Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ เมษายน 2535








 
นิตยสารผู้จัดการ เมษายน 2535
"อัจจิมา เศรษฐบุตร จากหอคอยถึงตีนเขา"             
 


   
search resources

โคคา โคลา (ประเทศไทย), บจก.
อัจจิมา เศรษฐบุตร
Marketing
เทเลดาต้า (ประเทศไทย)
อินเทลลิเจ้นต์ โพรดักต์ (ประเทศไทย)




ในที่สุดอัจจิมา เศรษฐบุตรนักวิชาการด้านการตลาดชื่อดังก็ตัดสินใจเลิกชีวิตการเป็นลูกจ้าง โดยหันหน้าเข้าคุมบังเหียนบริหารงานบริษัทในเครือข่ายของสเปคไทยซึ่งตนเองมีส่วนร่วมมานานถึง 10 ปี ในฐานะหุ้นส่วนคนหนึ่ง

ก่อนหน้านี้อัจจิมาได้ตัดสินใจทิ้งตำแหน่งทางวิชาการจากการเป็นอาจารย์ประจำที่คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เพื่อก้าวเข้ารับตำแหน่งผู้ช่วยผู้อำนวยการใหญ่ภาคพื้นประเทศไทย-อินโดจีนให้กับบริษัทโคคา-โคล่า คอร์ปอเรชั่นในเดือนมกราคม 2531 หลังจากที่เป็นอาจารย์มานานถึง 13 ปี

การตัดสินใจในครั้งนี้เพื่อต้องการพิสูจน์ตัวเองว่าการสอนด้านการบริหารการตลาดซึ่งส่วนใหญ่จะอยู่ในรูปของทฤษฎีนั้น หากต้องลงมือทำในแง่ของการปฏิบัติจริงแล้วจะทำได้หรือไม่

อัจจิมามีหน้าที่ดูแลด้านการตลาดเทคนิคและการเงินตลอดระยะเวลา 3 ปีในการเริ่มต้นบทบาทนักบริหาร มีผลงานชิ้นสำคัญหลายชิ้นอย่างเช่นโครงการมหาวิทยาลัยโคคา-โคล่าหรือทีซีซียูซึ่งเป็นโครงการสถาบันอบรมพนักงานของโคคา-โคล่าแห่งแรกในโลก

ผลงานชิ้นหนึ่งที่เป็นก้าวสำคัญให้กับบริษัทฯ คือ การเจรจาซื้อกิจการตัวแทนจำหน่ายเครื่องโพสต์มิกซ์กลับคืนมาจากตัวแทนจำหน่ายที่ได้รับมอบหมายจำนวน 3 รายมาให้กับบริษัทไทยน้ำทิพย์ทำตลาดเองเป็นผลสำเร็จ โดยใช้ระยะเวลา 1 ปี (จากปี 2532-2533)

ทั้งนี้เป็นผลมาจากปัญหาที่เกิดขึ้นเมื่อตัวแทนจำหน่ายทั้ง 3 รายเกิดแย่งลูกค้ากันเองจนบางครั้งไม่สามารถที่จะควบคุมคุณภาพได้ ทำให้ตลาดไม่โตเท่าที่ควร ดังนั้นผู้บริหารของโค้กจึงมีแนวความคิดที่จะดึงกลับมาทำเองนานแล้วแต่ทำไม่สำเร็จ

"เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เหนื่อยมากเพราะต้องเจรจากับทางตัวแทนจำหน่าย ในขณะเดียวกันก็ต้องผสานงานกับทางเมืองนอก และไทยน้ำทิพย์ซึ่งแต่ละคนต่างมีจุดยืนของตัวเองที่ต้องการจะได้ในส่วนของตัวเองมากที่สุด ซึ่งเรื่องนี้มันยุ่งยากอยู่ที่การตีมูลค่าทรัพย์สินซึ่งไม่ใช่มีแต่เพียงเครื่อโพสต์มิกซ์เท่านั้น แต่รวมถึงทรัพย์สินที่ตัวแทนจำหน่ายแต่ละรายได้ลงทุนให้กับร้านค้าหรือโรงเรียนเพื่อแลกกับการเข้าไปขายได้เพียงยี่ห้อเดียว" อัจจิมาอธิบายถึงความยุ่งยากในการเจรจาต่อรองเรื่องนี้

แต่สำหรับการตัดสินใจครั้งล่าสุดนี้เป็นไปตามคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้กับเพื่อนร่วมหุ้น ในเงื่อนไขที่ว่าเมื่อธุรกิจเจริญเติบโตขึ้นอัจจิมาจะต้องกลับเข้ามาช่วยบริหารงานในบริษัทอย่างเต็มตัว

ประกอบกับความตั้งใจเดิมที่ต้องการจะทำธุรกิจของตัวเองซึ่งถือว่าเป็นการก้าวมาถึงจุดสูงสุดของชีวิต

