|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
นายกมล เอี้ยวศิวิกูล ประธานกรรมการบริษัท ไมด้า แอสเซ็ท จำกัด (มหาชน) หรือ MIDA เปิดเผยถึง การออกเปิดเผยข้อมูลของนางสุธาสินี เสตะพันธุ ว่า รายละเอียดในสัญญาการร่วมทำธุรกิจของบมจ.ไมด้า แอสเซ็ท และบริษัท สมุย เพนนินซูลา จำกัด เป็นสัญญาจริงตามที่มีการแจ้งให้ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยที่ผ่านมาตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้สั่งให้บริษัทมีการชี้แจงถึงปัญหาที่เกิดขึ้น ซึ่งบริษัทได้ดำเนินการในเรื่องดังกล่าวเพื่อความถูกต้อง
ทั้งนี้ บริษัทมีเอกสารที่พร้อมจะให้มีการพิสูจน์อย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นการตรวจสอบของตลาดหลักทรัพย์ฯ และพร้อมเปิดโอกาสให้นางสุธาสินีเข้ามาตรวจสอบเอกสารได้ แต่โดยส่วนตัวไม่เข้าใจเหตุผลว่า ทำไมตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมานางสุธาสินีไม่เคยมีการติดต่อเข้ามาที่บริษัท เพื่อจะขอตรวจสอบในรายละเอียดเรื่องดังกล่าว กลับส่งเอกสารไปยังผู้สื่อข่าวแทนจนทำให้บริษัทได้รับผลกระทบจากเรื่องที่เกิดขึ้น
สำหรับสัญญาร่วมทุนในการดำเนินธุรกิจระหว่างบมจ.ไมด้า แอสเซ็ท กับโครงการต่างๆ กับนางสุธาสินีเป็นสัญญาในลักษณะเดียวกันทั้งหมด โดยกำหนดให้นางสุธาสินีต้องรับผิดชอบในภาระหนี้ที่เกิดขึ้นก่อนวันที่มีการทำสัญญา
"ไม่เข้าใจว่า ทำไมเขาไม่ยอมคุยกับเราก่อน ต้องส่งเอกสารไปให้ผู้สื่อข่าวอย่างเดียว ผมพร้อมเจรจา และมีสัญญาที่ชัดเจนที่จะสามารถตอบได้ทุกเรื่อง การทำแบบนี้ส่งผลกระทบต่อบริษัทอย่างชัดเจน "นายกมลกล่าว
ประธานกรรมการบมจ. ไมด้า แอสเซ็ท กล่าวอีกว่า สิ่งที่เกิดขึ้นครั้งนี้ ถือเป็นประสบการณ์ที่จะทำให้ในการร่วมทุนหรือทำธุรกิจอื่นๆ หลังจากนี้บริษัทต้องมีความระมัดระวังให้มากขึ้น เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาจนทำให้ภาพลักษณ์ของบริษัทเสียหาย โดยสิ่งที่ต้องสนใจให้มากขึ้นคือผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นแก่ผู้ถือหุ้นของบริษัท
ด้านนางสุธาสินี เสตะพันธุ ผู้ถือหุ้นบริษัท สมุย เพนนินซูลา จำกัด ได้ส่งเอกสารผ่านสื่อมวลชนโดยระบุว่า ได้แจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีต่อบมจ.ไมด้า แอสเซ็ท โดย
นายกมล เอี้ยวศิวิกูล กรรมการผู้จัดการกับบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้อง ในความผิดฐานปลอมและใช้เอกสารปลอม และดำเนินคดีต่อนางสาวนิภาพร มั่นหมาย กับบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องในความผิดฐานลักทรัพย์
นอกจากนี้ นางสุธาสินี ได้อ้างว่า ได้ทำการตรวจสอบไปยังผู้ตรวจสอบบัญชีของบมจ.ไมด้าฯ พบว่ามีเอกสารสัญญากู้เงิน ฉบับลงวันที่ 28 มิ.ย.ที่ผ่านมา โดยเมื่อได้มีการตรวจสอบสำเนาเอกสารพบว่า เป็นสัญญาที่ทำปลอมขึ้นทั้งฉบับ และได้มีการปลอมลายมือชื่อตนเองในสัญญาด้วย
