ในช่วงประวัติศาสตร์ของอเมริกายุคสมัยใหม่ มรสุมเศรษฐกิจปี 1992 ดูเหมือนจะรุนแรงเอามาก
บริษัทยักษ์ใหญ่หลายบริษัท ไม่ว่าจะเป็นแพนแอม, เจนเนอร์รัลมอเตอร์ ฯลฯ มีข่าวปรากฎตามหน้าหนังสือพิมพ์ทุกวันว่า
LAY OFF (ไล่ออกคน) งานจำนวนมาก
บางธุรกิจต้องยุบตัวเองไปเลยก็มี ยังไม่ต้องพูดถึงธุรกิจห้างร้านขนาดเล็กร้านอาหาร
ภัตตาคาร ก็ต้องพลอยรับสภาพย่ำแย่ทางเศรษฐกิจในขณะนี้ไปด้วย
CHEF ซึ่งเป็นหัวหน้ากุ๊กต้องลดตัวเองลงมาล้างจาน ไม่เช่นนั้นตกงานแน่นอน
คนที่ทำงานในโรงงานรอบเวลากลางวันบริษัทก็บีบให้มาทำรอบกลางคืนเพื่อให้พนักงานลาออก
ด้วยสภาพเช่นนี้ปรากฏว่าทำเอาสมาชิกในอพาร์ตเมนต์หัวใจวายตายไปสองคนหมอลงความเห็นว่า
"หัวใจวาย" แต่สอบถามจากเพื่อนข้างห้องซึ่งเป็นชาวโคลัมเบีย เขาบอกว่าเปลี่ยนงานมาทำรอบดึกสภาพร่างกายปรับตัวไม่ทัน
NO JOB, NO WORK เป็นคำทักทายของบรรดาแรงงานชั้นต่ำของชาวอเมริกาใต้ที่ไหลเข้ามาทำงานในนิวยอร์กคนพวกนี้ส่วนใหญ่มาจากโคลัมเบีย,
โดมินิกัน, เม็กซิโก จัดเป็นละตินที่พูดภาษาสเปน คล้าย ๆ แรงงานอีสานบ้านเรา
เมื่อไม่มีงาน, ไม่มีเงิน ร้านค้า ร้านอาหาร ร้านซักรีดดูเหมือนจะลดความคึกคักลงไปคนที่แวะมาส่วนใหญ่จะถือกระดาษหนึ่งแผ่นเขียนคุณสมบัติ,
ความสามารถของตัวเองพร้อมติดไว้ตามร้านซักรีด, ร้านขายของชำ
มีนามบัตรของอเมริกันชนนายหนึ่งชื่อ PAUL'S เดินแจกไปทั่ว JACKSON HEIGHTS
เดินประกาศไปตามร้านค้าไปทั่วว่า PLEASE GIVE ME SOME JOB ให้งานทำกับฉันบ้างเถิดทำได้ทุกอย่าง
ไม่มีงานอะไรทำไม่ได้ ชีวิตของนาย PAUL'S คนนี้ดูจะสะท้อนชีวิตภาวะเศรษฐกิจอเมริกันยามนี้ได้ดี
สภาพที่ต้องดิ้นรนเพื่อให้มีงานทำ เพราะต้องอาศัยอาหารมากิน ค่าน้ำ ค่าไฟ
ค่าแก๊ส ค่าโทรศัพท์ ค่าอะไรอีกมากมายในสังคมทันสมัย ทำให้ชีวิตหยุดไม่ได้เสียแล้ว
ตกงานนั้นหมายถึงชีวิตต้องโดนกระหน่ำด้วยเงื่อนไขเหล่านี้แน่นอน คนในนิวยอร์กยามนี้ดูเหมือนจะดิ้นรนทุกวิถีทางเพื่อหางานและเงิน
มีชาวอินเดียซึ่งมาอยู่นิวยอร์ก 15 ปี แล้วจูงภรรยาเดินออกจากบ้านไปติดป้ายโฆษณา
เพื่อรับเลี้ยงเด็ก ไม่มีแม้กระทั่งเงินที่จะพิมพ์โฆษณาขายแรงงานของตัวเองเลยเอากระดาษมาเขียนเองแล้วมีหมายเลขโทรศัพท์ฉีกเป็นริ้ว
ๆ หากใครต้องการติดต่อกลับมา
สิ่งเหล่านี้ดูเหมือนจะสะท้อนการดิ้นรนเพื่อให้มีชีวิตอยู่ มีขนมปังกิน
มีไส้กรอกให้ลูกกินไปโรงเรียนได้สะใจมาก ๆ
ตกงาน, ไม่มีงาน, ไม่มีเงิน อาชญากรรมเพิ่มขึ้นแน่นอนยิ่งนิวยอร์กแล้วไม่ต้องพูดถึงติดอันดับโลกอยู่แล้ว
ปล้นชิงวิ่งราวท่ามกลางฝูงชนที่วิ่งบนถนนแมฮัตตันเลย เอากับมันซิ !
