|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
นายธนา เธียรอัจฉริยะ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มงานพาณิชย์ บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่นหรือดีแทค กล่าวว่าในเดือนพ.ย.ที่จะถึงนี้ดีแทคจะมีการรีเฟรชแบรนด์ดีแทคใหม่ทั้งภาพลักษณ์และความรู้สึก (look & feel) โดยวางเป้าหมายในปีหน้าว่าดีแทคจะต้องเป็น Most Admired Brand หรือเป็นแบรนด์ที่เป็นที่รักหรือชื่นชอบในใจผู้บริโภคซึ่งไม่เพียงต้องชนะเอไอเอสหรือทรูมูฟ แต่เมื่อถามประชาชนทั่วไปแบรนด์ดีแทคจะต้องทำให้เหนือกว่าอุตสาหกรรมอื่นอย่างแบรนด์โตโยต้าหรือสตาร์บักด้วย
“เราต้องเปลี่ยนทั้งองค์กร เรื่องแบรนด์ต้องฝังในจิตสำนึกทีละคน ความพร้อมขององค์กรเป็นหัวใจสำคัญที่สุด”
การที่ดีแทคต้องกลับมาเน้นเรื่องแบรนด์เนื่องจากคาดว่าในปีหน้าตลาดโทรศัพท์มือถือจะถึงจุดใกล้อิ่มตัวแล้ว โดยจะมีประชากรมือถือประมาณ 80% จากในปัจจุบันที่ยังพอมีการเติบโตโดยมีประชากรมือถือประมาณ 67-68% ดังนั้นการแข่งขันในตลาดมือถือปีหน้า การเล่นสงครามราคาเพื่อแย่งชิงลูกค้าใหม่คงไม่เกิดขึ้น แต่จะเกิดในลักษณะการแข่งขันเรื่องแพคเกจราคาและโปรโมชันโดยเฉพาะในตลาดต่างจังหวัด สิ่งที่โอเปอเรเตอร์ทุกรายเห็นตรงกันคือต้องรักษาฐานลูกค้าเก่าให้อยู่ระบบให้นานที่สุด เนื่องจากมีต้นทุนค่าใช้จ่ายต่ำกว่าการหาลูกค้าใหม่ ซึ่งคาดว่าปีหน้าจะมีการเติบโตน้อยกว่าปีนี้ และมือถือจะใกล้เคียงสินค้าคอนซูเมอร์มากขึ้นทุกทีโดยมีการเติบโตเพียงปีละ 1-2% เท่านั้น
ความพยายามสร้างแบรนด์ดีแทคให้เป็น Most Admired Brand ในสายตาของธนาถือเป็นเรื่องที่ยากมากจนเหมือนกับจะเป็นไปไม่ได้ (impossible) เพราะไม่ใช่แค่เปรียบเทียบในอุตสาหกรรมมือถือด้วยกันเอง แต่หาญกล้าไปเปรียบเทียบกับอุตสาหกรรมอื่นๆที่เป็นบริษัทข้ามชาติขนาดใหญ่ไม่ว่าจะเป็นโตโยต้าหรือสตาร์บัก สิ่งที่ธนาทำคือการกำหนดเป้าหมายเชิงรูปธรรม เพื่อผลสำเร็จด้านนามธรรม ด้วยการปั้นโครงการ impossible race หรือการวิ่งมินิมาราธอน 10 กม.หรือ 25 รอบสนามฟุตบอล โดยดีแทคจะให้ผู้บริหารระดับ VP ที่มีจำนวนประมาณ 100 คน ภายใต้การควบคุมของซิคเว่ เบรคเก้ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารดีแทค ทำหน้าที่เป็นโค้ช เพื่อให้ผู้บริหารอย่างน้อย 80% หรือ 80 คนจะต้องวิ่งได้ 10 กม.ภายในระยะเวลา 1 ชั่วโมงครึ่ง ในวันที่ 3 ก.พ. 2551หรืออีกประมาณไม่ถึง 5 เดือนข้างหน้า
