|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
เทรนด์ค่าระวางเรือเทกองขยับทำนิวไฮ หนุนกำไรหุ้นเดินเรือโดดเด่น เหตุจากความต้องการขนส่งในจีนเป็นหัวแรงดึง โบรกฯเชื่อยังมีแนวโน้มที่จะอยู่ในระดับสูงได้ถึงสิ้นปี
จากแนวโน้มดัชนีค่าระวางเรือ(Baltic Dry Index: BDI)ที่สูงขึ้นตลอดช่วงที่ผ่านมา ส่งผลให้หุ้นในกลุ่มเดินเรือมีความโดดเด่นขึ้นมา เนื่องจากดีมานด์ที่เพิ่มขึ้นในตลาดใหญ่ทั้ง จีน อินเดีย รัสเซีย รวมถึงบราซิล ขณะที่ด้านซัพพลายยังมีแนวโน้มตรึงตัวเช่นเดิมจากภาวะแออัดของท่าเรือในหลายประเทศไม่ว่าจะเป็น ออสเตเลีย หรือ บราซิลที่ยังไม่คลี่คลายลงเท่าที่ควร
สุขบีร์ คารนิยอร์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์(บล.)กสิกรไทย กล่าวว่า เรื่องซัพพลายใหม่ก็พอจะรู้อยู่ว่าจะเข้ามาเมื่อไหร่ซึ่งที่ผ่านมาก็จะเห็นว่าต่ำกว่าตัวเลขที่เห็นอยู่แล้ว แต่ดีมานด์ยังคงขยายตัวอยู่และมีปัญหามีความแออัดของท่าเรือหลายแห่งทำให้ BDI ยังคงปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งผู้ประกอบการในกลุ่มเรือเทกองไม่ว่าจะเป็น บมจ.โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ (TTA)หรือ บมจ.พรีเชียว ชิพปิ้ง (PSL) จะได้รับประโยชน์แน่นอน
"ดัชนี BDI เริ่มเห็นเป็นเทรนด์ขาขึ้นตั้งแต่เดือน พฤษภาคม 2549 จากระดับ 2,416 จุด ขยับขึ้นมาเรื่อยๆ แม้ในเดือน พฤษภาคม-มิถุนายน 2550 จะอ่อนตัวลงบ้างก็ตาม แต่ก็ยังสูงมากและทำนิวไฮใหม่ได้อย่างต่อเนื่องตั้งแต่ทะลุ 7พันจุด จนตอนนี้ทะลุ 8 พันจุดขึ้นมาแล้ว เป็นการปรับตัวกว่า 242.30%"
เมื่อพิจารณาสัดส่วนของดีมานด์และซัพพลายในปัจจุบันแล้วเชื่อว่าดัชนีค่าระวงเรือน่าจะคงทรงตัวอยู่เหนือ 6 พันจุดได้จนถึงสิ้นปี 2550 ซึ่งจะช่วยผลักดันกำไรสุทธิของหุ้นในกลุ่มเรือเทกองตลอดช่วง 6 เดือนหน้าได้ ถือว่ามุมมองเชิงบวกต่อหุ้นเดินเรือทั้ง TTA,PSL รวมถึง บมจ.อาร์ ซี แอล(RCL) ที่เป็นธุรกิจเรือคอนเทนเนอร์ด้วย
ด้านนักวิเคราะห์จาก บล.ทรีนิตี้ มองว่า เรื่องค่าระวางเรือที่ขึ้นมานั้น ถือว่าเกินกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ เนื่องจากว่าหลายฝ่ายเคยประเมินกันว่า BDI ในช่วงครึ่งปีหลังน่าจะลงลงจากช่วงไตรมาส 2/2550 แต่หลังจาก BDI ขึ้นมาอย่างต่อเนื่องและคาดว่าดัชนีดังกล่าวน่าจะยืนในระดับ 7 พันจุดได้ในช่วงปลายปีนี้
ทั้งนี้คาดว่าเป็นผลมาจากไตรมาส 3/2550 จะเป็นฤดูกาลเก็บเกี่ยวพืช ผัก และผลไม้ ในสหรัฐอเมริกาเพื่อส่งออกไปยังคู่ค้าทั่วโลก ทำให้เป็นผลดีต่อธุรกิจขนส่งด้วยเรือเทกองแห้งซึ่งจะทำให้ค่าระวางปรับตัวสูงขึ้นด้วย โดยประเมินว่า TTA จะได้รับอานิสงค์จากเรื่องดังกล่าวมากกว่า PSL เพราะมีเรือที่สามารถปรับค่าระวางได้ตาม BDI มากกว่า 30% ขณะที่ PSL ใช้ระบบทำสัญญาระยะยาวล่วงหน้าไว้กับลูกค้าในการกำหนดค่าระวางเรือกว่า 80%
ขณะที่บทวิเคราะห์ของ บล.บัวหลวง อ้างอิงข้อมูลจาก มอร์แกนสแตนเลย์ ระบุว่า งบจ่ายลงทุนเกี่ยวกับไฟฟ้าและทางรถไฟของจีนรวมอยู่ที่ 5.21 แสนล้านเหรียญสหรัฐ ในช่วงปี 2549-2553 ซึ่งการใช้จ่ายเกี่ยวกับโครงสร้างปัจจัยพื้นฐานนี้จะทำให้ความต้องการสินค้าโภคภัณฑ์มากขึ้น โดยการขนส่งสินค้าเทกองแห้ง(Dry bulk)นับเป็นประโยชน์เบื้องต้นจากการค้าสินค้าโภคภัณฑ์ที่เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งอาจจะส่งผลให้ค่าระวางปรับสูงขึ้นในอีก 2-3 ปีข้างหน้า
ประเมินว่าดัชนี BDI จะยังอยู่ในอัตราสูงเนื่องจากมีข้อมูลของ Fearnleys ซึ่งเป็นบริษัทนายหน้าจัดหาเรือระบุว่า จำนวนเรือที่สั่งต่อและน่าจะใช้ได้ในปี 2552-2553 คิดเป็น 33.26% ของจำนวนเรือเทกองแห้งทั้งหมดในปัจจุบันจึงทำให้เป็นอีกปัจจัยที่ค่าระวางเรือจะสูงต่อไปอีก
สำหรับ TTA ยังคาดว่าน่าจะได้ประโยชน์จากการให้บริการสำรวจปิโตรเลียมแก่บริษัทน้ำมันต่างๆ ตามการขยายตัวของการขุดเจาะน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ จากราคาเชื้อเพลิงที่ยังมีราคาสูง สนับสนุนให้ความต้องการบริการขุดเจาะสูงขึ้นตาม โดยหลังจากที่ TTA ซ่อมแซมเรือขุดเจาะทั้ง 2 เสร็จแล้ว จะทำให้มีรายได้จากเรือขุดเจาะอีกมาก
|
|
|
|
|