รถยนต์ที่นั่งส่วนบุคคลที่จอดอยู่ตามถนน ต้องเขียนป้ายติดไว้ข้างรถเลยว่า
NO RADIO ต้องบอกให้โจรพันธุ์นิวยอร์กรู้ว่ารถคันนี้ไม่มีวิทยุ ไม่ต้องมางัด
บางรายยิ่งกว่านั้นเขียนบอกโจรที่จะมางัดแงะเสียสุภาพเลยว่า NO RADIO PLEASE!
เอากับมันซิ
คนอเมริกันตอนนี้ดูเหมือนจะพุ่งเป้าไปที่ทีมงานของบุช ที่แก้ปัญหาภาวะเศรษฐกิจในช่วงนี้ไม่ได้
บ้านตัวเองแท้ ๆ ยังมีคนอดอาหาร, มีคนไร้บ้าน มีขอทาน (HOMELESS) บนรถไฟขบวนหนึ่งไม่ต่ำกว่า
10 คน
แต่ในมุมกลับกันข่าวตามทีวีที่ออกมามีเรื่องที่อเมริกาขนอาหารเต็มลำเรือส่งไปช่วยเหลือรัสเซีย
เห็นทีโรมันล่มสลายคราวนี้เป็นแน่! อเมริกันยอมไม่ได้กับการไม่รักษาหน้าตาในเวทีการเมืองระหว่างประเทศ
แต่อย่าให้ดูภายในประเทศเลยภาพการ์ตูนล้อเลียนที่ปรากฎในหนังสือพิมพ์ในนิวยอร์กรอบเช้าของวันที่
10 ก.พ. 1992
เขียนล้อเลียนว่า "เป็นไงวันนี้ท่านยังสบายดีอยู่หรือ"
เกิดอะไรขึ้นกับอเมริกาหรือในขณะนี้ ? สองสามวันก่อนบุชไปญี่ปุ่นโดนคนญี่ปุ่นด่ากลับมาเสียหมดศักดิ์ศรีเลย
หาว่า "คนอเมริกันขี้เกียจ ทำงานน้อย แต่อยากได้เงินมาก" หมดกันศักดิ์ศรีของมหาอำนาจอันยิ่งใหญ่ผู้กรำศึกมาจากทะเลทรายตะวันออกกลาง
เซลส์แมน ขายรถของอเมริกันที่ติดตามบุชไปโดยหวังว่าจะตีตลาดรถอเมริกันในญี่ปุ่น
กลับบ้านมือเปล่า ขายไม่ออกสักคัน เอารถไปขายให้เขา แล้วดันไม่เปลี่ยนพวงมาลัยให้เขาด้วย
เฮ่อ! ไม่รู้จะพูดอย่างไรดี OH MY GOD! GOD SAFE AMERICA!
บุชขายรถไม่ออก กลับจากญี่ปุ่น แถมเสียหน้าเสียมวยมาอีก กลับมาบ้านบริษัทใหญ่
ๆ ในอเมริกา รวมตัวกันเลยสนับสนุนให้คนอเมริกันหันมาใช้แต่รถของอเมริกาโดยลดภาษีให้,
ให้สินเชื่อระยะยาว, คนงานของบริษัทคนไหนต้องการซื้อรถอเมริกาบริษัทจะให้กู้เงินระยะยาว
คราวนี้ก็หันมาปลุกเลือดชาตินิยมเข้าแล้วเพราะหมดทุกวิถีทางแล้วก็จะแก้ปัญหา
เดินฝ่าหนาวผ่านถนนผ่านแมนฮัตตัน แหงนหน้าขึ้นมองตึกสูง ๆ หวังจะชื่นชมกับสถาปัตยกรรมของยุโรปพันธ์อเมริกา
มองแล้วมองอีกด้วยความไม่แน่ใจนัก นึกว่าเดินอยู่ในโตเกียวหรือไม่ก็กรุงโซลเพราะแทนที่จะเขียนภาษาอังกฤษกำกับชื่อตึก
แต่กลายเป็นว่าตัวหนังสือญี่ปุ่นตัวอักษรเกาหลีถูกเขียนกำกับไว้แทน สำเนียงพูดภาษาอังกฤษย่านแมนฮัตตันก็เริ่มเปลี่ยนสำเนียงแปร่ง
ๆ
อาโน กูดมอนิ่ง, ฮาวอายูโด, เท้งคิวเด
เดินขึ้นรถไฟใต้ดินจะกลับมาบ้านฝั่งควีนส์ นึกภูมิใจอยู่ตลอด "ไม่มีขอทานในนิวยอร์กที่เป็นคนเอเชียเเลยครับ"