Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน6 กันยายน 2550
ธปท.ผ่อนเกณฑ์30%ให้TDEXมั่นใจไม่กระทบเงินบาทแข็ง             
 


   
www resources

โฮมเพจ ธนาคารแห่งประเทศไทย

   
search resources

ธนาคารแห่งประเทศไทย
Investment




นายปกรณ์ มาลากุล ณ อยุธยา ประธานกรรมการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ต.ล.ท.)เปิดเผยว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)ได้อนุมัติที่จะมีการยกเลิกมาตรการกันเงินสำรอง 30% สำหรับนักลงทุนต่างชาติที่จะเข้ามาลงทุนในกองทุนเปิดไทยเด็กซ์เซ็ท 50 อีทีเอฟ (TDEX) ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดีมาก และกองทุนดังกล่าวจะเข้าซื้อขายวันแรกในวันนี้ (6 ก.ย.) หลังจากที่ทางตลาดหลักทรัพย์ฯได้มีการเสนอไปยังธปท.ให้มีการผ่อนเกณฑ์ดังกล่าว

"เราอยากขอบคุณแบงก์ชาติที่เข้าใจและสนับสนุนการลงทุนในตลาดหุ้น ซึ่งน่าจะทำให้นักลงทุนต่างชาติสนใจเข้ามาลงทุนเพิ่มมากขึ้น" นายปกรณ์กล่าว

นายสมจินต์ ศรไพศาล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักหลักทรัพย์จัดการการกองทุนรวม วรรณ จำกัด ในฐานะผู้บริหารกองทุนไทยเด็กซ์เซ็ท 50 กล่าวว่า การที่ธปท.มีการยกเว้นการใช้มาตรการกันเงินสำรอง 30%ให้กองทุนไทยเด็กซ์เซ็ท 50 นั้น ถือว่าเป็นปัจจัยบวกอย่างมากทำให้นักลงทุนต่างประเทศเข้ามาลงทุน ซึ่งจะทำให้ปริมาณการซื้อขายมีมากขึ้น เนื่องจากเป็นอีกทางเลือกในการที่จะเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทย โดยก่อนหน้านี้ บริษัทคาดว่าขนาดกองทุนจะมีการเติบโตปีละประมาณ 30-50% โดยในปีแรกบริษัทคาดว่าจะมีการเติบโตที่มากกว่าที่คาดการณ์ไว้ จากที่เป็นสินค้าใหม่ที่นักลงทุนรอคอยและยิ่งทางธปท.มีการผ่อนเกณฑ์30%ก็จะทำให้ต่างชาติเข้ามาลงทุน

" เดิมบริษัทคาดว่ากองทุนไทยเด็กซ์เซ็ท 50 จะเติบโตปีละ30-50% แต่จากที่มีการยกเว้นมาตรการ 30% เชื่อว่าในปีแรกขนาดกองทุนจะโตมากว่าที่คาดการณ์ไว้ เนื่องจากเพิ่มความสะดวกสบายให้นักลงทุนเข้ามาลงทุนจากเดิมที่จะต้องเลือกลงทุนรายตัวแต่มาซื้อกองทุนนี้ได้ลงทุนทั้ง 50ตัว และยังมีการจ่ายเงินปันผลปีละ 2 ครั้ง ซึ่ง SET50 ขณะนี้มีผลตอบแทน 3.5% ดังนั้นถือว่ากองทุนดังกล่าวเป็นทางเลือกการลงทุนที่ดีสำหรับนักลงทุน"นายสมจินต์ กล่าว

ทั้งนี้ การซื้อขายวันแรกของไทยเด็กซ์เซ็ท 50 นั้นจะมีการเคลื่อนไหวตามทิศทางตาม SET50 แต่จากการที่ปัจจัยภายในประเทศมีพัฒนา-การในทิศทางที่ดีขึ้นนั้น ก็จะส่งดีต่อดัชนี SET50 ให้ปรับตัวดีขึ้น โดยปัจจุบัน SET50 มีค่า พี/อี ที่ 12 เท่า ผลตอบแทนจากเงินปันผล 3.5% ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับที่ดี ประกอบกับช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ทางบริษัทได้มีการให้ความรู้เกี่ยวกับการลงทุนดังกล่าว ซึ่งทำให้นักลงทุนมีความรู้ความเข้าใจมากขึ้นและสนใจที่จะเข้ามาลงทุน