‘มันมีกุศโลบายอยู่ในนี้ ถ้าเปลี่ยนแปลงตัวเองให้วิ่งได้ 10 กม.ก็น่าจะสามารถเปลี่ยนแปลงแบรนด์ดีแทคได้เช่นกัน แต่ถ้าทำไม่ได้ก็อย่าหวังว่าจะทำแบรนด์เราให้เป็นMost Admired Brandได้’
ในมุมมองธนาเห็นว่าความเป็นแบรนด์ที่ดีก็เหมือนกับการวิ่ง 10 กม.โอกาสน้อยแต่ต้องเริ่มทำวันนี้ และต้องมีคามสม่ำเสมอ และเมื่อเริ่มวิ่งวันนี้ พรุ่งนี้ต้องดีกว่าวันนี้ ต้องมีการเปลี่ยนแปลงตัวเองและต้องทุ่มเท 100% รวมทั้งหากเปรียบกันแล้วการวิ่งคนเดียวคงช่วยอะไรไม่ได้มากเท่ากับการวิ่งทั้งองค์กร
ธนาสะท้อนภาพความเป็นแบรนด์ที่ดีคือไม่ใช่แค่เรื่องโฆษณาแต่ต้องเป็นประสบการณ์ฝังใจลูกค้าและไม่ใช่แค่เรื่องบริการเท่านั้นแต่ต้องทำทุกองค์ประกอบทั้งองค์กร ไม่ใช่จำกัดแค่ส่วนงานการตลาดแต่ต้องประสานรวมทุกส่วนงานไม่ว่าจะเป็นฝ่ายบุคคล ฝ่ายการเงินหรือฝ่ายการขาย เพราะสุดท้ายแล้วแบรนด์คือเรา และเราคือแบรนด์
นายซิคเว่ เบรคเก้ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารดีแทคกล่าวว่าในความเห็นส่วนตัวแล้วไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ แต่การวิ่ง 10 กม.ในเวลา 1 ชม.ครึ่ง มันเป็นอะไรที่ใกล้เคียงความเป็นไปไม่ได้มากที่สุด แต่หากทำไม่ได้ถึง 80 คนมันก็ถือว่าไม่มีความล้มเหลวหากมีความพยายามเต็มที่ นอกจากนี้อาจเรียกได้ว่าไม่แฟร์เหมือนกันหากเทียบกับแบรนด์ระดับนานาชาติซึ่งมันก็เหมือนการจับผู้บริหารมาวิ่ง
แต่ความจำเป็นคือตลาดโทรคมนาคมใกล้จะเต็มแล้ว การแข่งขันไม่ใช่เป็นเรื่องเครือข่ายและราคาอย่างเดียว แต่แบรนด์จะมีความสำคัญมากขึ้น ลูกค้ามองแบรนด์เป็นปัจจัยหลักซึ่งการสร้างแบรนด์ไม่ใช่ใช้การโฆษณาหรือเอเจนซี่ แต่ต้องเกิดจากการเปลี่ยนแปลงภายในองค์กร ทุกคนต้องพยายามออกจากความสะดวกสบายส่วนตัวและต้องช่วยกัน
‘โจทย์วันนี้คือ 3 ก.พ.51 ผู้บริหาร 80% ต้องวิ่งได้ 10 กม.และสิ้นปีหน้าถามประชาชนทั่วไปว่าแบรนด์ไหนดีที่สุดหรือชอบมากที่สุด ต้องตอบว่าดีแทค’
นายธนากล่าวว่าการแข่งขันปีหน้าจะเป็นอีกเกมหนึ่ง เมื่อโอเปอเรเตอร์หันมารักษาฐานลูกค้าเก่ามากกว่าการหาลูกค้าใหม่ เพราะปัจจุบันกลายเป็นธรรมชาติไปแล้วว่ายิ่งอยู่นานยิ่งใช้โทรศัพท์ในราคาที่แพงขึ้น ซึ่งคาดว่าไม่เกินกลางปีหน้าโอเปอเรเตอร์จะต้องเริ่มกลับลำและเชื่อว่าลูกค้าที่อยู่นานไม่ควรจะใช้โทรศัพท์แพงกว่าเหมือนขณะนี้
