|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
ปาร์คนายเลิศ สนลงทุนโรงแรมในภูฎาน หลังถูกจีบมานานหลายปี ตั้งธงหลังเสร็จภาระกิจที่ปรึกษาจัดเตรียมงานพระราชพิธีราชาภิเษกสมเด็จพระราชาธิบดีจิกมีกลางปีหน้า ค่อยมาจับเข่าคุยในระดับผู้บริหาร มั่นใจแม้อยู่หลังม่านการจัดงาน แต่จะได้ภาพลักษณ์แบบเวิร์ดออฟเม้าท์
นางพิไลพรรณ สมบัติศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โรงแรมปาร์คนายเลิศ จำกัด เจ้าของโรงแรม ปาร์คนายเลิศ แรฟเฟิลส์ อินเตอร์เนชั่นแนล (Nai Lert Park Bangkok a Raffles INTERNATIONAL HOTEL) เปิดเผยว่า มีแนวคิดที่จะเข้าไปลงทุนธุรกิจโรงแรมที่ประเทศภูฏาน โดยจะเข้าไปในนามของบริษัท ปาร์คนายเลิศ จำกัด แต่ทั้งนี้คงต้องรอให้เสร็จงานพระราชพิธีราชาภิเษกสมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก แห่งภูฏาน ซึ่งคาดว่าจะมีขึ้นประมาณกลางปีหน้า ค่อยนำเข้ามาหารือในระดับผู้บริหาร โดยกรอบเบื้องต้นคงเป็นโรงแรมระดับหรู 5-6 ดาว ตามแบบฉบับของปาร์คนายเลิศ แต่คงไม่ใช้คอนเซปต์ ปาร์ค เพราะภูฏานมีภูมิประเทศเป็นป่าเขามากอยู่แล้ว
สาเหตุของการลงทุนครั้งนี้ เนื่องจากได้มีการเชิญชวนจากผู้ใหญ่ และรัฐมนตรีบางท่านว่า ความชำนาญด้านธุรกิจโรงแรมของ ปาร์คนายเลิศ โดยเฉพาะเรื่องการจัดเลี้ยงและรับรองแขกระดับวีไอพี น่าจะเข้ามาลงทุนในประเทศภูฏานบ้าง เพื่อจะได้นำมาตรฐานการทำงานและการบริหารงาน มาเป็นตัวอย่างให้โรงแรมที่อยู่ในภูฏานได้มีการปรับตัวให้เป็นมาตรฐานระดับสากล
ทั้งนี้จากข้อมูลเบื้องต้นโรงแรมกว่า 80% ในภูฏาน จะลงทุนโดยนักธุรกิจจากประเทศอินเดีย ส่วนหนึ่งเพราะมีอาณาเขตประเทศติดกัน และยังมีข้อตกลงระหว่างประเทศในเรื่องของการเดินทางข้ามแดน และ การลงทุน ซึ่งโรงแรมเชนระดับอินเตอร์ที่เปิดให้บริการที่ภูฏานได้แก่ อมัน และเชดี และ ที่กำลังจะเปิดตัวเร็วนี้คือ โรงแรมทราส ซึ่งเป็นเชนของประเทศอินเดีย ที่ใหญ่ที่สุดของภูฏาน มีห้องพักถึง 100 ห้อง
"โรงแรมส่วนใหญ่ในภูฏานจะประมาณ 50 ห้อง ซึ่งหากปาร์คนายเลิศจะเข้าไปเปิดก็คงไชน์ไม่เกิน 100 ห้องเช่นกัน โดยดูจากจำนวนนักท่องเที่ยว ตลาด และสถานที่ เพราะเขาเป็นประเทศขนาดเล็ก มีประชากรไม่มากนัก อีกทั้งรัฐบาลเขายังจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยวต่อปี ตั้งกฎการใช้เงินขั้นต่ำต่อวันของนักท่องเที่ยวต้องไม่ต่ำกว่าคนละ 200 เหรียญสหรัฐ และยังมีเพียงสายการบินดุ๊ก แอร์ เพียงสายการบินเดียวที่บินเข้าไปยังเมืองหลวง "
อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่ภูฎานเริ่มเปิดประเทศ โดยเฉพาะช่วงหลังพระราชพิธีเฉลิมฉลอง 60 ปี ครองราชย์ ของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของไทย ทำให้ทั่วโลกรู้จักประเทศภูฏานมากขึ้น ปริมาณนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าไปก็มากขึ้น ซึ่งคนไทยเองก็เริ่มเดินทางเข้าไปแล้ว โดยมีบริษัทนำเที่ยวจัดเป็นแพกเกจทัวร์นำไป แต่นักท่องเที่ยวที่เป็นตลาดหลักของประเทศนี้ คือ ญี่ปุ่นและยุโรปส่วนใหญ่เป็นนักธุรกิจ และนักธรรมชาติวิทยา นักท่องเที่ยวจริงๆยังมีน้อย โดยเฉพาะกลุ่มแบคแพกเกอร์แทบจะไม่มีเลย
นางพิไลพรรณ กล่าวว่า การที่ปาร์นายเลิศ ได้รับความไว้วางใจจากรัฐบาลภูฏาน แต่งตั้งให้เป็นที่ปรึกษาในการจัดเตรียมงานพระราชพิธีราชาภิเษกสมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก ครั้งนี้ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะสายสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นกว่า 15 ปี ระหว่างราชวงศ์วังชุก แห่งภูฏาน กับครอบครัวสมบัติศิริ โดยที่ผ่านมา ทางครอบครัวสมบัติศิริ ได้เดินทางไปภูฎานเฉลี่ยปีละ 1-2 ครั้ง ได้รับการต้อนรับอย่างดีจากพระญาติทุกประองค์ ตลอดจนข้าราชการชั้นผู้ใหญ่
"การเข้าไปเป็นที่ปรึกษาจัดเตรียมงานครั้งนี้ เราช่วยด้วยใจไม่ได้รับค่าตอบแทน และ ไม่ได้ใช้โลโก้ของปาร์นายเลิศ ทุกอย่างเราจะให้เป็นหน้าตาของโรงแรมและคนของภูฎานทั้งหมด แต่เชื่อว่าชื่อเสียงของเราจะเกิดจากการบอกต่อ เพราะระดับผู้บริหารประเทศทุกคนของภูฏานทราบว่า เราเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง ซึ่งการตลาดแบบบอกต่อก็เป็นสิ่งสำคัญและน่าเชื่อถืออยู่แล้ว"
|
|
|
|
|