Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ เมษายน 2535








 
นิตยสารผู้จัดการ เมษายน 2535
"ชัยชนะของ "เสริมสุข" และ "เป๊ปซี่"             
 


   
search resources

เสริมสุข, บมจ.
สมชาย บุลสุข
Soft Drink
เป๊ปซี่-โคล่า อินเตอร์เนชั่นแนล




เมื่อต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา บริษัทเป๊ปซี่-โคล่า อินเตอร์เนชั่นแนลได้จัดพิธีมอบรางวัล BOTTER OF THE YEAR ให้กับบริษัทเสริมสุข ในฐานะที่เป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องดื่มเป๊ปซี่ยอดเยี่ยมประจำภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกนี้

THE BOTTLER OF THE YEAR AWARD เป็นรางวัลเกียรติยศที่บริษัทเป๊ปซี่-โคล่าอินเตอร์เนชั่นแนลได้จัดขึ้นเพื่อมอบให้แก่ผู้ผลิต และจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของบริษัทที่สามารถเพิ่มยอดขายได้มากขึ้นเป็นประวัติการณ์เลย และยังสามารถคงไว้ซึ่งคุณภาพในการผลิตผลิตภัณฑ์ได้อย่างดีเยี่ยม

นับเป็นครั้งแรก ของเสริมสุขและผลิตภัณฑ์เป๊ปซี่ในประเทศไทยที่ได้รับรางวัลนี้ นอกจากนี้ยังได้รับการเสนอชื่อเข้ารับรางวัล BOTTLER OF THE YEAR AWARD ยอดเยี่ยมทั่วโลกอีกด้วย ซึ่งรางวัลนี้จะมีการประกาศผลในเดือนมิถุนายนที่จะถึงนี้

ในปี 2534 เป็นปีที่เสริมสุขใช้เงินลงทุนในการขยายตลาดค่อนข้างมากคือประมาณ 400 ล้านบาท โดยที่เงินส่วนใหญ่จำนวน 200 ล้านบาท จะใช้ในการติดตั้งเครื่องจักรรุ่นใหม่ที่มีกำลังการผลิตวันละ 1,200,000 ขวดหรือ 50,000 ลัง

นอกจากนี้ยังใช้ไปกับการลงทุนขยายสาขาและคลังสินค้า ในภาคเหนือและภาคอีสานอีก 6 แห่ง (ไม่รวมสาขาย่อย) การเพิ่มจำนวนรถขายซึ่งแบ่งเป็นรถบรรทุก 210 คัน รถปิอัพ 50 คัน และรถเล็กอีก 50 คัน รวมถึงการเพิ่มบุคลากรและการใช้ COMPUTER ON LINE ทั่วประเทศอีกด้วย

การลงทุนเป็นจำนวนมากของเสริมสุขในปีที่แล้ว เมื่อประกอบเข้ากับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงจากผลพวงของสงครามอ่าวเปอร์เซียและการเมืองภายในประเทศ ทำให้ตัวเลขผลประกอบการของเสริมสุขไม่สวยเท่าที่ควรคือมีกำไรลดลงจากประมาณการที่ให้ไว้กับตลาดหลักทรัพย์ฯ จากตัวเลข 230 ล้านเหลือ 92 ล้านบาท

ในขณะที่ตัวเลขยอดขายของเสริมสุขเพิ่มขึ้นจาก 5,985 ล้านบาทในปี 2533 เป็น 6,774 ล้านบาทในปี 2534

สมชาย บุลสุข กรรมการผู้จัดการบริษัทเสริมสุขได้อธิบายว่า "แต่เดิมเราตั้งเป้าไว้ว่าในปี 2534 นี้ตลาดน้ำอัดลมของเราจะมีอัตราการเติบโตประมาณ 10% ในขณะที่ตลาดกลับโตจริงเพียง 6% เท่านั้น แต่อย่างไรก็ตามยอดขายของบริษัทก็มีอัตราเพิ่มขึ้นสูงกว่าอัตราเติบโตของตลาดน้ำอัดลมโดยรวมที่เพิ่มขึ้นไม่ถึง 5%

จากจุดนี้เองที่ทำให้เสริมสุขรู้ได้ทันทีว่าสามารถช่วงชิงส่วนแบ่งการตลาดมาจากน้ำอัดลมค่ายอื่นได้ โดยปัจจุบันเสริมสุขมีส่วนแบ่งตลาดน้ำอัดลมรวมประมาณ 42.5% ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีก่อนประมาณ 1%

ในปี 2534 ยอดขายเฉพาะเป๊ปซี่เพิ่มขึ้นจากปีก่อนประมาณ 5.6% ในขณะเดียวกัน ส่วนแบ่งการตลาดของเป๊ปซี่ก็เพิ่มขึ้นอีก .6% เป็น 56.5% ของตลาดน้ำดำรวม ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขการเพิ่มขึ้นของส่วนแบ่งการตลาดที่สูงที่สุดในรอบ 5 ปีของเป๊ปซี่

และนั่นคือประเด็นสำคัญที่ทำให้เสริมสุขได้รับการพิจารณาให้รับรางวัลครั้งนี้

ท่ามกลางการแข่งขันที่ดุเดือนร้อนแรงของสมรภูมิน้ำอัดลมที่มีมูลค่าตลาดนับหมื่นล้านบาท การเพิ่มขึ้นของส่วนแบ่งตลาดแม้เพียง 1% ก็มีความหมายมากต่อคนทำงานรวมถึงองค์กรแห่งนั้น

"เป๊ปซี่เรายังไม่เคยได้เข้าไปชิงเพราะเราเสียเปรียบประเทศอื่นที่เพิ่งเริ่ม และตลาดยังเล็กเขาสามารถที่จะขยายตลาดได้มากกว่าเราซึ่งทำมานาน ฐานตลาดรวมถึงมูลค่าตลาดใหญ่กว่า ดังนั้นการที่จะได้ถึง 1% ต้องขายในปริมาณมากพอดู แต่การพิจารณามันไม่ได้อยู่ที่ว่าจะต้องขึ้นเท่าไหร่ แต่อยู่ที่ว่าต้องขึ้นมากกว่าคู่แข่ง" สมชายกล่าวถึงเบื้องหลังของการได้รับรางวัล B.O.Y.