ทั้งนี้ ในสัญญายังระบุว่าได้นำหุ้นในบริษัทสมุย เพนนินซูลา จำนวน 1.28 ล้านหุ้น มาจดทะเบียนจำนำเป็นประกันต่อบมจ.ไมด้าฯ หากนางสุธาสินีผิดนัดไม่ชำระหนี้เงินกู้ตามสัญญาเงินกู้ ยินยอมให้นำใบหุ้นดังกล่าวขายทอดตลาดเพื่อชำระหนี้ดังกล่าว โดยสัญญาดังกล่าวมีนางสาวนิภาพร มั่นหมาย ผู้อำนวยการฝ่ายการเงินและบัญชีของบริษัท สมุย แพนนินซูลา เป็นผู้รักษา
อย่างไรก็ตาม จากสัญญาดังกล่าวทำให้นางสุธาสินีได้รับความเสียหาย เนื่องจากต้องรับภาระหนี้จำนวน 256,242,469 บาท และจะทำให้หุ้นของตนเองต้องถูกลักเอาไปถูกขายทอดตลาดตามที่ระบุในสัญญา
อนึ่ง ก่อนหน้านี้นางสาวรุ่งระวี เอี่ยมพงษ์ไพฑูรย์ กรรมการผู้มีอำนาจรายงานสารสนเทศ บมจ.ไมด้า แอสเซ็ท ได้ชี้แจงต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่า รายการให้กู้ยืมเงินจำนวน 256.2 ล้านบาท ของบริษัทสมุย แก่นางสุธาสินี เสตะพันธุ กรรมการของบริษัท สมุย เพนนินซูลา จำกัด (บริษัทสมุย) ตามที่ บริษัทฯได้ร่วมลงทุนในบริษัทสมุย เมื่อวันที่ 19 ธ.ค. 2549 ซึ่งตามเงื่อนไขที่ระบุไว้ในสัญญาร่วมทุน หากปรากฏว่าบริษัทสมุย มีหนี้สินที่ไม่ได้ระบุไว้ในงบการเงินชุดที่นำมาแสดงต่อ MIDA ณ วันทำสัญญา หนี้สินหรือภาระที่เกิดขึ้นก่อน MIDA เข้าไปลงทุนให้ถือเป็นความรับผิดชอบของผู้ถือหุ้นเดิมคือ นางสุธาสินี เสตะพันธุ
ต่อมาปรากฏว่า บริษัทสมุยมีหนี้สินค้างชำระค่าก่อสร้างเก่า ซึ่งหากไม่ชำระจะส่งผลเสียหายต่อบริษัทสมุย คณะกรรมการบริษัทสมุย จึงได้อนุมัติให้ มีการกู้เงินดังกล่าวเพื่อไปชำระหนี้ และมีการค้ำประกันเงินกู้ โดยการนําหุ้นในบริษัทสมุย ของนางสุธาสินี เสตะพันธุ จำนวน 1,280,000 หุ้น ซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 22.10 % ของหุ้นทั้งหมดของบริษัทสมุยฯ มาจำนำไว้เป็นหลักประกันต่อบริษัทนั้น
ทั้งนี้ บริษัทขอยืนยันว่า ข้อมูลที่ทาง MIDA แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ เมื่อวันที่ 13 กันยายน 2550 เป็นความจริง ทั้งนี้ทาง MIDA ขอเรียนชี้แจงว่า รายการดังกล่าวเป็นข้อขัดแย้งระหว่างผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทสมุย คือนางสุธาสินี กับ MIDA เกี่ยวกับภาระหนี้สินที่มิได้บันทึกไว้ในงบการเงินของบริษัทสมุย ณ วันที่ MIDA เข้าไปร่วมทุน ซึ่ง MIDA ได้พยายามแก้ไขปัญหาเพื่อมิให้เกิดความเสียหายต่อ MIDA โดยนางสุธาสินี ต้องรับผิดชอบรายการนี้ทั้งหมด มิฉะนั้นนางสุธาสินี ต้องซื้อหุ้นคืนจาก MIDAไปทั้งหมด ซึ่งนางสุธาสินี ได้ตกลงซื้อหุ้นในบริษัทสมุย คืนทั้งหมด โดยใช้ราคาตามสัญญาร่วมทุนซึ่งระบุว่ากรณีมีข้อขัดแย้งให้ใช้ราคาที่ MIDA ซื้อบวกดอกเบี้ยอัตรา12 % ต่อปี แต่ MIDA ได้ยื่นข้อเสนอกลับไปว่า การซื้อขายหุ้นขอให้พิจารณาซื้อหุ้นทุกบริษัทที่มีการร่วมทุนกันและต้องการให้มีการเจรจาเรื่องราคาอีกครั้งหนึ่ง ด้วยเหตุนี้ความขัดแย้งจึงยังไม่ยุติ และมีการนำรายการกู้ยืมเงินมาโต้แย้งกันอยู่
|
|
|
|
|