละ 800 เมกะวัตต์ โดยเชื่อมั่นว่าไทยออยล์จะชนะการประมูลอย่างน้อย 1 โรง เนื่องจากไม่ต้องลงทุนสายส่งไฟฟ้าเพิ่มเติม และมีระบบสาธารณูปโภคอยู่แล้ว

ด้านโครงการผลิตเอทานอลขนาด 2 แสนตัน/ปีนั้น บริษัทฯจะชะลอการลงทุนออกไปก่อน เพื่อรอดูนโยบายของภาครัฐว่าจะสนับสนุนให้มีการส่งออกหรือไม่ หลังจากช่วงนี้มีปัญหาเอทานอลล้นตลาด

นายวิโรจน์ กล่าวต่อไปว่า ในปีนี้บริษัทฯจะไม่มีแผนออกหุ้นกู้เพื่อใช้ในการลงทุนโครงการต่างๆ เนื่องจากบริษัทฯมีกระแสเงินสดจากการดำเนินงานมาใช้ลงทุนเพียงพอ และที่ผ่านมาไทยออยล์ได้มีการทยอยลงทุนล่วงหน้าแล้ว   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us