Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ มีนาคม 2535








 
นิตยสารผู้จัดการ มีนาคม 2535
"720 ไร่ ขุมทองลาวาลิน"             
 


   
search resources

ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ, บมจ.
ลาวาลินอินเตอร์เนชั่นแนล
Transportation




โครงการระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนส่วนที่ 1 ขั้นที่ 1 ในกรุงเทพฯ ของลาวาลินที่ยืดเยื้อกันมานานถึง 3 ปี ในที่สุดก็วิ่งฝ่าเส้นชัยไปได้ถึงแม้จะไม่ค่อยราบรื่นนักก็ตาม

การเซ็นสัญญาโครงการรถไฟฟ้าอย่างเป็นทางการเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ณ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิตต์ท่ามกลางผู้ร่วมงานซึ่งมีทั้งกลุ่มผู้ร่วมทุน นักธุรกิจ และผู้สื่อข่าวที่ต้องการมาดูให้แน่ชัดว่าโครงการนี้จะได้เกิดจริงหรือไม่ หลังจากที่การจัดงานเซ็นสัญญาครั้งแรกต้องล้มเลิกไปเนื่องจากไม่สามารถแปลเอกสารสัญญาจากภาษาไทยเป็นภาษาอังกฤษได้ทัน

ก่อนหน้าที่การเซ็นสัญญาจะเริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการทางกลุ่ม ช. การช่าง ซึ่งนำทีมโดยปลิว ตรีวิศวเวทย์และตัวแทนจากบริษัทบิลฟิงเกอร์ แอนด์ เบอร์เกอร์ซึ่งเป็นผู้ร่วมทุนในโครงการนี้ ได้ประท้วงขอให้มีการเปลี่ยนแปลงเอกสารท้ายสัญญาในนาทีสุดท้ายก่อนที่การลงนามจะเริ่มขึ้น เนื่องจากไม่พอใจกับร่างสัญญาบางประเด็นที่ทำให้กลุ่มลาวาลินต้องเสียเปรียบ ในขณะที่การทางพิเศษฯ ไม่ยอมรับค่าความเสี่ยงที่กลุ่มลาวาลินต้องการให้รับผิดชอบร่วมกัน

มีข้อความตอนหนึ่งที่การทางพิเศษฯ ได้เขียนใส่ไว้ในเอกสารท้ายสัญญาซึ่งเป็นการปกป้อง การทางพิเศษฯ ในกรณีที่ราคาของระบบรถไฟฟ้าสูงขึ้นจนไม่สามารถจะระดมเงินทุนจากกลุ่มผู้ลงทุนได้ก็ให้ยกเลิกโครงการซึ่งการทางพิเศษฯ จะไม่ชดใช้ค่าเสียหายทั้งหมดที่เกิดขึ้นในระหว่างที่มีการเจรจากันมาจนถึงวันเซ็นสัญญา

การเจรจาเพื่อหาข้อยุติในเรื่องของค่าความเสี่ยงนี้จบลงตรงที่ว่า ภายใน 1 เดือนนี้ลาวาลินจะต้องคำนวณราคาตัวรถไฟฟ้าส่งให้กับการทางพิเศษฯ ซึ่งจากการสอบถามจากบรรดาผู้ประกอบการรถไฟฟ้าปรากฎว่าระบบนี้ต้องใช้งบประมาณในส่วนตัวรถไฟฟ้าประมาณ 20,000 ล้านบาท ซึ่งหากว่าราคาสูงมากกว่านี้ลาวาลินจะต้องออกค่าใช้จ่ายเอง การทางพิเศษฯ ไม่ต้องรับผิดชอบในส่วนที่เพิ่มขึ้นด้วย

ภายหลังจากที่การเซ็นสัญญาผ่านไป ทางกลุ่มลาวารินและการทางพิเศษฯ ยังคงหารือกันต่อไปในข้อตกลงบางเรื่องที่ยังไม่มีการตกลงกันอย่างชัดเจน โดยเฉพาะทางกลุ่มลาวาลินจะต้องเสนอแผนการเงินลงทุนมาให้การทางพิเศษฯ ภายใน 9 เดือน นับจากวันเซ็นสัญญา ซึ่งคาดว่าจะต้องมีการปรับเงินค่าลงทุนให้สูงขึ้นกว่าเดิม ทั้งนี้เนื่องจากความล่าช้าของโครงการที่มีมากว่า 3 ปีนั่นเอง