นอกจากนี้ นักลงทุนอีกกลุ่มหนึ่งที่มีความสนใจที่จะเข้ามาลงทุนแต่ต้องการให้กองทุนไทยเด็กซ์เซ็ท 50 เข้ามาซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯก่อนถึงจะเข้ามาลงทุน ซึ่งจะทำให้การซื้อขายวันแรกน่าจะได้รับความสนใจจากนักลงทุนเข้ามาซื้อขายจำนวนมาก บริษัทเชื่อว่านักลงทุนที่ได้มีการจองซื้อในช่วงที่เสนอขายไอพีโอ จะมีผลกำไรพอสมควรจากที่ได้มีการลงทุนภายใน 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา

ธปท.เชื่อไม่มีผลต่อค่าบาท

นางสาวนิตยา พิบูลย์รัตนกิจ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายตลาดการเงินธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า ธปท.ได้อนุญาตให้กองทุนไทยเด็กซ์เซ็ท 50 อีทีเอฟ (TDEX) ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ทางการเงินประเภทใหม่ของตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้รับยกเว้นมาตรการกันสำรอง 30% เนื่องจากที่ผ่านมา ธปท.ไม่ได้ผ่อนผันการกันสำรอง 30% ให้กองทุนรวม แต่ทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้ชี้แจงว่า หน่วยลงทุนในมีลักษณะนี้มีการอ้างอิงกับดัชนีราคาหุ้น ซึ่งมีการซื้อขายเช่นเดียวกับหุ้นที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ

ดังนั้น ธปท.จึงอนุญาตให้สามารถนำเงินเข้าบัญชีเงินบาทของบุคคลที่มีถิ่นที่อยู่นอกประเทศ เพื่อวัตถุประสงค์เฉพาะการลงทุนในตราสารทุนและสัญญาล่วงหน้า (บัญชี SNS) ได้โดยได้รับการยกเว้นมาตรการกันสำรอง30%

นายสุชาติ สักการโกศล ผู้อำนวยการฝ่ายกำกับแลกเปลี่ยนเงินและสินเชื่อสายตลาดการเงิน ธปท. กล่าวว่าธปท.เชื่อว่าการลงทุนในกองทุน TDEX ที่ผ่อนผันให้ได้รับการยกเว้นมาตรการกันสำรอง 30% เช่นเดียวกับการลงทุนในหุ้นจะไม่มีผลกดดันต่อค่าเงินบาท รมทั้ง ตลาดการเงินไทยแม้นักลงทุนต่างชาติจะขนเงินมาลงทุนในลักษณะนี้จำนวนมากอย่างที่หลายฝ่ายกังวลกัน เนื่องจาก กองทุนดังกล่าวมีขนาดแค่ 1,000 ล้านบาท หรือคิดเป็น 30ล้านเหรียญสหรัฐเท่านั้น ซึ่งว่าเป็นจำนวนเงินที่ไม่เยอะจนกดดันค่าเงินบาทให้แข็งค่าขึ้นได้

" เหตุผลที่ผ่อนผันให้กองทุนอีทีเอฟได้รับการยกเว้นมาตรการกันสำรอง 30% เพราะทางก.ล.ต.ได้ชี้แจงกับเราว่ากองทุน TDEX นี้มีลักษณะการซื้อขายเช่นเดียวกับหุ้นซึ่งเดิมทีธปท.ก็มีการผ่อนผันมาตรการกันสำรองให้แก่หุ้นอยู่แล้ว ดังนั้น ตนได้ส่งเรื่องนี้ให้ท่านผู้ว่าการธปท.พิจารณาตั้งแต่เมื่อวันที่ 4 ก.ย.ที่ผ่านมาและได้รับการพิจารณาทันทีและมั่นใจว่าการลงทุนอีทีเอฟจะไม่มีผลต่อให้เงินบาทแข็งค่าได้"

