Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ เมษายน 2535








 
นิตยสารผู้จัดการ เมษายน 2535
"สุดารัตน์ - นักต่อสู้โสเภณีเด็ก"             
 


   
search resources

สุดารัตน์ ศรีสังข์
Tourism
โครงการยุติโสเภณีเด็กในธุรกิจท่องเที่ยวเอเชีย
Social




ในที่สุดการค้าประเวณีก็ได้รับการรับรองโดยกฎหมายไทยให้เป็น "อาชีพ" ที่ถูกต้องชอบธรรมภายใต้เงื่อนไขหนึ่งไปแล้วหลังจากดำรงอยู่คู่กับสังคมมานานนับศตวรรษ

ตลอดเวลาที่ผ่านมาแม้ว่าคนส่วนใหญ่ของสังคมต่างก็บอกว่าไม่ใช่สิ่งพึงปรารถนา แต่กิจกรรมนี้ก็ก้าวหน้ารุ่งเรืองขึ้นเรื่อยมาทั้งในด้านปริมาณและ "คุณภาพ"

โสเภณีเด็กดูเหมือนจะเป็นภาพสะท้อนด้านคุณภาพประการหนึ่งที่บอกเล่าถึงความเฟื่องฟูของตลาดค้ากามารมณ์ ซึ่งเติบโตโดยไม่คำนึงถึงอะไรทั้งสิ้น

ไม่มีคุณธรรม ไม่มีความเมตตา ไม่มีความรัก…หรือกระทั่งความเป็นมนุษย์ ก็ดูเหมือนจะมีคำจำกัดความอันสิ้นสุดอยู่ตรงเรื่องของความต้องการทางเพศเพียงประการเดียว

"ถ้าถามว่าเมื่อก่อนทำไมไม่มีโสเภณีเด็กมากขนาดนี้ อาจจะพูดได้หลายระดับตั้งแต่ว่าลัทธิบริโภคนิยมแพร่หลายมากขึ้นทำให้ DEMAND ทางด้านนี้มีมากขึ้นด้วย ในขณะที่ SUPPLY ก็มาก กลุ่มผู้หาผลประโยชน์มีการแข่งขันกันสูงคือเป็นเรื่องยากที่จะระบุลงไปเหมือนกับว่าไก่-ไข่อะไรเกิดก่อนกัน แต่เท่าที่ได้พบเห็นได้พูดคุย ได้ข้อมูลต่าง ๆ มาคิดว่าธุรกิจท่องเที่ยวมีผลอย่างมากต่อการขยายตัวอย่างเป็นล่ำเป็นสันของโสเภณี" สุดารัตน์ ศรีสังข์ เลขาธิการโครงการยุติโสเภณีเด็กในธุรกิจท่องเที่ยวเอเชีย (ECPAT) กล่าวกับ "ผู้จัดการ"

เป็นที่รู้กันอยู่ว่า นับวันการท่องเที่ยวยิ่งมีบทบาทเกื้อกูลต่อเศรษฐกิจของประเทศกำลังพัฒนาทั้งหลาย ในขณะเดียวกันสภาพของธุรกิจด้านนี้ก็ใหญ่โตซับซ้อนมากขึ้น ธรรมชาติ,วัฒนธรรมมิได้จำกัดตัวอยู่แค่การเป็นเสน่ห์ดึงดูดให้คนมาเปิดโลกทัศน์ หรือแสวงหาประสบการณ์อีกต่อไป หากเปลี่ยนมาเป็น "สินค้า" สำหรับการบริโภคเพื่อตอบสนองความต้องการฉาบฉวยภายนอกมากกว่า และสินค้าในธุรกิจการท่องเที่ยวที่ซับซ้อนและขยายใหญ่นั้นก็จำเป็นต้องมีความหลากหลายขึ้นด้วย

"คน" ดูเหมือนจะเป็นสินค้าตัวหนึ่งที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวประเภทหนึ่งได้อย่างดี

