แอล.พี.เอ็น.รุกทำเลใหม่ นำร่องโครงการลุมพินี วิลล์ ประชาชื่น-พงษ์เพชร มูลค่า 1,300 ล้านบาท ป้อนซัปพลายออกสู่ตลาดในโซนนี้ถึง 954 ยูนิต ย้ำจุดยืน การพัฒนาคอนโดฯไม่จำเป็นต้องใกล้โครงข่ายแนวรถไฟฟ้า หยิบผลวิจัยภาคสนาม แม้อพาร์ตเมนต์จะเกิดขึ้นมาก แต่คอนโดฯอาจเป็นสินค้าทดแทนเข้ามาแทรกตลาดนี้ได้
นายโอภาส ศรีพยัคฆ์ กรรมการผู้จัดการบริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาช) หรือ LPN เปิดเผยถึงสาเหตุที่ทางบริษัทฯได้ลงทุนและพัฒนาโครงการลุมพินี วิลล์ ประชาชื่น-พงษ์เพชร ซึ่งเป็นโครงการใหม่ที่อยู่รอบนอกกรุงเทพฯของบริษัทฯว่า จากข้อมูลของฝ่ายวิจัยและพัฒนาของบริษัท พบว่า เฉลี่ยความหนาแน่นของประชากรประมาณ 12,938 คนต่อตารางกิโลเมตร หรือประมาณ 3.2 คนต่อหลัง แสดงให้เห็นถึงความต้องการที่อยู่อาศัยจำนวนมาก ในขณะที่ปัจจุบันไม่มีการพัฒนาโครงการใหม่ในรูปแบบของคอนโดฯ ส่วนใหญ่จะเป็นโครงการจัดสรร ที่จับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายระดับราคากลาง-บน ประมาณ 3-6 ล้านบาท ติดกับถนนสายหลัก นอกจากนี้ ยังมีทาวน์เฮาส์ 3 ชั้น ราคาเริ่มต้น 2.5 ล้านบาทขึ้นไป
" เราคิดว่าการริเริ่มพัฒนาคอนโดฯในบริเวณดังกล่าว เป็นการสนับสนุนให้ผู้ต้องการที่อยู่อาศัยได้มีบ้านของตนเองได้ง่ายขึ้น และจากการสัมภาษณ์กลุ่มลูกค้าเป้าหมายในบริเวณนี้ ส่วนใหญ่ทำงานในทำเลดังกล่าว เช่น เป็นพนักงานห้างสรรพสินค้า โรงพยาบาลและปูนซีเมนต์ ซึ่งในการเปิดตัวโครงการในวันที่ 29-30 ก.ย.นี้ ทางบริษัทได้กำหนดราคาห้องชุดเริ่มต้นเพียง 9.99 แสนบาทเท่านั้น "
สำหรับโครงการลุมพินี วิลล์ ประชาชื่น-พงษ์เพชร เป็นอาคารชุดพักอาศัยสูง 19 ชั้น 2 อาคาร เนื้อที่ประมาณ 7 ไร่ ห่างจากเดอะมอลล์ งามวงศ์วานประมาณ 400 เมตร มูลค่าโครงการ 1,300 ล้านบาท มี 954 ยูนิต
กรรมการผู้จัดการกล่าวว่า จากการสำรวจ พบอาคารอพาร์ตเมนต์จะกระจุกตัวใกล้ฝั่งเดอะมอลล์งามวงศ์วานและม.ธุรกิจบัณฑิต ผลสำรวจมีถึง 119 โครงการ การเข้าพักอาศัยค่อนข้างเต็ม เฉลี่ยถึง 96% ส่วนใหญ่ผู้ประกอบการจะพัฒนาอพาร์ตเมนต์ระดับราคาเช่าอยู่ที่ 3,000-4,000 บาทต่อเดือน คิดเป็นจำนวน 58 โครงการ หรือ 49% ของผลการสำรวจโครงการทั้งหมด มีจำนวน 6,019 ยูนิต คิดเป็น 59% ของจำนวน 10,142 ยูนิต มีอัตราการว่างประมาณ 4% แต่หากรวมสต็อกว่างจะมีอยู่ประมาณ 437 ยูนิต คิดเป็น 4% ของยูนิตทั้งหมด
โดยถ้าคิดตามอัตราความหนาแน่นของประชากรในกรุงเทพฯ2.63 คน/ครัวเรือน ณ พ.ค.ที่ผ่านมา คำนวณจำนวนผู้พักอาศัยในอพาร์ตเมนต์ได้ประมาณ 25,500 คน ซึ่งกลุ่มที่เช่าอพาร์ตเมนต์นี้ ก็สามารถเป็นความต้องการซื้อ(ดีมานด์)ของคอนโดฯได้
" ยังมีหอพักและอาคารอพาร์ตเมนต์ที่กำลังก่อสร้างอย่างน้อย 3 โครงการ ประมาณ 360 ยูนิต หรือเพิ่มขึ้นอีก 3.5% ของจำนวนยูนิตปัจจุบัน ซึ่งการเข้ามาของสินค้าทดแทนในระบบเป็นจำนวนมาก ย่อมมีผลต่อการระบายสินค้าภายในอุตฯอาคารชุดในบริเวณดังกล่าว แต่ตนมองอีกด้าน แสดงให้เห็นว่า ยังมีความต้องการของที่อยู่อาศัย ซึ่งคอนโดฯก็อาจจะเป็นสินค้าทดแทนอพาร์ตเมนต์ได้เช่นกัน เพราะเมื่อลูกค้าเคยชินกับการอยู่ในบริเวณนี้ จะเกิดการติดสถานที่ ซึ่งคอนโดฯก็จะตอบโจทย์ของคนกลุ่มนี้ได้ "นายโอภาสกล่าว
|