"ในความเห็นของการทางพิเศษฯ แล้วลาวาลินไม่ควรจะปรับราคาขึ้นไปอีก หรือถ้าจะปรับก็ไม่ควรเกิน 4% เพราะเขาปรับมาแล้วหลายครั้ง อีกประการหนึ่งในปีนี้ราคาวัสดุก่อสร้างก็ถูกลง เขาไม่น่าจะปรับราคาให้สูงขึ้นมาอีก เขาน่าจะปรับราคาให้ต่ำลงมาอีกด้วยซ้ำ" แหล่งข่าวระดับสูงของการทางพิเศษฯ ให้ข้อคิดเห็นในเรื่องของการปรับเงินค่าลงทุนของกลุ่มลาวาลินโครงการรถไฟฟ้า

ปัจจุบันโครงการรถไฟฟ้ามีมูลค่าการลงทุนประมาณ 68,000 ล้านบาท (ไม่รวมค่าจัดกรรมสิทธิ์ที่ดิน) ซึ่งเพิ่มขึ้นจากเดิมที่มีมูลค่าเพียง 42,000 ล้านบาท ในขณะที่ค่าจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินเพิ่มจาก 5,000 ล้านบาทเป็น 18,000 ล้านบาทในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา

แหล่งข่าวในลาวาลินได้อธิบายถึงมูลค่าโครงการในส่วนที่เพิ่มขึ้นว่าตัวเลข 42,000 ล้านบาทเป็นการคิดคำนวณราคาเบื้องต้นในปี 2531 ค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นส่วนหนึ่งเป็นเรื่องของเงินเฟ้อซึ่งช่วง 4 ปีที่ผ่านมามันเพิ่มขึ้นกว่า 30% ในขณะที่ต่างประเทศขึ้นเพียง 10% เศษเท่านั้น

อีกส่วนหนึ่งเป็นการคำนวณผิดพลาดของทางลาวาลินในเรื่องการโยกย้ายระบบสาธารณูปโภคของรัฐที่มีอยู่เดิมไม่ว่าจะเป็นท่อระบายน้ำ ท่อประปา สายโทรศัพท์ที่ฝังอยู่ในดิน ซึ่งทางลาวาลินไม่ได้คำนวณค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ไว้ด้วย รวมถึงค่าใช้จ่ายในบางกรณีที่ไม่ได้คิดว่าจะเกิดขึ้น อย่างเช่นการขุดทางรถไฟใต้ติดซึ่งตามร่างใหม่ของการทางพิเศษฯ จะมีความยาวประมาณ 1 กิโลเมตรช่วงลานพระรูปทรงม้าปัญหาที่เกิดขึ้นเมื่อขุดลงไปแล้วมันลอยต้องฝังรากเพื่อไม่ให้มันลอยขึ้นมา ซึ่งประเด็นเหล่านี้ทำให้การคำนวณผิดพลาดหมด

จากตัวเลขประมาณการด้านการเงินและการลงทุนในโครงการนี้ทั้งหมดจะอยู่ราว 72,296 ล้านบาท และได้มีการแบ่งสัดส่วนดังนี้คือ ในส่วนของ "ทุน" นั้นจะมาจากรัฐบาลไทย 25% หรือประมาณ 2,800 ล้านบาท จากกลุ่มผู้ลงทุนของลาวาลินซึ่งประกอบด้วยบริษัทลาวาลินอินเตอร์เนชั่นแนล บริษัท ช. การช่าง บริษัทชิโน-ไทยเอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่นและบริษัทบิลฟิงเกอร์ แอนด์เบอร์เกอร์โบว์แอทเทียเซลแซพท์จำนวน 4,589 ล้านบาท กลุ่มผู้ลงทุนรายอื่น 3,811 ล้านบาท เงินช่วยเหลือ CAPITAL CONTRIBUTION (GRANT) 1,693 ล้านบาท และเงินกู้อัตราดอกเบี้ยต่ำจาก EDC (EXPORT DEVELOPMENT CORPORATION) 6,096 ล้านบาท รวมทุนทั้งหมด 18,995 ล้านบาท

ส่วนของเงินกู้จะอยู่ในราว 42,880 ล้านบาทในขณะที่รายได้จากการดำเนินงานในเฟส 1 จำนวนประมาณ 10,421 ล้านบาท

สำหรับเงินลงทุนในส่วนของที่ดินนั้นรัฐบาลจะจ่ายค่าเวนคืนที่ดินจำนวน 28,000 ล้านบาทโดยที่ลาวาลินจะจ่ายคืนให้กับรัฐบาลสำหรับโครงการส่วนที่ 1 ขั้นที่ 1 จำนวน 18,000 ล้านบาทในช่วงปีที่ 13-ปีที่ 30 ของสัญญาสัมปทาน