โดยความเอาใจใส่ส่วนตัวสุดารัตน์เองสนใจศึกษาและคลุกคลีกับข้อมูลเรื่องโสเภณีมานานแล้ว โดยเฉพาะในด้านที่เป็นภาพกว้างระหว่างประเทศและที่เกี่ยวพันกับเรื่องการท่องเที่ยว หนังสือ SEX TOURISM ซึ่งเนื้อหาหลักได้กล่าวถึงความโยงใยต่อกันระหว่างปัญหาโสเภณีกับการท่องเที่ยวและการพัฒนา สุดารัตน์ก็เป็นคนหนึ่งที่มีส่วนร่วมอยู่ด้วยในการรวบรวมข้อมูลและจัดทำตั้งแต่ประมาณปี 2526 ในภาคภาษาเยอรมัน และในภายหลังยังได้ทำหน้าที่เป็นบรรณาธิการและผู้แปลหนังสือเล่มนี้เป็นภาษาไทยร่วมกับจันทรวิภา อภิสุข และจารุพัสตรา ไมโฮฟเฟอร์อีกด้วย

นอกจากนี้ในงานวิจัยเรื่อง PROSTITUTION THAI-EUROPION CONNECTION ที่ศึกษาเกี่ยวกับเรื่องราวของหญิงไทยผู้ไปขายตัวในต่างแดนก็เป็นผลงานของเธอเช่นกัน

การแพร่ขยายของการท่องเที่ยวเพื่อกามารมณ์หรือ SEX TOURS นับเป็นสถานการณ์ที่น่าตื่นตระหนกสำหรับผู้ที่ได้รับรู้ สินค้าไม่ได้มีเฉพาะเพศหญิงแต่รวมถึงเพศชาย ไม่ใช่แต่ผู้ใหญ่หากมีเด็กไว้เสนอขายด้วยอีกทั้งไม่ใช่ว่ามาประเทศไทยแล้วต้องพบเพียงเด็กหญิงสัญชาติไทย แต่มีทั้งจีน ลาว พม่า เวียดนาม กัมพูชา ฯลฯ

ปรากฏการณ์เหล่านี้ไม่มีพรมแดนของประเทศ ขณะที่ในไต้หวันมีการจัดเอาเด็กหญิงชาวพื้นเมืองเข้าแถวให้นักท่องเที่ยวเลือกตัว ที่ศรีลังกาก็หาซื้อเด็กผู้ชายได้เกลื่อนกลาดตามชายหาดอันเป็นสถานที่ท่องเที่ยว

องค์กร ECPAT ถือกำเนิดขึ้นก็ด้วยการเล็งเห็นถึงความเลวร้ายของสิ่งเหล่านี้และต้องการขจัดออกไป แม้จะเป็นองค์กรใหม่ที่เพิ่งก่อตั้งขึ้นเมื่อเดือนมกราคม 2534 แต่ประวัติศาสตร์ของการก่อตัวที่ค่อนข้างจะยาวนาน

เริ่มต้นจากเมื่อปี 2530 มีโครงการวิจัยชื่อ CHILD PROSTITUTION AND TOURISM เกิดขึ้นภายใต้การสนับสนุนขององค์กรที่ชื่อว่า พันธมิตรสากลเพื่อการท่องเที่ยวในประเทศโลกที่ 3 (ECUMENICAL COALITION FOR THIRD WORLD ECTWT) อันเป็นองค์กรนานาชาติที่จับปัญหาศึกษาเรื่องผลกระทบในทางลบของธุรกิจการท่องเที่ยวที่มีต่อประเทศโลกที่ 3 โครงการวิจัยนี้มุ่งศึกษาถึงเรื่องโสเภณีเด็กโดยเชื่อมเกี่ยวกับเรื่องของการท่องเที่ยวใน 3 ประเทศด้วยกัน คือ ไทย ฟิลิปินส์ และศรีลังกา ในงานนี้สุดารัตน์มีบทบาทเป็นผู้ประสานงานร่วมกับ JUNE ROGERS

เมื่อผลการศึกษาเสร็จสิ้นลงในปี 1990 แม้จะยังติดตามข้อมูลได้ไม่สมบูรณ์ทั้งหมดแต่สิ่งที่ได้มานั้นก็มากพอสำหรับการที่จะเดินหน้าต่อไป