อัจจิมาเข้ารับตำแหน่งกรรมการผู้จัดการของบริษัทอินเทลลิเจ้นต์ โพรดักต์ (ประเทศไทย) และบริษัทเทเลดาต้า (ประเทศไทย) ซึ่งเป็นบริษัทที่แยกตัวออกมาจากบริษัทสเปคไทยที่กำลังสร้างเครือข่ายเพื่อนำเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ ในอนาคตอันใกล้นี้

สเปคไทยเป็นตัวแทนจำหน่ายอุปกรณ์ให้กับธุรกิจค้าปลีกอย่างเช่นเครื่องเก็บเงิน เครื่องทำป้ายราคา เครื่องชั่งน้ำหนักซึ่งราคาอยู่ในระดับปานกลางถึงระดับล่างโดยเปิดดำเนินการมาแล้ว 10 ปีเต็มมียอดขายในปีที่ผ่านมา 165 ล้านบาท

ในขณะที่ระบบค้าปลีกมีการพัฒนาและเปลี่ยนแปลงไปมาก ดังนั้นความต้องการเครื่องมือที่ไฮเทคจึงเกิดตามมาสเปคไทยจึงตัดสินใจเปิดบริษัทใหม่คืออินเทลเจ้นต์ฯ เพื่อขายอุปกรณ์ค้าปลีกเช่นเดียวกับสเปคไทย แต่เจาะตลาดระดับที่สูงกว่า คือระดับปานกลางถึงสูงโดยการเป็นตัวแทนจำหน่ายอุปกรณ์ภายใต้ยี่ห้อ ICL ของอังกฤษ

ส่วนบริษัทเทเลดาต้าเป็นบริษัทที่ก่อตั้งขึ้นเมื่อต้นปีนี้โดยการร่วมทุนกับบริษัทเทเลดาต้า สิงคโปร์ซึ่งเป็นบริษัทจัดจำหน่ายสินค้าด้านโทรคมนาคมจากทั่วโลก จากการเข้าถือหุ้น 10% และการเป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านนี้มานานกว่าเทเลดาต้า สิงคโปร์จึงทำหน้าที่ในการซัพพอร์ตอุปกรณ์ด้านนี้ให้กับเทเลดาต้า ประเทศไทยซึ่งในระยะแรกนี้ได้มีการตัดสินใจนำเข้าตู้โทรศัพท์สาขายี่ห้อซีเมนส์เข้ามาทำตลาดก่อน

อัจจิมาได้ตั้งเป้าสำหรับยอดขายของบริษัทใหม่ทั้ง 2 แห่งในปี 2535 ซึ่งเป็นปีเริ่มแรกนี้ควรจะอยู่ในราวแห่งละ 40 ล้านบาท ซึ่งเป้าหมายนี้คงไม่ไกลเกินไปนัก ถึงแม้ว่าสินค้าที่ได้รับมอบหมายจะแตกต่างจากเดิมที่เคยทำมาไม่ว่าจะเป็นลักษณะของสินค้าราคา และวิธีการขายแต่ด้วยความเป็นนักการตลาดทำให้อัจจิมาค่อนข้างมั่นใจถึงความสำเร็จที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งครั้งนี้จะเป็นบทพิสูจน์ฝีมือการบริหารครั้งสำคัญที่สุดในชีวิตของการทำงานก็ว่าได้

"คิดว่าพออายุถึง 45 จะรีไทร์ตัวเองเพื่อทำอะไรให้กับสังคม การที่ออกมาทำธุรกิจของตัวเองจุดหนึ่งก็เพื่อที่ว่าอย่างน้อยจะมีรายได้ที่แน่นอนจากบริษัทโดยที่เราไม่ต้องเหนื่อยมากนัก ในขณะเดียวกันก็มีเวลาที่จะทำประโยชน์ให้กับสังคมในต่างจังหวัดโดยเฉพาะกับเด็ก ให้เขาเกิดความรู้สึกหรือทำอะไรที่ช่วยเหลือตัวเองเป็นอาชีพได้ เราคิดว่าจะเอาคอนเซ็ปท์ของการตลาดเข้าไปทำโครงการนี้ อาจทดลองที่จังหวัดหนึ่งหรือที่โรงเรียนหนึ่งก่อน เมื่อสำเร็จอาจทำเป็นฟรานไชส์หรือสาขาเป็นสูตรสำเร็จและขยายต่อไป ซึ่งความคิดนี้เกิดขึ้นมาประมาณ 7 ปีแล้ว" อัจจิมากล่าวถึงแรงจูงใจและสิ่งที่อยากจะทำต่อไปหลังจากที่มาบริหารงานของตัวเองแล้ว

ปัจจุบันอัจจิมาอายุ 42 ปี เพราะฉะนั้นเหลือเวลาอีกเพียง 3 ปีเท่านั้นที่จะต้องบริหารงานสู่จุดหมายปลายทางให้ได้ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่อัจจิมาบอกว่า "มันเป็นอะไรที่ตื่นเต้นและท้าทาย ถึงแม้ว่าจะต้องเจ็บตัวบ้างก็ตาม"

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us