|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
ล็อกซเล่ย์ สร้างช่องทางจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภค สกัดโมเดิร์นเทรดโขกค่าธรรมเนียมกำไรหด ผุดคีออส-แฟรนไชส์คล้ายเซเว่นฯ นำร่องสิ้นปีนี้ 100 แห่ง ปรับโครงสร้างบริษัท แตกธุรกิจขายตรงแอลไดเร็คเสริมทัพ กวาดทะลุ 1 หมื่นล้านบาท
นายสุรพันธ์ ภาษิตนิรันดร์ กรรมการผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ล็อกซเล่ย์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทฯวางแผนขยายช่องทางกระจายสินค้าอุปโภคบริโภคในรูปแบบใหม่คีออสก์ โดยอาศัยเครือข่ายที่มีอยู่ร่วมล้านเครือข่าย ทั้งจากโรงงานเคมี หวยออนไลน์ร่วม 8,000 แห่ง เป็นต้น เป็นจุดจำหน่าย จะเริ่มดำเนินการคีออสในร้านกาแฟ จำหน่ายขนมขบเคี้ยวและนมนำร่องในอีก 2 เดือนข้างหน้านี้ สิ้นปีนี้คาดว่าจะเปิดได้ 100 แห่ง และจะรุกเข้ามหาวิทยาลัย และหากมีความพร้อมบริษัทฯจะเปิดขายแฟรนไชส์คล้ายร้านสะดวกซื้อเซเว่น อีเลฟเว่น ในสิ้นปีนี้
การขยายช่องทางดังกล่าว เนื่องจากโมเดิร์นเทรดเรียกเก็บค่าธรรมเนียมต่างๆที่สูงขึ้น ทำให้เจ้าของสินค้าไม่ได้กำไรจากช่องทางดังกล่าวเท่าที่ควร ซึ่งหากแบรนด์ใดมีสายป่านไม่ยาวก็ไม่สามารถดำเนินการได้ โดยขณะนี้สินค้าอาทิ นมหนองโพ และน้ำมันพืชกุ๊ก กระจายสินค้าให้กับโมเดิร์นเทรดในสัดส่วน 30% เท่านั้น อีกทั้งโมเดิร์นเทรดยังผลิตสินค้าเฮาส์แบรนด์ขึ้นมาจำหน่ายแข่งขันมากขึ้น ดังนั้นบริษัทฯจึงหันมาสร้างช่องทางจำหน่ายที่เป็นของตนเองมากกว่า
สำหรับธุรกิจจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภค เป็นเรือธงที่สร้างรายได้หลักให้กับบริษัทฯถึงสัดส่วน 35% หรือคิดเป็นรายได้ในสิ้นปีนี้ 5,000 ล้านบาท มีการเติบโต 15-20% ในช่วงที่ผ่านมามีรายได้ 8 เดือนที่ผ่านมีรายได้ 3,000 ล้านบาท คาดว่าการเปิดช่องทางกระจายสินค้าใหม่จะผลักดันให้กลุ่มธุรกิจนี้มีการเติบโตเพิ่มขึ้น จากในสิ้นปีบริษัทฯตั้งเป้าหมายรายได้รวมเกิน 1 หมื่นล้านบาท เติบโตเกิน 10%
ปรับโครงสร้างธุรกิจดึงขายตรงเสริม
นายสุรพันธ์ กล่าวว่า ในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา บริษัทฯปรับโครงสร้างธุรกิจใหม่ จากเดิมแบ่งเป็น 3 ธุรกิจหลัก ได้แก่ กลุ่มสื่อสาร กลุ่มกระจายสินค้า และกลุ่มบริการ มาเป็น 5 กลุ่มธุรกิจ ได้แก่ กลุ่มการสื่อสาร ธุรกิจโครงการโครงสร้างพื้นฐาน กลุ่มบริการ กลุ่มธุรกิจร่วมทุน และกลุ่มการค้า แบ่งเป็น กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค เคมีภัณฑ์ สินค้าก่อสร้าง ธุรกิจต่างประเทศ อะไหล่รถยนต์ โดยได้แตกธุรกิจขายตรงมาเสริมในกลุ่มการค้า จัดตั้งบริษัท แอลไดเร็ค จำกัด ทุนจดทะเบียน 10 ล้านบาท คาดว่าอีก 3 ปี ธุรกิจขายตรงจะสร้างรายได้คิดเป็น 15% ของรายได้รวม
ที่ผ่านมาบริษัทฯมีเครือข่ายครอบคลุมทั่วประเทศ อาทิ ตัวแทนจำหน่าย กลุ่มค้าปลีก แต่ยังไม่มีเครือข่ายที่เป็นผู้บริโภค ดังนั้นจึงได้แตกธุรกิจขายตรง เนื่องจากมีแนวโน้มการเติบโตที่ดี โดยปีนี้คาดว่าจะโต 15-20% จากมูลค่า 5 หมื่นล้านบาท ตั้งเป้าภายใน 3-5 ปี จะมีเครือข่ายครอบคลุมทั่วประเทศ ส่วนเป้าหมายใน 5 ปีจะขึ้นเป็ฯอันดับ 5 ของธุรกิจขายตรง จากปัจจุบัน แอมเวย์ เป็นผู้นำตลาด กิฟฟารีน มิสทิน นูสกิน อันดับ 5 ไล่เลี่ยกันหลายแบรนด์ ส่วน 3-5 ปี หวังมีส่วนแบ่ง 2% และอีก 7-8 ปี เพิ่มเป็น 10%
|
|
|
|
|