และขั้นตอนของการดำเนินงานหลังจากวันเซ็นสัญญาเป็นต้นไป ในส่วนของกลุ่มลาวาลินจะต้องจัดตั้งบริษัทขึ้นมาใหม่ในนามของ "บริษัทบางกอกสกายเทรน คอร์ปอเรชั่น คอนซอร์เตียม" (บีเอสซีซี) โดยมีทุนจดทะเบียน 11,200 ล้านบาท เพื่อดำเนินงานเกี่ยวกับการลงทุนการก่อสร้าง และการบริหารงานโครงการรถไฟฟ้าทั้งหมด โดยมีแผนงานดังนี้คือระหว่างปี 2535 -2537 เป็นช่วงของการจัดตั้งบริษัท การจัดหาเงินลงทุนและออกแบบรายละเอียดของโครงการทั้งหมด

ซึ่งเป็นช่วงเดียวกับที่การทางพิเศษฯ ทำการเวนคืนที่ดินและส่งมอบพื้นที่ให้ได้ในปี 2537 จากนั้นกลุ่มลาวาลินจะดำเนินการก่อสร้างจนเสร็จสิ้นในปี 2540 เส้นทางสายสาธร-ลาดพร้าวจะเปิดให้บริการได้ก่อนในปี 2538 ส่วนสายพระโขนง-บางซื่อจะเปิดดำเนินการในปี 2540

สำหรับอัตราค่าโดยสารในโครงการรถไฟฟ้ากำหนดไว้ 5 สถานีแรกจะเก็บในอัตรา 5 บาทหลังจากนั้นจะเก็บเพิ่มสถานีละ 1 บาทและอัตราค่าโดยสารตลอดทาง 19 บาท แต่ในปีที่เปิดให้บริการอาจมีการเพิ่มค่าโดยสารมากกว่านี้ก็ได้ ขึ้นอยู่กับค่าแรง อัตราเงินเฟ้อ และค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างซึ่งเรื่องนี้หากมีการปรับเพิ่มจะต้องขออนุมัติจากกระทรวงมหาดไทยอีกครั้งหนึ่ง

อีกประเด็นหนึ่งที่หลายคนให้ความสนใจคือเรื่องของการพัฒนาที่ดินบนเนื้อที่ 720 ไร่ในเขตทาง ซึ่งปัจจุบันมีบริษัทที่สนใจเข้ามาร่วมลงทุนพัฒนาที่ดินจำนวนหลายรายคือบริษัทชิโนไทยเรียลเอสเตท กลุ่มเซ็นทรัล กลุ่มอัมรินทร์ บริษัท ช. การช่างเรียลเอสเตท เวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ บางกอกแลนด์ รวมทั้งบริษัทต่างชาติอย่างญี่ปุ่นและฮ่องกงด้วย

"เราให้ที่ปรึกษาทางการเงินมาคำนวณตัวเลขให้แน่ชัดว่าควรจะลงทุนเท่าไหร่ซึ่งจะรู้ผลในอีก 2 เดือนข้างหน้า ซึ่งอันนี้ถือเป็นไพ่ที่เรากอดไว้โดยเราจะดูว่าถ้าหุ้นเราไม่พอ ใครอยากได้เรียลเอสเตทก็ต้องมาลงหุ้นเพื่อแลกกับการซื้อสิทธิ์ในการพัฒนาที่ดิน ซึ่งบริษัทบีเอสซีซีก็จะได้ผลประโยชน์ 2 ช่วงคือในวันที่ให้สิทธิ์จะจ่ายกี่พันล้านก็ว่าไปแต่ต้องลงุทนซื้อหุ้นของบริษัทด้วย และรายได้จากการพัฒนาที่ดินก็ต้องแบ่งให้เราทุกปีด้วย" แหล่งข่าวในลาวาลินเล่าให้ฟังถึงวิธีการในการให้สิทธิ์ผู้ที่ต้องการเข้ามาพัฒนาที่ดินในโครงการรถไฟฟ้า

พื้นที่ที่ใหญ่ที่สุดในการพัฒนาจะอยู่ที่โรงซ่อมบำรุงหรือพื้นที่เวิร์คชอปริมถนนพระรามที่ 9 ซึ่งมีเนื้อที่ประมาณ 350 ไร่โดยการพัฒนาจะออกมาในรูปของอาคารสูง ด้านล่างสุดจะเป็นโรงซ่อมบำรุงส่วนด้านบนจะเป็นตึกสูงขนาดพื้นที่ที่จะสร้างประมาณ 400,000 ตารางเมตรอีกส่วนหนึ่งเป็นการพัฒนาที่ดินบริเวณที่จอดรถผู้โดยสาร (PARK&RIDE) ซึ่งปัจจุบันกำหนดไว้ 5 แห่งโดยมีพื้นที่จากการพัฒนาทั้งหมดรวมกันประมาณ 40,000 ตารางเมตร

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us