Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน24 กันยายน 2550
คลังขายBBL-SCBให้ออมสินเพิ่มทุนเอสโซ่-อิสลามแบงก์             
 


   
www resources

โฮมเพจ กระทรวงการคลัง

   
search resources

กระทรวงการคลัง
Commercial and business




คลังขายหุ้นบลูชิพ "BBL-SCB" ให้แบงก์ออมสินนอกตลาด เพื่อนำเงิน 3 พันล้าน ไปเพิ่มทุนบริษัทเอสโซ่และอิสลามแบงก์ หากคลังต้องการซื้อคืนจะมีสิทธิก่อน ด้านการลงทุนในโทลล์เวย์อยู่ระหว่างศึกษาแผนเข้าระดมทุนในตลาด ไตรมาส 2 ปีหน้าเข้าเทรดได้แน่นอน ลั่นยังถือหุ้นต่อตามสัญญาสัมปทาน

รายงานข่าวจากกระทรวงการคลังแจ้งว่า เมื่อวันที่ 18 กันยายน 2550 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอการจำหน่ายหุ้นธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) (SCB) และธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BBL) ซึ่งกระทรวงการคลังถืออยู่บางส่วนให้ธนาคารออมสิน เพื่อให้ได้เงินค่าซื้อหุ้นเพิ่มทุนของบริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (ESSO) และธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (ธอท.) ภายในวงเงินประมาณ 3,000 ล้านบาท โดยไม่ผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยและให้กระทรวงการคลังมีสิทธิในการรับซื้อหุ้นธนาคารไทยพาณิชย์และธนาคารกรุงเทพคืนจากธนาคารออมสินก่อน (First Right)

นายอารีพงษ์ ภู่ชอุ่ม ผู้อำนวยการ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) กล่าวว่า แผนการขายหุ้นของบริษัทจะทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เพื่อนำเงินจำนวน 2,600 ล้านบาท ไปเพิ่มทุนจดทะเบียนของเอสโซ่เสร็จสิ้นแล้ว ซึ่งในส่วนของแผนการจดทะเบียนเพื่อเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์นั้นเอสโซ่จะต้องดำเนินการเพิ่มทุนจดทะเบียนเพื่อนำไปชำระหนี้ทางการค้าจำนวน 21,000 ล้านบาทภายในเดือนกันยายนนี้นั้น ในส่วนของกระทรวงการคลังที่ถือหุ้นของเอสโซ่อย่ประมาณ 10% จะต้องชำระเงินเพิ่มทุนใก้แก่เอสโซ่จำนวน 2,600 ล้านบาทนั้นสามารถดำเนินการได้ตามแผนโดยไม่มีปัญหาแต่อย่างใด

“เงินเพิ่มทุนที่กระทรวงการคลังต้องใส่ให้เอสโซ่นั้นอยู่ในภาวะที่สคร.สามารถบริหารจัดการได้เนื่องจากสคร.เป็นผู้ดูแลพอร์ตการลงทุนของกระทรวงการคลังในบริษัทต่างๆ ทั้งที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์และนอกตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งเงินจำนวน 2.6 พันล้านบาทที่ต้องใส่ให้เอสโซ่นั้นไม่มีปัญหาสำหรับกระทรวงการคลังแต่อย่างใด โดยเงินจำนวนดังกล่าวอยู่ในแผนที่กระทรวงการคลังต้องดำเนินการอยู่แล้ว” นายอารีพงษ์กล่าว

การเพิ่มทุนให้กับเอสโซ่เพื่อเป็นการผลักดันให้เอสโซ่สามารถเข้าไประดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ได้โดยเร็วเพราะมูลค่าสินทรัพย์ของเอสโซ่ที่จะเข้าไปซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์นั้นมีมูลค่าสูงถึง 40,000-50,000 ล้านบาท และปริมาณหุ้นที่เอสโซ่จะเปิดขายให้กับผู้ลงทุนรายย่อยเป็นครั้งแรก (IPO) จะอยู่ที่ประมาณ 30% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด

แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลังกล่าวว่า สำหรับแผนการเข้าไประดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ของเอสโซ่จะเริ่มจากการจดทะเบียนเพิ่มทุนในเดือนกันยายน 2550 จำนวน 21,000 ล้านบาท และในเดือนตุลาคม 2550 จะนำเงินที่ได้จากการเพิ่มทุนไปชำระคืนเจ้าหนี้ซึ่งคือบริษัทแม่ของเอสโว่ในต่างประเทศ หลังจากนั้นในเดือนพฤศจิกายนจะดำเนินการลดทุนเพื่อตัดขาดทุนสะสมที่มีอยู่ประมาณ 17,000 ล้านบาทและจะประชุมคณะกรรมการและผู้ถือหุ้นเพื่อชี้แจงแผนการเข้าไประดมทุนในตลาดหลักทรัพย์

“หลังจากลดทุนเพื่อตัดขาดทุนสะสมแล้วจทำให้เอสโซ่มีอัตราหนี้สินต่อทุน (D/E Ratio) อยู่ที่ 1 เท่า และจะยื่นไฟล์ลิ่งให้กับคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ภายในเดือนธันวาคม 2550 เพื่อให้สามารถโรดโชว์และไอพีโอได้ในช่วงเดือนเมษายน 2551 และทำให้ราคาจองออกมาในระดับที่เหมาะสมโดยมีบริษัทหลักทรัพย์(บล.) มอร์แกนสแตนเลย์และบล.ภัทร เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน” แหล่งข่าวกล่าว

นอกจากการผลักดัน บมจ.เอสโซ่ เข้าไประดมทุนในตลาดแล้วกระทรวงการคลังยังได้เจรจาร่วมกับ บริษัท ทางยกระดับดอนเมือง จำกัด (มหาชน) หรือดอนเมืองโทลล์เวย์ เพื่อเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์เช่นเดียวกัน โดยในขณะนี้โทลล์เวย์อยู่ระหว่างการให้ที่ปรึกษาทางการเงินคือบล.ยูบีเอส และบริษัทเทิร์น อะราวน์ จำกัด ศึกษาความเป็นไปได้และคาดว่าจะสามารถเข้าไประดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ได้ภายในไตรมาที่ 2 ของปี 2551

ทั้งนี้ กระทรวงการคลังถือหุ้นในดอนเมืองโทลล์เวย์ประมาณ 30% หรือ 3,000 ล้านบาท จากทุนจดทะเบียนทั้งหมดประมาณ 8,000 ล้านบาท ซึ่งหากที่ปรึกษาทางการเงินได้ข้อสรุปในการนำดอนเมืองโทลล์เวย์เข้าตลาดและเข้าซื้อขายได้กระทรวงการคลังก็จะยังคงถือหุ้นของดอนเมืองโทลล์เวย์ไว้เช่นเดิมตามสัญญาสัมปทาน โดยจะสามารถถือหุ้นได้ไม่เกิน 26% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด และหากมีการเพิ่มทุนจดทะเบียนแล้วกระทรวงการคลังไม่ใช้สิทธิสัดส่วนการถือหุ้นก็ต้องลดลงตามปริมาณการเพิ่มทุน

“ในส่วนของโทลล์เวย์ยังไม่แน่ใจว่าจะสามารถเข้าเทรดได้ตามกำหนดที่ตั้งไว้ในไตรมาส 2 ปีหน้าหรือไม่ เพราะต้องรอการศึกษาของที่ปรึกษาทางการเงินและภาวะตลาดในขณะนั้นด้วย ซึ่งมีปั้งปัจจัยทางการเมืองภายหลังเลือกตั้งรัฐบาลจะมีนโยบายอะไรออกมาบ้างและจะมีผลกระทบกับโทลล์เวย์มากน้อยเพียงใด โดยเฉพาะการเพิ่มเที่ยวบินของสนามบินดินเมืองหากเป็นไปได้จริงก็จะส่งผลดีต่อหุ้นของโทลล์เวย์และเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมและกระทรวงการคลังเห็นว่าราคาเหมาะสมก็จะขายหุ้นโทลล์เวย์ออกไป” แหล่งข่าวกล่าว   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us