|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
ศาลกรุงเทพใต้มีคำสั่งยกฟ้องกรณี นางปาริชาติ ฟ้องทีพีซี เหตุหลักฐานไม่เพียงพอ รักษาการผู้จัดการใหญ่อีลิทเผยไม่อยากต่อความยาวสาวความยืด บริษัทต้องเดินต่อไปข้างหน้า เพื่อแก้ภาพในอดีตให้หมดไป ล่าสุดเตรียมจัดงาน ไทยแลนด์อีลิทไนท์ หวังล้างภาพเก่า
นายรพี ม่วงนนท์ รักษาการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด (ทีพีซี) จำกัด ผู้บริหารโครงการบัตรอีลิท เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 14 กันยายน 2550 ศาลแพ่งกรุงเทพใต้ ได้มีคำพิพากษายกฟ้องคดีแพ่ง หมายเลขคดีดำที่ 6963/2549 ที่นางปาริชาติ แซ่เฉิน กรรมการผู้จัดการ ไทย อาร์ซี กรุ๊ป ฟ้องเรียกค่าเสียหายจากบริษัท ทีพีซี ,ผู้บริหารทีพีซี และ บริษัท ฟลายไฮ แทรเวล เซอร์วิส จำกัด พร้อมทั้งผู้บริหาร เป็นจำนวนเงิน 104 ล้านบาท โดย 4 ล้านบาทคือค่าบัตรที่ลูกค้าจ่ายเงินมาแล้ว ส่วนอีก 100 ล้านบาท เป็นค่าเสื่อมเสียชื่อเสียง ทั้งที่ นางปาริชาติก็ไม่ได้เป็นตัวแทนจำหน่ายของ ทีพีซี
โดยการยกฟ้องครั้งนี้เพราะศาลฯเห็นว่าโจทย์ไม่มีอำนาจฟ้องเรียกค่าเสียหายจากจำเลย เนื่องจากไม่ใช่ผู้เสียหาย และไม่ได้รับมอบอำนาจจากผู้เสียหายทั้ง 4 ราย ส่วนประเด็นเรียกค่าเสียหายนั้น เนื่องจากไม่มีหลักฐานแสดงว่าได้เกิดความเสียหายแก่โจทก์จริงตามที่โจทก์ฟ้อง ส่วนที่นางปาริชาติฟ้องร้อง บริษัท ฟลายไฮฯในคดีอาญาไว้ด้วย ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ระหว่างกระบวนการพิจารณาของศาลอาญา ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับทีพีซีแต่อย่างใด
ปัจจุบัน ทีพีซี มีตัวแทนจำหน่าย 3 ราย คือ บริษัท แอคทีฟ จำกัด , บริษัท อีลิท อินเตอร์เนชั่นแนล เอเชีย และ บริษัท อีลิท อินเตอร์เนชั่นแนล ยุโรป ส่วนบริษัทแพทโก้ ไม่ได้เป็นตัวแทนจำหน่ายของทีพีซีแล้ว
นายรพี กล่าวว่า ในส่วนของทีพีซี ขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษากฏหมาย เพื่อพิจารณาว่าจะฟ้องกลับนางปาริชาติหรือไม่ แต่โดยส่วนตัวเห็นว่าเมื่อศาลฯมีคำสั่งเช่นนี้แล้ว เท่ากับว่า คดีนี้ ทีพีซีไม่มีส่วนเกี่ยวข้องแต่อย่างใด จึงอยากให้เรื่องจบลงแค่นี้ แล้วเดินหน้าแผนงานขององค์กรต่อไปจะดีกว่า
ล่าสุดในวันศุกร์ที่ 21 กันยายนศกนี้ ทีพีซี ได้จัดงาน “ไทยแลนด์ อีลิท ไนท์” คาดว่าจะมีผู้ร่วมงานประมาณ 200 คน โดย 150 คน จะเป็น ตัวแทนจำหน่าย และสมาชิกบัตรอีลิท อีก 50 คน เป็นกลุ่มพันธมิตรของทีพีซี นอกจากนั้นจะมี กอล์ฟ สปา และโรงพยาบาล ที่เป็นพันธมิตร มาร่วมออกบูธในงานด้วยอีก 16 บูธ และทีพีซียังได้เชิญฑูตต่างประเทศที่ประจำอยู่ในประเทศไทยเข้าร่วมงานนี้ด้วย
“ทีพีซีมุ่งหวังให้งานนี้ เป็นจุดเริ่มต้นของการเรียกความเชื่อมั่นให้กลับคืนมา โดยภายในงานจะนำเสนอแผนงานของบริษัท การประสานงานกับทุกภาคส่วน ที่ทีพีซี สามารถดำเนินการให้แก่สมาชิกได้ และยังเป็นเวทีขอความคิดเห็นจากสมาชิกว่าต้องการได้สิทธิประโยชน์อะไรเพิ่มเติมบ้าง “
อย่างไรก็ตาม งานนี้ถือเป็นงานแรกหลังจากทีพีซี ได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีให้เดินหน้าโครงการต่อไปได้ ซึ่งงานนี้ถือเป็นการเปิดตัวเรียกความเชื่อมั่นอย่างเป็นทางการ เพราะหลายประเทศที่ยังไม่ทราบข้อเท็จจริง
ทั้งนี้บริษัทฯก็มีแนวคิดที่จะรีลอนช์แบรนด์ด้วยเช่นกัน โดยอยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้และรูปแบบ ขณะที่อยู่ในช่วงทำผลสำรวจจากพันธมิตร และ ตัวแทนจำหน่าย นอกจากนั้น การปรับลดสิทธิประโยชน์ในเรื่องการใช้สปาและสนามกอล์ฟเหลือ 24 ครั้งต่อปี และเพิ่มค่าสมาชิกเป็น 1.5 ล้านบาท ทำให้บริษัทต้องคิดในเรื่องของการเพิ่มสิทธิประโยชน์ ส่วนอื่นๆ ซึ่งตอนนี้เราเร่งมือเรื่องของการเป็นผู้ประสานงานด้านการลงทุนให้แก่สมาชิกผู้สนใจ กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งหน่วยงานด้านส่งเสริมการลงทุน และตลาดทุน เป็นต้น ก็จะสอดคล้องกับนโยบายของ ทีพีซี ที่ว่า ต้องการเป็นผู้ประสานงานอำนวยความสะดวกให้แก่นักลงทุนที่สนใจเข้ามาลงทุนในประเทศไทย
ปัจจุบันทีพีซี มีสามชิกทั้งสิ้น 2,259 ราย แบ่งเป็นสมาชิกใหม่ที่เพิ่งเข้ามาในเดือน ม.ค.- ส.ค.50 จำนวน 206 ราย คาดว่าถึงสิ้นปี จำนวนสมาชิกอาจไม่ได้ถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้ว่าจะได้ 500 ราย แต่ก็คงขาดไม่มากนัก ซึ่งทีพีซี ก็เร่งเดินสายออกโรดโชว์ทำความเข้าใจกับตัวแทนจำหน่ายในต่างประเทศ ตลอดมา
|
|
|
|
|