เดือนพฤษภาคมปีเดียวกันนั้นเองจึงได้เกิดมีการสัมมนาเชิงปรึกษาหารือเกี่ยวกับสถานการณ์ของปัญหาโสเภณีเด็กขึ้นที่จังหวัดเชียงใหม่ เรียกว่าเป็น CHIANGMAI CONSULTATION

หลังจากที่ได้มีการนำเสนอข้อมูลจาก 5 ประเทศคือ ไทย ฟิลิปปินส์ ศรีลังกา อินเดีย และไต้หวันแล้ว ผู้เข้าร่วมประชุมซึ่งประกอบไปด้วยตัวแทนจากองค์กรเอกชนทั้งที่เป็นองค์กรทุนและองค์กรทำงานด้านเด็กด้านผู้หญิง และด้านการท่องเที่ยวในหลาย ๆ ประเทศประมาณ 60 คนต่างก็ถกเถียงกันเป็นการใหญ่ถึงวิธีที่จะหยุดปัญหานี้

ECPAT ถือเป็นองค์กรเคลื่อนไหวในระดับสากลที่มีเป้าหมายชัดเจนตามชื่อขององค์กร สำนักงานกลางนั้นตั้งอยู่ที่กรุงเทพฯ โดยมี RON O'GRADY ผู้ซึ่งมีบทบาทสำคัญที่สุดในการทำให้องค์กรเป็นจริงขึ้นได้เป็นผู้ประสานงาน และสุดารัตน์ ศรีสังข์เป็นเลขาธิการส่วน องค์กรเครือข่ายนั้นกระจายอยู่ในประเทศต่าง ๆ ประกอบไปด้วย 2 ส่วนคือ คณะกรรมการระดับชาติใน 4 ประเทศได้แก่ ไทย ศรีลังกา ฟิลิปปินส์ ไต้หวัน และกลุ่มสนับสนุนในอีกหลายประเทศ

"เรารู้ว่าต้องเริ่มที่ใดที่หนึ่งจึงเลือกเอเซียและเริ่มในแง่มุมที่เราจับทำมาก่อนก็คือในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว แต่ไม่ได้หมายความว่าโสเภณีเด็กเกิดมาจากการท่องเที่ยวเท่านั้น เพียงแต่งานตรงนี้จะเน้นส่วนนี้ โดยก็ตระหนักดีว่าองค์กรที่เป็นกลุ่มท้องถิ่นในประเทศต่าง ๆ ทำในประเด็นอื่น ๆ ด้วย เช่นด้านเศรษฐกิจ หรือสังคม" สุดารัตน์กล่าว

ในฐานะที่เป็นองค์กรศูนย์กลาง หน้าที่ของ ECPAT ก็คือการประสานงานสร้างเครือข่ายระหว่างประเทศ บทบาทที่ออกมาจึงได้แก่การจัดงานต่าง ๆ ให้มีการพบปะ แลกเปลี่ยนข้อมูลและความคิดเห็นกันในระหว่างองค์กรพันธมิตรทั่วโลกเพื่อที่จะทำการรณรงค์ในประเด็นที่มีลักษณะเป็นสากลต่อไป เช่น ประเด็นเกี่ยวกับข้อกฎหมาย นโยบายทางการเมือง หรือทางเศรษฐกิจเป็นต้น ซึ่งงานสัมมนาใหญ่งานหนึ่งได้เกิดขึ้นเมื่อปลายเดือนมีนาคมนี้ที่มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช สุดารัตน์ถือได้ว่าเป็นแม่งาน