‘ต่อไปหากมีเรื่องเบอร์ติดตัวทุกระบบ ยิ่งต้องต้องดูแลลูกค้าเป็นพิเศษ ชนิดถ้าอุ้มได้ก็ต้องอุ้ม เกมการตลาดจะเปลี่ยนไป’
บริการใหม่ใจดีฉุกเฉิน
นายเกษชญง สกาวรัตนานนท์ ผู้อำนวยการอาวุโส กลุ่มธุรกิจพรีเพด ดีแทคกล่าวว่าสิ่งที่แบรนด์ดีแทคจะต้องสร้างให้เกิดกับลูกค้าจะประกอบด้วย 2 ส่วนคือลูกค้าจะได้รับสิ่งที่ไม่คาดหวังอย่างบริการใจดีแจกวัน ใจดีให้ยืมหรือใจดีแปลให้ และต้องตอบสนองลูกค้าได้ทันท่วงทีเมื่ออยู่ในภาวะฉุกเฉิน เพื่อให้ลูกค้าสามารถใช้โทร.ได้ถึงแม้จะไม่มีเงินอยู่ในระบบก็ตาม
แฮปปี้ดีแทคออกบริการใหม่ใจดีฉุกเฉินเพื่อตอบสนองการใช้งานเมื่อลูกค้าอยู่ในภาวะฉุกเฉินไม่มีเงินค่าโทร.และวันหมดแต่ก็สามารถสื่อสารกับคนอื่นได้ยามจำเป็นด้วยการส่ง SMS ให้หมายเลขปลายทางโทร.กลับมาโดยสามารถใช้บริการได้ 2 วิธีคือกด *1014 จากโทรศัพท์มือถือหรือกด *114*ตามด้วยเลขหมายโทรศัพท์ปลายทาง 10 หลักตามด้วย # แล้วกดโทร.ออก
นายใหญ่เทเลนอร์มาไทย
มร.จอน เฟดริค บัคซอส President and CEO ของเทเลนอร์ ประเทศนอร์เวย์ ได้เดินทางมาเยี่ยมบริษัทในกลุ่มเทเลนอร์ในภูมิภาคเอเชีย โดยมาถึงเมืองไทยเมื่อเช้าวันที่ 11 ก.ย. ที่ผ่านมา และในเย็นวันเดียวกัน ทีมผู้บริหารของดีแทค นำโดยนายซิคเว่ เบรคเก้ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และนายธนา เธียรอัจฉริยะ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มงานพาณิชย์ ได้พาเดินทางไปยังจังหวัดขอนแก่นและยโสธร เพื่อเตรียมร่วมกิจกรรมม็อบแนะนำบริการ "ใจดีฉุกเฉิน" แก่ลูกค้าและประชาชน โดยนายธนากล่าวว่าการนำผู้บริหารระดับสูงสุดของเทเลนอร์ไปร่วมกิจกรรมก็เพราะต้องการให้ได้สัมผัสบรรยากาศการทำงานจริงอย่างเห็นถึงแก่นแท้ว่าการทำตลาดในแบบของดีแทคจริง ๆ แบบ walk the talk เป็นอย่างไร ไม่ใช่แค่ฟังจากคำบอกเล่า
‘เมื่อทราบว่าผู้บริหารสูงสุดของเทเลนอร์จะเดินทางมาประเทศไทย แทนที่เราจะเตรียมทำรายงานนำเสนอให้ฟังในออฟฟิศติดแอร์ เราได้เชิญให้คุณบัคซอสไปร่วมกิจกรรมม็อบของดีแทคเพื่อให้เห็นว่าในประเทศไทยเราทำงานกันอย่างไร โดยจะได้ร่วมพูดคุยกับลูกค้า แจกแผ่นพับแนะนำบริการ และกินก๋วยเตี๋ยวข้างทางเหมือนพนักงานดีแทคทุกคน’
|
|
|
|
|