การที่เสริมสุขได้รับรางวัลครั้งนี้เป็นการสร้างความมั่นใจ และกลายเป็นเครื่องวัดอย่างหนึ่งที่ว่าที่ผ่านมากลยุทธ์หรือนโยบายที่วางไว้นั้นใช้ได้ผล

ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา เสริมสุขพยายามที่จะขยายตลาดน้ำสีมิรินด้า และเซเว่นอัพให้โตขึ้นซึ่งเป็นยุทธศาสตร์อันหนึ่งที่จะลดแรงปะทะในสมรภูมิการแข่งขันของน้ำดำลง ในขณะที่เดิมคู่แข่งในตลาดได้โหมการทำกิจกรรมการตลาดไปที่น้ำดำเพียงตัวเดียว ขณะที่น้ำสีไม่จำเป็นต้องทำตลาดก็ขายได้อยู่แล้ว เพราะส่วนแบ่งตลาดนั้นทิ้งห่างคู่แข่งรายอื่นในตลาดมาก เมื่อเสริมสุขพยายามเร่งให้ตลาดน้ำสีโตก็กลายเป็นเรื่องที่คู่แข่งต้องระวังตัวมากขึ้น นั่นหมายถึงการที่คู่แข่งต้องโยกเงินบางส่วนมาป้องกันตลาด ผลที่ได้คือนอกจากจะทำให้เงินที่จะไปอัดฉีดกับน้ำดำเบาลงแล้ว ส่วนแบ่งตลาดของน้ำสีก็เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จากเดิมที่มีอยู่เพียง 11% เป็น 22-24% ในปัจจุบัน

และการเติบโตของมิรินด้าและเซเว่นอัพในตลาดประเทศไทยได้รับการพิจารณาจากบริษัทเป๊ปซี่-โคล่า อินเตอร์เนชั่นแนลพร้อมทั้งมีการมอบรางวัล BOTTLER OF THE YEAR ให้กับทางเสริมสุขไปก่อนหน้านี้แล้ว

สำหรับปี 2535 คงเป็นปีที่เสริมสุขต้องทำงานหนักขึ้นกว่าเดิม โดยเฉพาะการกอบกู้ผลประกอบการที่ตกต่ำของบริษัทกลับคืนมาพร้อมไปกับการขยายตลาดและรักษาส่วนแบ่งตลาดเอาไว้

เสริมสุขเริ่มเดินเครื่องด้วยการเปิดสาขาใหม่ขึ้นที่ภูเก็ตเมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เป็นการเข้าไปกระจายสินค้าแทนที่ตัวแทนจำหน่ายในท้องถิ่นเดิม จากการที่ตลาดภูเก็ตในช่วง 2-3 ปีหลังได้มีการพัฒนาและเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วโดยเฉพาะการเติบโตของตลาดท่องเที่ยวและโรงแรมมีสูงมาก ในขณะที่ตัวแทนจำหน่ายเดิมมีขีดความสามารถจำกัดในการให้บริการลูกค้าใหม่ ๆ ทำให้เสริมสุขต้องตัดสินใจเข้าไปดำเนินการเอง ซึ่งนั่นเป็นสัญญาณการรุกเข้าสู่ตลาดภาคใต้ซึ่งในอนาคตเป๊ปซี่ต้องกลับมาเป็นฝ่ายนำให้ได้

ขณะเดียวกันเสริมสุขก็ได้พยายามที่จะเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากการลงทุนขยายเครือข่ายจากปีที่ผ่าน ๆ มาโดยเฉพาะความพร้อมในเรื่องของการจัดจำหน่าย ซึ่งครั้งนี้เสริมสุขได้ร่วมมือกับบริษัทลีเวอร์ไทยเป็นครั้งแรกในการวางตลาด "ลิปตันไอซ์ที" ซึ่งเป็นสินค้าใหม่ของทางลีเวอร์ โดยเริ่มวางตลาดกลางเดือนมีนาคมที่ผ่านมา

ปัจจุบันเสริมสุขมีสาขาทั่วประเทศ 34 สาขา ไม่นับสาขาย่อย มีทีมขายประมาณ 4,000 กว่าคน มีร้านค้าเป็นจุดจำหน่ายมากกว่า 140,000 ร้านทั่วประเทศและหน่วยรถขาย 1,200 คัน

ซึ่งความพร้อมดังกล่าวนี่เองที่ทำให้ผู้บริหารของเสริมสุขหันมาพิจารณาถึงรายได้ที่เพิ่มขึ้นจากการเป็นผู้จัดจำหน่ายให้กับสินค้าอื่น ซึ่งก่อนหน้านี้เสริมสุขก็ได้มีการจัดจำหน่ายเครื่องดื่มเอ็ม 100 และเอ็ม 150 ให้กับบริษัทโอสถสภาเต็กเฮงหยูเป็นเวลา 7-8 ปีมาแล้ว และสามารถทำกำไรให้กับเสริมสุขปีหนึ่ง ๆ หลายสิบล้านบาท นับเป็นการเพิ่มกำไรให้กับบริษัท รวมถึงการสร้างพันธมิตรทางธุรกิจที่น่าจับตาวิธีหนึ่งทีเดียว

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us