"งานเดือนมีนาฯ เราต้องการให้ประเด็นเรื่องนี้ไปไกลกว้างและได้รับความร่วมมือจากองค์กรระดับประเทศหลาย ๆ ประเทศ หลักการใหญ่ก็คือต้องทำทั้ง 2 ฝ่ายฝ่ายหนึ่งคือประเทศผู้รับการท่องเที่ยวและประเทศผู้ส่งนักท่องเที่ยวมา ส่วนองค์กรภายในประเทศก็จะเป็นผู้ผลักดันความเคลื่อนไหวและสร้างกิจกรรมต่าง ๆ ภายในประเทศตน ต่างทำงานและต่างเป็นพันธมิตรที่เป็นแนวร่วมกัน โดยที่เป้าหมายของเราอยู่ที่การยุติปัญหาโสเภณีเด็ก จะเป็นว่าในธุรกิจท่องเที่ยวหรือไม่ก็แล้วแต่ คือถ้าไทยอาจจะต้องมากกว่าแง่นี้ แต่ของศรีลังกาจัดการในแง่นี้ได้ก็อาจจะแทบยุติทั้งหมด ขึ้นอยู่กับสภาพการณ์ของแต่ละที่"

สุดารัตน์ตระหนักดีว่าการดำรงอยู่ของโสเภณีมิได้ขึ้นอยู่กับการท่องเที่ยวประการเดียวในภาคส่วนอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาประเทศตามลัทธิทันสมัยอันทำให้มีสถานบริการหลากหลายรูปแบบเกิดขึ้น เปิดช่องทางให้เด็กหลุดเข้าไปได้ง่าย หรือในด้านของค่านิยมที่นับถือเงิน การหลงไหลในวัตถุนิยมและการบริโภคก็ทำให้ทั้งพ่อแม่และเด็กพอใจจะหันหาเส้นทางนี้มากขึ้น เช่นเดียวกับเรื่องของคุณธรรมในแง่ของความเป็นมนุษย์ที่เสื่อมถอยลง นี่ก็มีส่วนทำให้ความหยาบร้ายรุนแรงเยี่ยงนี้เกิดขึ้นได้

การจะยุติปัญหาเท่ากับต้องสู้กับขบวนการเหล่านี้จึงต้องอาศัยขบวนการที่แข็งและกว้างขวางพอ ๆ กัน

ภารกิจของ ECPAT และของสุดารัตน์ถูกวางไว้ภายในของเขตเวลา 3 ปี จากนั้นโครงการก็เป็นอันสิ้นสุดโดยนั่นก็คือการตั้งความหวังไว้ว่าปัญหาโสเภณีเด็กคงจะยุติลงด้วย อย่างน้อยก็ในระดับหนึ่งของทวีปเอเชีย จากนั้นพื้นที่การทำงานของ ECPAT ก็จะย้ายไปยังภูมิภาคอื่น ๆ ซึ่งมีปัญหาอยู่เช่นกันทั้งที่แอฟริกา อเมริกาใต้ และอินโดจีน

การมาพบกันของตัวแทนจากประเทศต่าง ๆ ทั้งจากทวีปเอเชีย ยุโรป อเมริกา แอฟริกากว่า 150 คนเมื่อวันที่ 31 มีนาคม-3 เมษายนนี้ ก็คือความพยายามอีกขั้นหนึ่งในการสร้างเครือข่ายให้เข้มแข็งขึ้น เนื่องจากปัจจุบันแม้ปัญหาโสเภณีเด็กจะได้รับความสนใจอย่างกว้างขวางกว่าเคยแล้ว แต่ทางด้านผู้นิยมร่วมเพศกับเด็กซึ่งเรียกว่าเป็นพวก PAEDOPHILES ก็มีปริมาณเพิ่มขึ้นด้วยและกิจการค้าเด็กข้ามชาติเองก็ได้พัฒนาขึ้นเป็นเครือข่ายด้วยเช่นกัน การจะต่อต้านกับกลุ่มเหล่านี้แท้จริงแล้วจึงเป็นเรื่องใหญ่มากจนกล่าวได้ว่าจำเป็นที่คนทั่วโลกควรจะร่วมมือกันเลยทีเดียว

"โสเภณีเด็กเป็นอาชญากรรมที่เราป้องกันได้และเป็นทาสที่ต้องได้รับการปลดปล่อยอย่างเด็ดขาด" นี่คือความมุ่งหมายสูงสุดขององค์กร ECPAT ที่มีสุดารัตน์ ศรีสังข์บริหารงานหลักอยู่ในขณะนี้

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us