คลังขายหุ้นบลูชิพ "BBL-SCB" ให้แบงก์ออมสินนอกตลาด เพื่อนำเงิน 3 พันล้าน ไปเพิ่มทุนบริษัทเอสโซ่และอิสลามแบงก์ หากคลังต้องการซื้อคืนจะมีสิทธิก่อน ด้านการลงทุนในโทลล์เวย์อยู่ระหว่างศึกษาแผนเข้าระดมทุนในตลาด ไตรมาส 2 ปีหน้าเข้าเทรดได้แน่นอน ลั่นยังถือหุ้นต่อตามสัญญาสัมปทาน
รายงานข่าวจากกระทรวงการคลังแจ้งว่า เมื่อวันที่ 18 กันยายน 2550 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอการจำหน่ายหุ้นธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) (SCB) และธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BBL) ซึ่งกระทรวงการคลังถืออยู่บางส่วนให้ธนาคารออมสิน เพื่อให้ได้เงินค่าซื้อหุ้นเพิ่มทุนของบริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (ESSO) และธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (ธอท.) ภายในวงเงินประมาณ 3,000 ล้านบาท โดยไม่ผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยและให้กระทรวงการคลังมีสิทธิในการรับซื้อหุ้นธนาคารไทยพาณิชย์และธนาคารกรุงเทพคืนจากธนาคารออมสินก่อน (First Right)
นายอารีพงษ์ ภู่ชอุ่ม ผู้อำนวยการ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) กล่าวว่า แผนการขายหุ้นของบริษัทจะทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เพื่อนำเงินจำนวน 2,600 ล้านบาท ไปเพิ่มทุนจดทะเบียนของเอสโซ่เสร็จสิ้นแล้ว ซึ่งในส่วนของแผนการจดทะเบียนเพื่อเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์นั้นเอสโซ่จะต้องดำเนินการเพิ่มทุนจดทะเบียนเพื่อนำไปชำระหนี้ทางการค้าจำนวน 21,000 ล้านบาทภายในเดือนกันยายนนี้นั้น ในส่วนของกระทรวงการคลังที่ถือหุ้นของเอสโซ่อย่ประมาณ 10% จะต้องชำระเงินเพิ่มทุนใก้แก่เอสโซ่จำนวน 2,600 ล้านบาทนั้นสามารถดำเนินการได้ตามแผนโดยไม่มีปัญหาแต่อย่างใด
“เงินเพิ่มทุนที่กระทรวงการคลังต้องใส่ให้เอสโซ่นั้นอยู่ในภาวะที่สคร.สามารถบริหารจัดการได้เนื่องจากสคร.เป็นผู้ดูแลพอร์ตการลงทุนของกระทรวงการคลังในบริษัทต่างๆ ทั้งที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์และนอกตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งเงินจำนวน 2.6 พันล้านบาทที่ต้องใส่ให้เอสโซ่นั้นไม่มีปัญหาสำหรับกระทรวงการคลังแต่อย่างใด โดยเงินจำนวนดังกล่าวอยู่ในแผนที่กระทรวงการคลังต้องดำเนินการอยู่แล้ว” นายอารีพงษ์กล่าว
การเพิ่มทุนให้กับเอสโซ่เพื่อเป็นการผลักดันให้เอสโซ่สามารถเข้าไประดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ได้โดยเร็วเพราะมูลค่าสินทรัพย์ของเอสโซ่ที่จะเข้าไปซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์นั้นมีมูลค่าสูงถึง 40,000-50,000 ล้านบาท และปริมาณหุ้นที่เอสโซ่จะเปิดขายให้กับผู้ลงทุนรายย่อยเป็นครั้งแรก (IPO) จะอยู่ที่ประมาณ 30% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด
แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลังกล่าวว่า สำหรับแผนการเข้าไประดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ของเอสโซ่จะเริ่มจากการจดทะเบียนเพิ่มทุนในเดือนกันยายน 2550 จำนวน 21,000 ล้านบาท และในเดือนตุลาคม 2550 จะนำเงินที่ได้จากการเพิ่มทุนไปชำระคืนเจ้าหนี้ซึ่งคือบริษัทแม่ของเอสโว่ในต่างประเทศ หลังจากนั้นในเดือนพฤศจิกายนจะดำเนินการลดทุนเพื่อตัดขาดทุนสะสมที่มีอยู่ประมาณ 17,000 ล้านบาทและจะประชุมคณะกรรมการและผู้ถือหุ้นเพื่อชี้แจงแผนการเข้าไประดมทุนในตลาดหลักทรัพย์
“หลังจากลดทุนเพื่อตัดขาดทุนสะสมแล้วจทำให้เอสโซ่มีอัตราหนี้สินต่อทุน (D/E Ratio) อยู่ที่ 1 เท่า และจะยื่นไฟล์ลิ่งให้กับคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ภายในเดือนธันวาคม 2550 เพื่อให้สามารถโรดโชว์และไอพีโอได้ในช่วงเดือนเมษายน 2551 และทำให้ราคาจองออกมาในระดับที่เหมาะสมโดยมีบริษัทหลักทรัพย์(บล.) มอร์แกนสแตนเลย์และบล.ภัทร เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน” แหล่งข่าวกล่าว
นอกจากการผลักดัน บมจ.เอสโซ่ เข้าไประดมทุนในตลาดแล้วกระทรวงการคลังยังได้เจรจาร่วมกับ บริษัท ทางยกระดับดอนเมือง จำกัด (มหาชน) หรือดอนเมืองโทลล์เวย์ เพื่อเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์เช่นเดียวกัน โดยในขณะนี้โทลล์เวย์อยู่ระหว่างการให้ที่ปรึกษาทางการเงินคือบล.ยูบีเอส และบริษัทเทิร์น อะราวน์ จำกัด ศึกษาความเป็นไปได้และคาดว่าจะสามารถเข้าไประดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ได้ภายในไตรมาที่ 2 ของปี 2551
ทั้งนี้ กระทรวงการคลังถือหุ้นในดอนเมืองโทลล์เวย์ประมาณ 30% หรือ 3,000 ล้านบาท จากทุนจดทะเบียนทั้งหมดประมาณ 8,000 ล้านบาท ซึ่งหากที่ปรึกษาทางการเงินได้ข้อสรุปในการนำดอนเมืองโทลล์เวย์เข้าตลาดและเข้าซื้อขายได้กระทรวงการคลังก็จะยังคงถือหุ้นของดอนเมืองโทลล์เวย์ไว้เช่นเดิมตามสัญญาสัมปทาน โดยจะสามารถถือหุ้นได้ไม่เกิน 26% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด และหากมีการเพิ่มทุนจดทะเบียนแล้วกระทรวงการคลังไม่ใช้สิทธิสัดส่วนการถือหุ้นก็ต้องลดลงตามปริมาณการเพิ่มทุน
“ในส่วนของโทลล์เวย์ยังไม่แน่ใจว่าจะสามารถเข้าเทรดได้ตามกำหนดที่ตั้งไว้ในไตรมาส 2 ปีหน้าหรือไม่ เพราะต้องรอการศึกษาของที่ปรึกษาทางการเงินและภาวะตลาดในขณะนั้นด้วย ซึ่งมีปั้งปัจจัยทางการเมืองภายหลังเลือกตั้งรัฐบาลจะมีนโยบายอะไรออกมาบ้างและจะมีผลกระทบกับโทลล์เวย์มากน้อยเพียงใด โดยเฉพาะการเพิ่มเที่ยวบินของสนามบินดินเมืองหากเป็นไปได้จริงก็จะส่งผลดีต่อหุ้นของโทลล์เวย์และเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมและกระทรวงการคลังเห็นว่าราคาเหมาะสมก็จะขายหุ้นโทลล์เวย์ออกไป” แหล่งข่าวกล่าว
|