|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
“AREA” เชื่อปี2552 คอนโดมิเนียมยังไม่ล้นตลาด เผย6ปัจจัยสำคัญชี้ชัด ตลาดคอนโดฯยังห่างภาวะโอเวอร์ซัปพลาย ระบุโครงการที่ประกาศตัวจะก่อสร้างแล้วเสร็จในแต่ละปี อาจจะมียกเลิกโครงการหากขายไม่หมด เชื่ออีกหลายโครงการยังไม่ผ่านการอนุญาตจัดสรร อาคารชุด –กม.สิ่งแวดล้อม
นายโสภณ พรโชคชัย ประธานกรรมการบริหารบริษัท เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส จำกัด (AREA) เปิดเผยว่า จากที่หลายฝ่ายคาดการณ์ตลาดที่อยู่อาศัยประเภทโครงการคอนโดมิเนียมในปี 2552 จะเกิดภาวะสินค้าล้นตลาด (โอเวอร์ซัปพลาย)นั้น อาจจะต้องพิจารณาหลายองค์ประกอบ โดยหากมีการพิจารณาปัจจัยแวดล้อม 6 ปัจจัยแล้ว จะทำให้โอกาสที่จะเกิดสถานการณ์โอเวอร์ซัปพลายในปี 52 มีน้อยมาก
โดยปัจจัยแรกที่บริษัทฯ นำมาประกอบการพิจาณานั้น คือ การเปิดขายอาคารชุดจำนวนมาก ในขณะที่ที่อยู่อาศัยประเภทอื่นๆ ที่เปิดใหม่มีจำนวนน้อยลง จากการสํารวจของศูนย์ข้อมูล วิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ของบริษัทฯฯพบว่า ในรอบ8 เดือนแรกของปี 2550 (มกราคม – สิงหาคม 2550) มีโครงการเกิดใหม่ที่เป็นอาคารชุดถึง 24,227 หน่วย คิดเป็นสัดส่วนถึง 60% ของหน่วยขายที่อยู่อาศัยทุกประเภท ที่เปิดตัวในช่วงเวลาเดียวกัน
ปัจจัยที่สอง การที่อาคารชุดเกิดขึ้นมาก เพราะเป็นสินค้าที่ดูแลได้ง่าย และมีค่าเสื่อมต่ำกว่าที่อยู่อาศัยประเภทอื่น ทั้งยังสามารถหารายได้จากการให้เช่าได้ง่ายกว่า จึงเป็นสินค้าเพื่อการลงทุนเก็งกําไร ทําให้มีจํานวนผู้ซื้อมาก ทำให้การพัฒนาที่อยู่อาศัยประเภทดังกล่าวจึงมากตามไปด้วย
ปัจจัยที่สาม การขาดความระมัดระวังในการพัฒนาโครงการของผู้ประกอบการ ซึ่งพิจารณาจํานวนที่มีผู้จองซื้อและมีการจองซื้อกันอย่างต่อเนื่อง ทําให้เห็นว่า ความต้องการซื้ออาคารชุดมีมาก จึงไม่น่าห่วง และไม่คิดว่าซัปพลายเริ่มสูงกว่าความต้องการ(ดีมานด์)ที่มีอยู่ในตลาด
ปัจจัยที่สี่ คือ การซื้อส่วนใหญ่เชื่อว่า เป็นการซื้อเพื่อการลงทุนเก็งกําไร คือหวังประโยชน์จากการให้เช่าได้ ในอัตราผลตอบแทนที่ดีกว่าฝากธนาคาร และหวังประโยชน์ จากการขายต่อได้ราคาดีในภายหลัง ดังนั้นการที่คิดว่าไม่มีการเก็งกําไรในทรัพย์สินประเภทนี้ จึงเป็นความเข้าใจผิดอย่างยิ่ง
ปัจจัยที่ห้า การที่ผู้ประกอบการคาดการณ์กันว่าในปี 2552 จะมีการสร้างเสร็จมากมายจนอาจเกิดการล้นตลาดนั้น เป็นความเข้าใจผิดเช่นกัน เพราะในขณะนี้โครงการอาคารชุดจำนวนมาก ซึ่งแม้ขายหมดแล้ว ก็ยังไม่ได้ก่อสร้าง
" เพราะหลายโครงการยังไม่ได้รับการอนุมัติเกี่ยวกับข้อกําหนดด้านสิ่งแวดล้อม หรือยังติดปัญหาผังเมืองอยู่เลย ซึ่งถือว่าเป็นปัญหาสําคัญที่พึงระวัง เพราะหากการก่อสร้างเนิ่นนานออกไป ค่าก่อสร้างอาจเพิ่มขึ้น ทําให้มีความเป็นไปได้ที่โครงการบางแห่งอาจล้มเลิกไป "
และปัจจัยสุดท้าย คือ โครงการที่เปิดตัวและขายแล้วหากภาวะตลาดในอนาคตไม่อํานวย ก็อาจจะล้มเลิกไปได้ ดังนั้น การคิดคํานวณง่ายๆ จากปีที่โครงการหนึ่ง ๆ ประกาศคาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จ แล้วนำประกอบการพิจารณาว่า อาคารชุดพักอาศัยจะล้นตลาดในปี 2552 จึงถือเป็นความเข้าใจผิด ข้อวิตกเรื่องการล้นตลาดของอาคารชุดพักอาศัยจึงไม่น่าจะมี
|
|
|
|
|