อนึ่ง ก่อนหน้านี้ตลาดหลักทรัพย์ฯได้อธิบายถึงการลงทุนในกองทุนเปิดไทยเด็กซ์เซ็ท 50 อีทีเอฟ (TDEX) ใช้เป็นหลักเกณฑ์เดียวกับการซื้อขายหุ้น ทั้งการเข้าจดทะเบียนเป็นหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์ฯ เกณฑ์การซื้อขาย เช่น การส่งคำสั่งแบบ basket order การกำหนดราคาสูงสุด ต่ำสุดในอัตรา 30% จากราคาปิดครั้งก่อน รวมทั้ง การทำ short sales และการชำระราคาและส่งมอบหลักทรัพย์

ทั้งนี้ TDEX เป็นตราสารใหม่ที่เปิดให้ผู้ลงทุนซื้อขายได้ในลักษณะเดียวกับการลงทุนในหุ้น คือ ต้องซื้อขายผ่านโบรกเกอร์ และสามารถซื้อขายโดยอ้างอิงราคา Realtime รวมทั้ง มีผู้ดูแลสภาพคล่องตลอดเวลาของการซื้อขาย ซึ่งเป็นคุณลักษณะเดียวกับการซื้อขายหุ้น

นายวิชัย พูลวรลักษณ์ นายกสมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทย กล่าวว่า TDEX เป็นตราสารใหม่ที่เหมาะสำหรับผู้ลงทุนรายย่อย เนื่องจากเป็นตราสารที่ช่วยกระจายความเสี่ยงได้ เพราะมีลักษณะเหมือนการลงทุนในหุ้น แต่เป็นการลงทุนในกลุ่มหุ้นตามดัชนีที่ใช้อ้างอิง ทำให้ได้รับผลกระทบไม่มากนักเมื่อราคาหุ้นตัวใดตัว หนึ่งปรับลดลง และไม่ต้องแบกรับความเสี่ยงจากการเลือกลงทุนในหุ้นหุ้นใดหุ้นหนึ่งด้วยตัวเอง ดังนั้น จึงเป็นตราสารที่เป็นประโยชน์ในการเป็นทางเลือกใหม่สำหรับผู้ลงทุน และทำให้ตลาดทุนไทยมีความน่าสนใจเพิ่มมากขึ้น ทั้งต่อผู้ลงทุนในประเทศและผู้ลงทุนต่างประเทศ

วายุภักษ์2คลอดไม่ทันปีนี้

นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์ฯ กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีการจัดตั้งกองทุนวายุภักษ์ 2 ว่า การดำเนินการจัดตั้งกองทุนดังกล่าวไม่น่าจะสามารถจัดตั้งได้ทันปีนี้ เนื่องจากยังอยู่ระหว่างการเตรียมความพร้อมรวมถึงการปรับแก้ไขในรายละเอียดบางเรื่อง ประกอบกับยังติดปัญหาเรื่องการนำหุ้นรัฐวิสาหกิจที่กระทรวงการคลังถือหุ้นอยู่ ออกมากระจายให้แก่ประชาชน โดยในเรื่องดังกล่าวมีกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ซึ่งรวมถึงการกำหนดสัดส่วนในการถือหุ้นของกระทรวงการคลังที่ต้องนำมาพิจารณาประกอบ

ทั้งนี้ แม้ว่ากองทุนดังกล่าวยังไม่สามารถจัดตั้งทันปีนี้ แต่แผนในการระยะยาวยังสนใจที่จะเสนอให้มีการจัดตั้ง แต่คงต้องรอให้รัฐบาลรวมถึงกระทรวงการคลังมีความพร้อมก่อน ซึ่งหากมีการจัดตั้งอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงชื่อกองทุนจากกองทุนวายุภักษ์ 2 เป็นกองทุนเพื่อการลงทุนระยะยาวแทน

"เราอยากให้กระทรวงการคลัง นำหุ้นในรัฐวิสาหกิจที่กระทรวงการคลังถือหุ้นอยู่ออกมากระจายให้นักลงทุน เพื่อให้ประชาชนมีส่วนในการถือครองหุ้นให้มากที่สุด ส่วนจะมีการเลือกหุ้นรัฐวิสาหกิจตัวใดบาง คงต้องให้กระทรวงการคลังเป็นฝ่ายเลือกอีกครั้ง"นางภัทรียากล่าว   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us